หงส์หืดจับ!หัวขิงโผล่ฮีโร่ยิงซัด2-1

หงส์หืดจับ!หัวขิงโผล่ฮีโร่ยิงซัด2-1

ไม่เคยได้ชัยชนะมาง่ายๆเช่นเดิมสำหรับลิเวอร์พูลหลังเปิดรังแอนฟิลด์เบียดเอาชนะคาร์ดิฟฟ์หวุดหวิด 2-1 โดยนาบิล เอลซาร์ยิงนำไปก่อนแต่มาถูกเพิร์สตีเสมอจนต้องรบกวนสตีเฟ่น เจอร์ราร์ดยิงประตูชัยให้หงส์แดงเบียดชัยไปหวุดหวิด 2-1

บรรยายเกมโดยลูกแม่กิ่ง

ลิเวอร์พูล 2-1 คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้

สนาม :
แอนฟิลด์

ประตู : 1-0 นาบิล เอล ซาร์ น.48, 1-1 ดาร์เรน เพิร์ส น.65, 2-1 สตีเฟ่น เจอร์ราร์ด น.66

เกมคาร์ลิ่ง คัพ รอบที่ 4 ลิเวอร์พูล มีการปรับตัวผู้เล่นกันพอสมควรโดยมีดาวรุ่งอย่างแจ็ค ฮอบบ์ส ที่ได้ลงตัวจริงในแนวรับเป็นครั้งแรกคู่กับเจมี่ คาร์ราเกอร์ ส่วนที่เหลือก็เป็นบรรดาตัวสำรองที่ไม่ค่อยได้เล่นในช่วงก่อนหน้านี้ รวมถึงแฮร์รี่ คีลล์ ที่มีชื่อเป็นตัวสำรองด้วยหลังไม่ได้เล่นมานับฤดูกาล

แต่ไฮไลท์ของเกมจริงๆอยู่ที่การกลับมาแอนฟิลด์อีกครั้งของร็อบบี้ ฟาวเลอร์ ศูนย์หน้าขวัญใจตลอดกาลของชาวเดอะ ค็อป หลังต้องย้ายไปอยู่กับคาร์ดิฟฟ์ เมื่อไม่ได้รับการต่อสัญญาจากราฟาเอล เบนิเตซ ในช่วงสิ้นสุดฤดูกาลที่แล้ว

สำหรับเกมนี้ในครึ่งแรก ลิเวอร์พูล เป็นฝ่ายบงการเกมเอาไว้ได้ทั้งหมดตั้งแต่ต้นจนจบ แต่ปัญหาเดิมๆที่คอยหลอกหลอนมานานก็ยังคงอยู่ คือการทำเกมในพื้นที่สุดท้ายไม่เฉียบคม

ในขณะที่ปีเตอร์ เคราช์, เซบาสเตียน เลโต้, ไรอัน บาเบิล มีโอกาสแบบผิวเผิน แต่คาร์ดิฟฟ์ ก็เกือบได้เฮจากโอกาสของฟาวเลอร์ ที่เกือบส่องทีมเก่าได้ตั้งแต่นาทีที่ 4 เลยจากการยิงไกลนอกกรอบเขตโทษ แต่ชาร์ลส อิตองด์เช่ ยังผวาปัดออกไปได้

ด้วยประสิทธิภาพเกมรุกที่สุดทื่อ ทำให้จบครึ่งแรกที่แอนฟิลด์ ลิเวอร์พูล ก็เลยยังทำได้แค่เสมอกับทีมเยือนอยู่ 0-0 เท่านั้น

แต่เมื่อกลับมาเล่นกันใหม่ในครึ่งหลังได้แค่ 3 นาที หงส์แดงก็ทำประตูขึ้นนำได้สำเร็จ เมื่อเจอร์ราร์ดลากขึ้นมาหน้ากรอบเขตโทษแล้วก็แทงต่อให้เจ้าหนูนาบิล เอล ซาร์ที่วางเท้าเสี้ยววินาทีเดียวก่อนตะบันไกลบอลพุ่งแหวกฝูงแนวรับทีมเยือนก่อนพุ่งชนเสาเสียบตาข่ายเข้าไปอย่างสุดงาม เป็นประตู 1-0 สำหรับเจ้าถิ่นและเป็นประตูแรกของดาวรุ่งชาวโมร็อคโกด้วย

ทว่าประตูนี้ก็ทำเอาเกมของเจ้าถิ่นช็อตไปดื้อๆ และกลายเป็นคาร์ดิฟฟ์ ที่เริ่มเล่นได้น่ากลัวขึ้นเรื่อยๆ โดยฟาวเลอร์ มีโอกาสเปิดให้ดาร์เรน เพิร์ส โขกหลุดกรอบไปนิดเดียวเท่านั้น

แต่หลังจากนั้นเพิร์ส ก็มาทำประตูตีเสมอให้กับคาร์ดิฟฟ์ ได้จริงๆในนาทีที่ 64 จากการเปิดของพอล แพร์รี่ ทำให้สกอร์กลับมาเจ๊ากันที่ 1-1 จนได้

อย่างไรก็ตามลิเวอร์พูล ก็มายิงนำอีกครั้งในนาทีถัดมาและต้องบอกว่าเป็นการประสานงานต่อบอลน้องๆอาร์เซนอลโดยเริ่มจากจังหวะสวนกลับจากแนวรับสตีเฟ่น เจอร์ราร์ดส่งให้เคราช์ซึ่งแตะชิ่งเร็วที่กลางสนามให้กัปตันทีมบึ่งขึ้นมาก่อนไหลให้เบนายูนติดเครื่องกระชากเข้าถึงเขตโทษก่อนหักคืนให้เจอร์ราร์ดตั้งเท้าแปลอดขานายทวารเข้าไปอย่างสุดสวย เป็นการต่อบอลแค่ 4 จังหวะเท่านั้นเองและเป็นการทำประตู 3 นัดติดต่อกันของกัปตันทีมพลังไดนาโมเข้าให้แล้ว ก่อนที่เจ้าถิ่นจะรักษาสกอร์นำ 2-1 เอาไว้ได้จนหมดเวลาและผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายดังใจหมาย

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

ลิเวอร์พูล :
ชาร์ลส อิตองด์เช่, อัลบาโร่ อาร์เบลัว, แจ็ค ฮอบบ์ส, เจมี่ คาร์ราเกอร์, ฟาบิโอ ออเรลิโอ, นาบิล เอล ซาร์ (แฮร์รี่ คีลล์ น.71) , ลูคัส ไลวา (ฮาเวียร์ มาสเคราโน่ น.87, สตีเฟ่น เจอร์ราร์ด, เซบาสเตียน เลโต้ (ยอสซี่ เบนายูน น.63) , ปีเตอร์ เคราช์, ไรอัน บาเบิล

คาร์ดิฟฟ์ : ไมเคิล โอ๊กส์, เควิน แม็คนาฟตัน (คริส กันเตอร์ น.84) , ดาร์เรน เพิร์ส, โรเจอร์ จอห์นสัน, โทนี่ คาปาลดี้, โจ เล็ดลี่ย์, เกวิน เร, สตีเฟ่น แม็คเฟล (ปีเตอร์ วิตติงแฮม น.90) , พอล แพร์รี่, ร็อบบี้ ฟาวเลอร์, จิมมี่ ฟลอยด์ ฮัสเซลเบงค์ (สตีเฟ่น ธอมป์สัน น.75)

ผู้ตัดสิน : ปีเตอร์ วอลตัน



















เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์