นายจาตุรนต์ หิมะทองคำ ผู้อำนวยการการตลาดกีฬาต่างประเทศ บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด เปิดเผยว่า กิจกรรมใหญ่ที่สุดในปีนี้ที่บริษัท บุญรอด บริเวอรี่ จำกัด จะจัดขึ้นเพื่อฉลองครบรอบ 80 ปี นั่นคือการเชิญทีมฟุตบอลชั้นนำของพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ซึ่งสิงห์เป็นโกลบอลพาร์ทเนอร์ ได้แก่ "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี ซึ่งประกาศอย่างเป็นทางการทางเว็บไซต์ของสโมสรแล้วว่าทีมชุดใหญ่จะเดินทางมาแข่งขันฟุตบอลนัดพิเศษ กับทีมสิงห์ ไทยแลนด์ ออลสตาร์ 11 ในวันที่ 17 กรกฎาคม ที่ราชมังคลากีฬาสถาน โดยจะเดินทางมาถึงเมืองไทยตั้งแต่วันที่ 12 กรกฎาคม และกลับวันที่ 18 กรกฎาคม ตามโปรแกรมทัวร์เอเชีย โดยจะไปที่มาเลเซียและอินโดนีเซียต่อไป 

                          ทั้งนี้ เชลซีจะนำนักเตะชุดใหญ่มาทั้งหมด อาทิ เฟอร์นันโด ตอร์เรส, ฮวน มาตา, เดมบา บา, จอห์น เทอร์รี, ออสการ์, เอดอง ฮาซาร์ด ฯลฯ และมาอยู่ที่ประเทศไทยนานถึง 6 วัน โดยเข้าพักที่ โรงแรมแชงกรีลา เพื่อเปิดแคมป์ฝึกซ้อมแบบเต็มรูปแบบ ซึ่งแฟนบอลไทยจะมีโอกาสได้ชมลีลาของนักเตะระดับโลกอย่างใกล้ชิด โดยนอกจากแมทช์กับทีมสิงห์ ไทยแลนด์ ออลสตาร์ 11 แล้ว สิงห์ ยังจะจัดกิจกรรมให้แฟนบอลได้ร่วมสนุกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการเปิดให้ชมการฝึกซ้อม เปิดคลินิกสอนฟุตบอล เป็นต้น ส่วนรายละเอียดเรื่องอื่นๆ อาทิ บัตรเข้าชมการแข่งขันจะมีราคาใดบ้าง กิจกรรมที่นักเตะ "สิงโตน้ำเงินคราม" จะทำในประเทศไทย  จะมีการหารือกับซีอีโอของเชลซีในเดือนมีนาคมนี้ แล้วจะแจ้งให้ทราบต่อไป

                          "แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่มีโปรแกรมมาทัวร์เอเชียเช่นเดียวกันนั้น ขณะนี้สิงห์กำลังเจรจาอย่างใกล้ชิด คาดว่าภายใน 10 วันหรือไม่เกิน 2 สัปดาห์ จะมีการแถลงอย่างเป็นทางการ แต่ในเบื้องต้น ทีมปีศาจแดง วางโปรแกรมเดินทางมาไทยในช่วงวันที่ 11-13 กรกฎาคม" นายจาตุรนต์ กล่าว

                          นอกจากนี้ นายจาตุรนต์ ยังกล่าวอีกว่า จากการร่วมมือครั้งสำคัญของสิงห์ กับ คาร์ลสเบิร์ก ด้านธุรกิจ ที่ได้ดำเนินการร่วมกันมาประมาณ 3 เดือนแล้ว คาร์ลเบิร์ก ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนอีก 3 ทีมดังในพรีเมียร์ลีกได้แก่  ลิเวอร์พูล อาร์เซนอล และสเปอร์ส ทำให้มีโอกาสที่จะเดินทางมาโชว์ฝีเท้าที่ประเทศไทยเช่นกัน หรืออีกช่องทางหนึ่งก็อาจเป็นไปได้ที่จะให้นักเตะซูเปอร์สตาร์ของแต่ละทีมมาโชว์ตัวให้แฟนบอลได้สัมผัสกันอย่างใกล้ชิด ซึ่งทั้งหมดนี้สิงห์กำลังเจรจากับคาร์ลสเบิร์ก ว่ามีโอกาสมากน้อยแค่ไหนอย่างไรต่อไป 

--------------------

(หมายเหตุ : ที่มาภาพ : AFP)