หงส์ ติดปีก!! พลิกแซง ทุบหม้อ แตกแบบสุดมันส์!

 หงส์ ติดปีก!! พลิกแซง ทุบหม้อ แตกแบบสุดมันส์!

2 แนวรุกแซมบ้าที่ได้รับโอกาสลงสนามในครึ่งหลังช่วยกันทำคนละ 1 ประตูพาหงส์แดงแซงชนะช่างปั้นหม้อหวุดหวิด รั้งอันดับ 3 ของตารางต่อไป

ศึกพรีเมียร์ลีก คู่ประจำวันเสาร์ที่ 8 เมษายน 2017 ที่365bet สเตเดียม สโต๊ค ซิตี้ อันดับ 12 ของตาราง รับการมาเยือนของทีมอันดับ 3 ของตารางอย่าง ลิเวอร์พูล

เจ้าบ้านของกุนซือมาร์ค ฮิวจ์ส ได้รับข่าวดี เมื่อเซอร์ดาน ชากิรี และโจนาธาน วอลเตอร์ส ผ่านความฟิตลงสนามได้ทันเวลา โดยจะลงประสานงานร่วมกับมาร์โก อาร์เนาโตวิช รวมถึงไซโด้ เบราฮิโน

ฟากผู้มาเยือนภายใต้การทำทีมของเจอร์เก้น คล็อปป์ ยังคงมีปัญหาในการจัดทัพ เนื่องจากซาดิโอ มาเน, อดัม ลัลลานา, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน และ แดนนี อิงค์ ยังไม่พร้อมลงสนาม รวมถึงฟิลิปป์ คูตินโญ ก็ยังไม่ผ่านความฟิต ซึ่งเกมนี้กุนซือชาวเยอรมันปรับเอานาธาเนียล ไคลน์, เจมส์ มิลเนอร์, เอ็มเร จัน,จอร์จินโญ ไวจ์นัลดุม รวมถึง อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ และ ​​เบน วูดเบิร์น ที่ได้รับโอกาสลงเป็นตัวจริงลงทำเกมร่วมกัน โดยจะสนับสนุนดิว็อค โอริกี ในตำแหน่งศูนย์หน้าตัวเป้า

เริ่มเกมไม่ถึง 5 นาที เป็นเจ้าถิ่นที่เกือบได้ประตูขึ้นนำไปก่อน เมื่ออาร์เนาโตวิชครอสบอลเข้าเขตโทษให้ชากิรีสอดเข้าไปยิงบอลเข้าประตูไปแล้ว ทว่าผู้ตัดสินยกให้เป็นจังหวะล้ำหน้าไปก่อน

เกมเดินทางมาถึงนาทีที่ 27 เป็นทัพช่างปั้นหม้อที่ได้รับข่าวร้าย เมื่อกองกลางคนสำคัญอย่างโจ อัลเลน ได้รับบาดเจ็บจนเล่นต่อไม่ไหว ทำให้ฮิวจ์สเลือกส่ง ชาร์ลี อดัม ลงเล่นแทน

จากนั้นเริ่มเป็นสโต๊คที่มีจังหวะลุ้นหวาดเสียวถึงสองครั้ง สองคราจากอาร์เนาโตวิช โดยจังหวะแรกเป็นการซัดด้วยเท้าซ้ายนอกเขตโทษ มินโญเลต์รับเอาไว้ได้ ในนาทีที่ 28 และอีกหนในนาทีที่ 32 ที่ลอฟเรนสกัดบอลในเขตโทษไม่ขาด จนบอลลอยมาเข้าทางเจ้าตัว ก่อนจะซัดแบบไม่จับ แต่บอลพุ่งไปชนตาข่ายด้านข้างไป

ขณะที่ลิเวอร์พูลได้ลุ้นในช่วงท้ายครึ่งแรกจากจังหวะลูกเตะมุมทางฝั่งขวา ที่มิลเนอร์ครอสมาให้โอริกีได้ขึ้นโหม่ง ทว่ากลับบังคับทิศทางไม่ถนัดนัก บอลเหินข้ามคานออกไป

ความพยายามของเจ้าถิ่นมาประสบความสำเร็จในนาทีที่ 44 เมื่อชากิรีลากบอลหนีคลาวานก่อนจะโยนเข้าเขตโทษทางฝั่งขวา บอลมาเข้าทางวอลเตอร์สไปโขกจ่อๆให้ทีมออกนำ 1-0 กลายเป็นประตูแรกในช่วง 3 เกมหลังสุดของทีม และจบครึ่งแรกไปด้วยสกอร์นี้

ออกสตาร์ทครึ่งหลังคล็อปป์ไม่รีรอที่จะปรับทีมด้วยการถอด อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ รวมถึง ​​วูดเบิร์น ออก แล้วส่งโรแบร์โต้ ฟีร์มิโน และ ฟิลิปป์ คูตินโญ ลงเล่นแทน

นาทีที่ 52 สโต๊คหวิดได้ประตูที่สอง จากจังหวะชุลมุนที่ไวจ์นัลดุมโหม่งสกัดไปหน้าประตูไม่ดี สุดท้ายเป็นอดัมส์ที่ได้โอกาสซัดจ่อๆดันไปติดเซฟมินโญเลต์หวุดหวิด

จากนั้นเป็นเร้ด แมชชีน ที่ได้ลุ้นทำประตูบ้าง โดยนาที 56 เป็นฟีร์มิโนได้กดด้วยเท้าซ้าย แต่ยังไม่ผ่านแกรนท์ที่ทุบทิ้งออกไป รวมถึงในอีก 2 นาทีถัดมาเป็นคูตินโญได้ซัดเน้นๆในเขตโทษ แต่แกรนท์ก็ยังปฏิเสธได้อีกครั้ง

เท่านั้นยังไม่พอ เมื่อนาทีที่ 60 เป็นลอฟเรนที่ได้โขกบอลจากจังหวะต่อเนื่องที่คูตินโญครอสมาให้ดันไปชนคานดังสนั่น

กระทั่งนาทีที่ 70 ลิเวอร์พูลได้ประตูตีเสมอ 1-1 จากจันที่ตัดบอลโด่งเข้าเขตโทษ วีแลนโหม่งสกัดไม่พ้นอันตรายบริเวณหน้าปากประตู ก่อนจะเป็นคูตินโญที่ได้ซัดเน้นๆตุงตาข่าย

จากนั้นอีก 2 นาทีถัดมาเป็นไวจ์นัลดุมโยนบอลโด่งสาดมาหน้าเขตโทษ สุดท้ายเป็นฟีร์มิโนวิ่งสอดแนวรับเข้ามายิงด้วยขวาแบบไม่จับ บอลลอยผ่านมือแกรนท์เข้าประตูอย่างสวยงาม ลิเวอร์พูลแซงนำ 2-1

ช่างปั้นหม้อหวิดได้ประตูตีเสมอในนาทีที่ 74 จากจังหวะที่ลูกเปิดทางด้านซ้ายของชากิรีมาเข้าทางเบราฮิโนได้ซัดจ่อๆในเขตโทษดันไปติดเซฟมิโญเลต์หวุดหวิดจากนั้นทั้งสองทีมไม่มีฝั่งใดได้ประตูเพิ่ม

 หมดเวลาการแข่งขันเป็นลิเวอร์พูลบุกแซงชนะสโต๊ค ซิตี้หวุดหวิด 2-1 เก็บเพิ่มเป็น 63 คะแนน มีแต้มนำห่างทีมอันดับ 4 อย่างแมนเชสเตอร์ ซิตี้ 2 คะแนน แต่ลงเล่นมากกว่า 1 นัด ขณะที่สโต๊คแพ้เป็นเกมที่ 4 ติดต่อกัน รั้งอยู่อันดับ 13 ของตาราง

Cr::goal.com/th

 


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์