สิงห์บลูส์สุดแรงกระซวกหงส์กระจุยคว้าชัย 8 นัดรวด

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 3 ตุลาคม 2548 00:01 น.

สิงห์บลูส์ เชลซี โชว์ฟอร์มไร้เทียมทานชนะรวดทั้ง 8 นัด หลังบุกไปต้อนตือ หงส์แดง ลิเวอร์พูล ถึงแอนฟิลด์ 4-1 ทำคะแนนนำโด่งเป็นจ่าฝูงศึกฟุตบอล พรีเมียร์ชิพ อังกฤษ แบบไม่รอใคร

ฟุตบอล พรีเมียร์ชิพ อังกฤษ เกมบิ๊กแมตช์
ลิเวอร์พูล 1-4 เชลซี

ลิเวอร์พูลโคจรกลับมาพบกับเชลซีอีกครั้งในศึกพรีเมียร์ชิพ หลังจากเสมอกันมาที่แอนฟิลด์ 0-0 ในเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเกมนี้ ราฟาเอล เบนิเตซ เปลี่ยนผู้เล่นเพียงคนเดียวส่ง ยอห์น อาร์เน่ รีเซ่ ลงสู่สนามพร้อมกับถอด ฌิบริล ซิสเซ่ ไว้ที่ข้างสนาม

ด้าน โฮเซ่ มูรินโญ่ มีการสลับสับเปลี่ยนผู้เล่นให้เชลซี 2 คน ด้วยกันส่ง อาซิเอร์ เดล ออร์โน่ ซึ่งฟิตกลับมายืนเป็นแบ็กซ้าย พร้อมกับโยก วิลเลี่ยม กัลลาส ไปเล่นแบ็กขวาแทน เปาโล แฟร์ไรร่า ที่ไม่มีชื่ออยู่ในเกมวันนี้ ส่วนเกมรุกส่ง โจ โคล ลงมาปั่นป่วนแทน อาร์เยน ร็อบเบน ที่ต้องรอโอกาสอยู่ที่ข้างสนาม

เปิดฉากขึ้นมา ลิเวอร์พูล ตะบี้ตะบันบุกใส่เชลซี แบบไม่ให้ได้หายใจหายคอกันเลย เล่นเอาผู้เล่นทีมเยือนต้องถอยร่นลงไปตั้งรับในแดนตัวเองเสียเป็นส่วนใหญ่ในช่วง 15 นาทีแรก แต่อีกสามนาทีถัดมา เชลซีได้ลุ้นเป็นจังหวะแรกเมื่อ ดร็อกบา ลองยิงไกลจากนอกกรอบแต่เรน่า ล้มต้มตะครุบเอาไว้ได้

เมื่อเกมดำเนินมาถึงนาทีที่ 27 แฟนๆ เชลซีที่ตามมาจากกรุงลอนดอนได้เฮกันลั่นเมื่อ ตราโอเร่ ไปโฉ่งฉ่างรวบดร็อกบา ล้มลงในเขตโทษผู้ตัดสิน เกรแฮม โพลล์ ชี้เป็นจุดโทษทันทีและ แลมพาร์ด รับหน้าที่สังหารลอดแขนเรน่า เข้าตุงตาข่ายให้ เชลซี ทะยานนำ 1-0

พอเสียประตู ลิเวอร์พูล กระหน่ำบุกใส่เชลซีเป็นการใหญ่เพื่อทวงประตูคืน และก็ทำสำเร็จจนได้จากลูกเตะมุม คาร์ราเกอร์ โหม่งเช็ดไปเสาสองให้เจอร์ราร์ด วิ่งเข้าไปตะบันด้วยขวาบอลผ่านมือเช็ก พุ่งเสียบเสาไกลเข้าไปอย่างสวยงาม สกอร์กลับมาเสมอกัน 1-1 ในนาทีที่ 36

เมื่อได้ประตูคืนมาขุนพลหงส์แดง ดูจะได้ใจพยายามเปิดเกมรุกเร้าใส่ทีมเยือนเป็นลำดับ แต่ก่อนจบครึ่งแรก 2 นาที เหล่าเดอะ ค็อป ต้องเงียบกริบอีกครั้งเมื่อ ดร็อกบา ได้จังหวะไขว้พลิกบอลผ่านฮูเปีย ทางกราบซ้ายก่อนไหลบอลให้ ดัฟฟ์ ซึ่งเติมขึ้นมายิงด้วยซ้ายผ่านมือเรน่า บอลกระแทกเสาไกลซุกตาข่ายให้ เชลซี พลิกขึ้นนำอีกครั้งเป็น 2-1 เมื่อจบ 45 นาทีแรก

เริ่มครึ่งหลัง ลิเวอร์พูล ได้ลุ้นทันที อลอนโซ่ ได้จังหวะแทงทะลุเข้าเขตโทษแต่ไปเข้าทางเท้าขวาของรีเซ่ ทำให้ดาวเตะทีมชาตินอร์เวย์ ชะงักเลยไม่ได้ยิงถูกกองหลังเชลซี มาแซะออกไป ถัดมาเหล่าเดอะ ค็อป ใจหายวาบเมื่อ ฮูเปีย โหม่งบอลไม่เคลียร์ไปตกให้ดร็อกบา ยิงไม่เต็มเท้าทำให้บอลพุ่งออกนอกกรอบไป

เกมผ่านหนึ่งชั่วโมงมาหนึ่งนาที แฟนๆ สิงห์บลูส์ ได้เฮอีกคำรบ เดล ออร์โน่ เติมเกมรุกก่อนจิ้มให้ดร็อกบา หลุดเข้าเลี้ยงหลบเรน่า ก่อนไหลบอลให้โคล ยิงโล่งๆ ส่งบอลเข้าไปกองในตาข่าย เชลซี นำห่างเป็น 3-1 อย่างไรก็ตาม มูรินโญ่ ก็ปรับแท็คติกถอดโคล ออกพร้อมกับส่ง อาร์เยน ร็อบเบน ลงไปขึ้นเกมแทนส่วน เบนิเตซ ก็ส่ง โมฮัมเหม็ด ซิสโซโก้ ลงมาคุมแดนกลางแทนฮามันน์

เข้าสู่ช่วง 20 นาทีสุดท้าย ลิเวอร์พูล มาได้จังหวะลุ้นอีกครั้ง เคร้าช์ โขกคืนมาให้ รีเซ่ ตั้งป้อมยิงด้วยอีซ้ายบอลเฉี่ยวคานออกไปนิดเดียวเท่านั้น และเบนิเตซ ก็ถอดฮูเปีย ออกมาเพื่อเปิดทางให้ ฟลอร็องต์ ซินาม่า ปงโกลล์ ลงมาเสริมเกมรุกเต็มอัตราศึก

เจ้าบ้านเริ่มมีโอกาสมากขึ้น เคร้าช์ ดึงบอลหลบคาร์วัลโญ่ อย่างสุดสวยแต่ดันง้างเท้าวอลเล่ย์เต็มๆ บอลเหินข้ามคานออกไป 10 นาทีสุดท้าย เบนิเตซ เปิดหน้าแลกแบบเต็มตัวส่ง ฌิบริล ซิสเซ่ ลงมาเล่นแทนตราโอเร่ แต่จังหวะถัดมากลายเป็นเชลซีที่ได้ประตูนำห่าง 4-1 เมื่อเดล ออร์โน่ ทุ่มเร็วให้ดร็อกบา ผ่านบอลเข้ากลางร็อบเบน ปาดต่อให้ เฌเรมี่ เอ็นจิตั๊ป ตัวสำรองวิ่งเข้ามาหวดบอลเสยตาข่าย

จากชัยชนะนัดนี้ทำให้ เชลซี มีสถิติสวยหรูชนะ 8 นัดรวด เก็บไปแล้ว 24 คะแนนเต็ม รั้งเป็นจ่าฝูงนำหน้ารองจ่าฝูง ชาร์ลตัน แอธเลติก ซึ่งแข่งน้อยกว่าหนึ่งนัดอยู่ 9 แต้ม ขณะที่ลิเวอร์พูล มีอยู่ 7 คะแนน จากการลงสนาม 6 นัด รั้งที่ 13 ดังเดิม แต่ที่สำคัญคือ หงส์แดง ปราชัยเป็นนัดแรกของฤดูกาล

รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
ลิเวอร์พูล : โฮเซ่ เรน่า , สตีฟ ฟินแนน , เจมี่ คาร์ราเกอร์ , ซามี่ ฮูเปีย , ฌิมี่ ตราโอเร่ , หลุยส์ การ์เซีย , สตีเว่น เจอร์ราร์ด , ดีทมาร์ ฮามันน์ , ซาบี้ อลอนโซ่ , ยอห์น อาร์เน่ รีเซ่ , ปีเตอร์ เคร้าช์

เชลซี : ปีเตอร์ เช็ก , วิลเลี่ยม กัลลาส , จอห์น เทอร์รี่ , ริคาร์โด้ คาวัลโญ่ , อาซิเอร์ เดล ออร์โน่ , มิคาเอล เอสเซียง , โคล้ด มาเกเลเล่ , แฟร้งค์ แลมพาร์ด , โจ โคล , เดเมี่ยน ดัฟฟ์ , ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา