สงสัยว่าบิ๊กแซมจะพูดถูก ? โดย มาริโน่ ...



เผลอไผลหน่อยเดียว ฤดูกาลนี้กดปุ่มเวลานับถอยหลังสู่ช่วง 10 นัดสุดท้ายเสียแล้ว

 



ที่ผ่านมาค่อนซีซั่น เด็กหงส์คงลุ้นกันตัวเกร็งจนตะคริวขึ้นหน้า แต่ช้าก่อนครับ นั่นแค่ซักซ้อม ส่วนของจริงยังมาไม่ถึง
 


ระดับความตึงเครียดจะพรวดพราดทะยานสูงขึ้นนับจากนี้เป็นต้นไป ทุกแต้มทุกชัยชนะมีความสำคัญอย่างยิ่งยวดเหลือคณาในการช่วงชิงอันดับ 4  ซึ่งเป็นสุดเขตชายแดนของพื้นที่ แชมเปี้ยนส์ ลีก
 


เราคงไม่ต้องไปพะวงกับคู่แข่งว่าจะเก็บได้กี่คะแนนจาก 10-11 นัดที่เหลือ ควรสนใจตัวเองมากกว่าว่าใน 10 เกมสุดท้าย ราฟาจะนำทีมกวาดได้ทั้งหมด หรือเกือบหมด อย่างไรหรือไม่
 


ดูตามโปรแกรมแล้ว ไม่น่าจะเหนือบ่ากว่าแรงที่หงส์แดงจะเอาชนะอย่างน้อย 8 จาก 10 ขณะที่มีศึกใหญ่เหลืออีกแค่สองนัดกับ แมนฯ ยูไนเต็ดและ เชลซี
 


อย่างขี้หมูขี้หมา 24-25 แต้มไม่ใช่แค่ ควร ทำได้ แต่จำเป็นต้องทำสำหรับลิเวอร์พูล เพื่อชดใช้และชดเชยกับการทิ้งคะแนนแบบสะรุ่ยสุร่ายมาตลอด 3 ใน 4 บนเส้นทาง
 


ณ บัดนาวเพลานี้ ทีมมีตุนในกระเป๋าอยู่แค่ 48 (น้อยกว่าในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน 10 แต้มพอดี) หากบวกกับคะแนนที่จะต้องพยายามโกยให้ได้ เท่ากับว่าเมื่อจบฤดูกาล ก็น่าจะทะลุหลัก 70 แบบปริ่มๆ
 


อาจจะเพียงพอ แต่ก็ยังวางใจไม่ได้
 


เราอย่าเพิ่งไปคิดถึงตรงนั้นให้ปวดหัวดีกว่า เพราะคะแนนคือผลลัพธ์ปลายทางของการลงมือกระทำ ถ้า เหตุ ดีมากพอ... ผล ก็ย่อมดีตามไปด้วย
 


แต่พิจารณาจากฟอร์มล่าสุดที่กว่าจะเอาชนะ แบล็คเบิร์น 2-1 ในแอนฟิลด์ ก็เล่นเอาน้ำลายเหนียวคอ ถ้าไม่เข้าข้างจนเอียงกะเท่เร่เกินไปนัก เด็กหงส์มั่นใจเกินร้อยกันหรือครับว่าทีมจะสามารถ ตบหมดโต๊ะ กับคู่แข่งซึ่งแม้มองว่าเป็นรองในทุกๆ ด้าน โดยไม่พลาดเลยสักนัดเดียว
 


คู่แข่งทั้งหลายในเคสนี้มีทีมใดบ้าง เริ่มต้นด้วยการไปเยือน วีแกน ในวันจันทร์ จากนั้นก็ถึงตา พอร์ทสมัธ, ซันเดอร์แลนด์, เบอร์มิงแฮม, ฟูแล่ม, เวสต์แฮม, เบิร์นลี่ย์ และ ฮัลล์
 


ถ้าเมื่อก่อน (นานมาแล้ว) เห็นแค่ชื่อทีมเรียงคิวกันมาขึ้นเขียง พลพรรคเครื่องจักรสีแดงก็เตรียมบวกเพิ่มอีกสามแต้มไปเรื่อยๆ โดยไม่เกี่ยงงอนว่าจะเล่นที่ไหน เหย้าหรือเยือน
 


แต่เด๋วนี้ ลองบอกว่าเจอกับเบอร์มิงแฮม ต้องถามต่อ บ้านใคร เพราะมันไม่แน่แล้วนี่นาว่าถ้าเตะกันที่เซนต์ แอนดรูว์ส ผลลัพธ์จะออกฝั่งไหน
 


ทีมอื่นยกมาตราฐานการเล่นสูงขึ้น ถือเป็นเหตุผล (แก้ตัว) ที่ช่วยรักษาภาพลักษณ์ให้ดูดี ไม่เสียหายอย่างพูดง่ายที่สุด
 


กล่าวคือจะบอกว่าทีมตัวเองยังคงมาตราฐานสูงเท่าเดิม-ไม่ตกเลย...ว่างั้น ?!
 


ผมออกจะเป็นห่วงลิเวอร์พูล ในแง่นี้ มากกว่าไปพะวงว่าคู่แข่งแย่งอันดับสี่อย่าง แมนฯ ซิตี้, สเปอร์ส หรือ วิลล่า จะเก็บกันได้สักกี่คะแนน
 


ความจริงต่างหากที่ทำให้เด็กหงส์ต้องมาลุ้นเหยี่ยวเหนียวอยู่อย่างนี้ คือมาตราฐานการเล่นของทีมนั้นดาวน์ลงจนยากจะยอมรับ
 


เห็นฟอร์มกับแบล็คเบิร์น ก็คงพอมองออก เห็นชัยชนะแบบกระดูกติดคอกับยูนิเรีย ในนัดแรก ก็น่าจะเข้าใจ
 


มันเป็นไปได้อย่างไรครับว่าลิเวอร์พูล ซึ่งมีนักเตะฝีเท้าดีกว่า แถมได้เปรียบในบ้าน กลับมีสถิติหลังเกมเป็นรองแทบทุกอย่าง ยกเว้นสกอร์สุดท้าย
 


ทั้งโอกาสยิง, ลูกยิงตรงกรอบ, การต้องออกแรงเซฟของนายทวาร, จำนวนเตะมุม, การผ่านบอล ขณะที่เปอร์เซ็นต์ครองบอลก็สูสีชนิดแทบแยกไม่ออก
 


แซม อัลลาร์ไดซ์ กุนซือกุหลาบไฟที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากับ ราฟา เบนิเตซมาตั้งแต่สมัยคุมโบลตัน เปิดฉากทำสงครามจิตวิทยาเพื่อกดดันและตีรวนสมาธินักเตะหงส์ ด้วยการหยามว่า...แท้แล้ว ลิเวอร์พูล ชุดนี้ก็เล่นไม่ผิดแผกแตกต่างจากโบลตัน ในยุคของเขา นั่นแหละ
 


แหม่ จะพูดได้ตรงใจดำผมอะไรขนาดนั้นครับ
 


อย่างที่เคยเขียนไว้เป๊ะใน สตาร์ ซอคเก้อร์ เมื่อราวๆ สองสัปดาห์ก่อน ว่าลิเวอร์พูล ทุกวันนี้ เล่นชวนให้แฟนๆ อึดอัดเอือมระอา กองหลังสักแต่สาดบอลทิ้ง กลางและหน้าก็ทำเกมรุกแบบสะเปะสะปะ ไร้ทิศทางหางเสือว่าจะไปจบสกอร์ด้วยวิธีการใด
 


นักเตะย้ายเข้าใหม่แต่ละคน สังเกตได้ว่าต่อให้ดีกรีและชื่อชั้นแน่ขนาดไหน มาเจอกับระบบการเล่นของลิเวอร์พูล ก็ไปไม่เป็น เอาตัวไม่รอด ต้องใช้เวลาปรับกันเป็นปีสองปีกว่าจะลงล็อก
 


ไรอัน บาเบิล, อัลเบิร์ต ริเอร่า, ลุคัส เลว่า, อัลแบร์โต้ อาควิลานี่ มาจนเหยื่อล่าสุดอย่าง มักซี่ โรดริเกวซ
 


ถ้าต้องแก้ตัวเหมือนโฆษณาชุดหนึ่งเมื่อไม่กี่ปีก่อนว่าเอะอะรถพังก็โทษว่าแกสโซฮอลล์ผิด ผมคงโทษว่าเป็นเพราะระบบผิดที่ทำให้ลิเวอร์พูล มีสภาพแบบนี้
 


แต่คิดไปคิดมา คนออกแบบระบบต่างหากที่ผิด ก็มรึงนั่นแหละ ยังมีหน้ามาขยับแว่นอีก !?


 
...มาริโน่...



 


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์