ลิเวอร์พูลกับคำว่า พอดี และ ดีพอ

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาสำหรับ ราฟาเอล เบนิเตซ ในการคุมลิเวอร์พูล มักมีผู้ให้การสนับสนุนว่าอาจจะไม่แข็งแกร่งและเกรียงไกรในเกมลีกแต่มีความกระหาย โค-ตะ-ระ ในเวทียุโรป

ฤดูกาลที่แล้วคงจะได้เรียกได้ว่า ลิเวอร์พูล เดินหน้าเข้าใกล้โทรฟี่ใบใหญ่สุดของอังกฤษมากที่สุดหลังจากทำให้ แมนยูไนเต็ด ต้องงัดเอาความเขี้ยวออกมาอย่างสุดชีวิตเพื่อป้องกันแชมป์เอาไว้

ถึงแม้จะจบลงด้วยการเป็นที่ 2 แต่นั่นคือนิมิตรหมายอันดีว่า เอล ราฟา กำลังมาถูกทางเพราะสามารถทำได้ใกล้เคียงมากในซีซั่นก่อน จึงถูกตั้งความหวังไว้ว่า ปีนี้หรือเปล่า? สตีวี่จีจะได้ชูถ้วยพรีเมียร์สักที?

สถานการณ์เป็นอย่างนี้ถ้านับกันตามตารางคะแนนล่าสุด แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ขึ้นมาเป็นดับ 4 และยังเป็นเต็ง 1 ในการระดมความสามารถทลายกำลังแพงบิ๊ก 4 ที่ตั้งมาตรฐานไว้สูงมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา


อาร์เซน่อล คืออีก 1 เต็งเช่นกัน แต่ว่าเป็นเต็งที่จะหลุดจากบิ๊ก 4 เพราะสื่อเชื่อว่าการเสีย เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ กับ โคโล่ ตูเร่ ไป น่าจะส่งผลกระทบอย่างหนักและนักเตะอายุเฉลี่ยในทีมน้อย ไม่น่าจะยืนระยะได้นานนัก

เพียงแต่มันกลับกัน ปัจจุบัน อาร์เซน่อล ปักหลักอยู่ในกลุ่มลุ้นแชมป์บนหัวตารางส่วน ลิเวอร์พูล อยู่อันดับ 7 แถมยังดันทะลึ่งตกรอบแบ่งกลุ่มถ้วยถนัดอย่าง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ทำให้ความกดดันทั้งหลายโถมเข้าหา เบนิเตซ โดยไม่ต้องสงสัย

เหตุใดมันถึงเป็นแบบนี้ ? การเสียนักเตะตัวหลักอย่าง ชาบี้ อลอนโซ่ ไปทำให้ความเสถียรของแดนกลางแกว่งขนาดนี้เลยหรือ ?

มองกันตามผลงานแล้วคงตอบว่าใช่ แต่ถ้าวินิจฉัยดูดีๆ ผมว่ามันมีอีกหลายๆ ปัญหาไม่ว่าจะเป็นการพึ่งพา สตีเว่น เจอร์ราร์ด มากเกินไปและ เฟอร์นานโด ตอร์เรส ก็ดันเจ็บบ่อยเกินเหตุ

ร้ายไปกว่านั้น อัลแบร์โต้ อาควิลานี่ ที่ย้ายมาด้วยค่าตัว 20 ล้านปอนด์เพื่อหวังจะเป็นตัวแทนของ อลอนโซ่ ดันซื้อมาเพื่อ ซ่อม หาใช่หวังที่จะใช้งาน


ดูแบบไหนมันก็ไม่ดีทำให้ผลงานทีมตกตามไปด้วย แน่นอนว่าแฟนบอลหงส์แดงยังคงเชื่อใจว่าทีมรักของตนเองมีสิทธิ์ที่จะยึดทำเนียบบิ๊ก 4 ต่อไปอีกฤดูกาล ถึงแม้่จะมีก้างขวางทางหลายชิ้นก็ตาม

แต่ไอ้สิ่งที่เรียกว่าเชื่อใจนั้นคงจะไม่ พอดี เท่ากับน้ำหนักของคำถามที่ว่าพวกคุณ ดีพอ หรือไม่สำหรับการไล่ล่าหลังจากนี้ ?

ผู้จัดการทีมเวลาเปลี่ยนสโมสรคุมมักจะหานักเตะที่ไว้ใจได้สักคนไปร่วมทีมเช่น สโคลารี่ ดึงตัว เดโก้ มาจาก บาร์เซโลน่า หรือล่าสุด โรแบร์โต้ มันชินี่ ไปเอา วิเอร่า คืนสู่เกาะอังกฤษอีกครั้ง

เช่นกันว่าถ้าเทียบคุณภาพนักเตะระหว่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กับ ลิเวอร์พูล แบบตัวต่อตัวแล้วทีมเงินถังดูดีกว่าอย่างเห็นได้ชัดหลังจากผ่าตัดเปลี่ยนแปลงทีมไปเยอะมากจากซีซั่นก่อน

ฟุตบอลมันไม่จำเป็นว่าใครจะแพ้หรือใครชนะแล้วนักเตะต้องสำคัญที่สุด เพราะก็มีให้เห็นว่าทีมเล็กพลิกล็อคคว่ำทีมใหญ่เยอะแยะไป และหงส์แดงก็ไม่เห็นต้องหวั่นกลัวถึงสถานการณ์ตอนนี้แม้แต่นิด


ลิเวอร์พูลก็คือลิเวอร์พูล อย่างน้อยพวกคุณก็ดีกว่า แมนฯ ซิตี้ , สเปอร์ส , แอสตัน วิลล่า ตรงประสบการณ์ของทีมที่มากกว่าหลายเท่า

ก่อนที่ โรแบร์โต้ มันชินี่ จะเข้ามาคุม แมนฯ ซิตี้ ก็ใช่ว่าทีมเรือใบสีฟ้าจะฟอร์มดีอะไร เสมอบ่อยเกินไปหลายนัดแถมเสียประตูกันแบบง่ายๆ จนทำให้พี่บากของอังกฤษอย่าง เลสคอต กลายเป็นแพะว่าคือการซื้อตัวยอดแย่อีกต่างหาก

ปัจจัยอะไรหลายๆ อย่างมันเป็นสิ่งสำคัญที่แสดงถึงความรู้สึกได้แต่ตอบด้วยทฤษฏียากมันเป็นเรื่องปกติของฟุตบอล สำคัญที่สุดคือสิ่งที่เรียกว่า จุดเปลี่ยน นั่นแหละว่าแต่ละทีมจะมาตอนไหน


แมนฯ ซิตี้ ค้นพบด้วยโค๊ชชาวอิตาเลี่ยน บาเยิร์น มิวนิค กับ เอซี มิลาน ยังคงมั่นใจในตัว หลุย ฟานกัล และ เลโอนาร์โด้ ทำให้พวกเขากลับมาได้อีกครั้ง แต่อะไรละที่จะเปลี่ยน ลิเวอร์พูล ต่อไปหลังจากนี้ ?

คำตอบมันอยู่ที่ว่าพวกคุณยังเชื่อมั่นในตัว ราฟาเอล เบนิเตซ และคนอื่นๆ ว่า ดีพอ เท่ากับความ พอดี ที่คุณสัมผัสได้หรือไม่ ? ก็แค่นั้น

Petrboat
http://www.lentee.com/............

+++++++++++++++++++++++

จุดเปลี่ยนบิ๊กโฟร์-จุดจบหงส์?

ผ่านไปแล้วกว่าครึ่งทางของฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ก่อนหน้านี้ใครที่ไหนจะกล้าคิดว่าสองตัวเต็งแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และเชลซี จะพลาดทำแต้มหล่นมากมายในฤดูกาลนี้ ซึ่งหากเทียบจากมาตรฐานการเล่นในหลายปีที่ผ่านมา 2 'ผีแดง' และ 'สิงห์ไฮโซ' ขึ้นชื่อเรื่องความเขี้ยวและความสม่ำเสมอในการเก็บคะแนนกันเป็นกอบเป็นกำ

มองไปที่ฝั่งทีมลุ้นแชมป์ที่ถูกวางไว้อีก 1 ทีม อาร์เซนอลของอาร์แซน เวนเกอร์ ยังคงเอกลักษณ์ของตัวเองไว้ทั้งแนวทางการเล่นฟุตบอล และบรรดาดาวรุ่งที่เปลี่ยนหน้าตาทดแทนกันได้เสมอ แต่ที่ดูจะแตกต่างออกไปคือปีนี้ 'ปืนโต' ยังคงเกาะกลุ่มทีมลุ้นแชมป์ไว้อย่างหนาแน่น ซึ่งก่อนหน้านี้พวกเขาก็เคยถูกกาชื่อทิ้งไปแล้วหลังเกมที่โดนเชลซี บุกมาตีกระบอกแตก 3-0 คาถิ่นเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม

แต่ที่อยากพูดถึงมากที่สุดในตอนนี้คงหนีไม่พ้นลิเวอร์พูล 'หงส์แดง' จบฤดูกาลที่แล้วอย่างงดงาม ชนิดที่ทำให้แฟนบอลแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเสียวกันถึงท้องสำหรับการไล่จี้แย่งแชมป์ แน่นอนว่าความคาดหวังจากฤดูกาลที่แล้วของเหล่าเดอะ ค็อปก็ตามติดมาถึงฤดูกาลนี้ แต่ไม่รู้ว่าเพราะอาการบาดเจ็บของเฟอร์นันโด ตอร์เรส, ฟอร์มการเล่นที่ตกลงไปของสตีเฟ่น เจอร์ราด หรือการขาดหายไปของซาบี้ อลอนโซ่ ทำให้หงส์แดงโชว์ผลงานได้อย่างน่าผิดหวัง กระอักกระอ่วมกว่าจะสะกดคำว่าชัยชนะได้ในแต่ละนัด


แรกไม่น่าแปลกใจ เชลซีนำจ่าฝูง ตามมาด้วยยูไนเต็ด ส่วนเด็กๆของเวนเกอร์รั้งอันดับ 3 แต่ไล่มาถึงอันดับ 4 กลับกลายเป็นแมนเชสเตอร์ ซิตี้ซึ่งใช้งบประมาณมหาศาลสร้างทีม โดยจากเป้าหมายในตอนแรกคือการขึ้นมาเป็นหนึ่งในทีมท็อปโฟร์ แต่ดูไปดูมาการลุ้นแชมป์ก็ไม่อยู่ไกลเกินเงื้อมมือของพวกเขา 7 คะแนนตามหลังเชลซี หลังผ่านไป 20 เกมส์ ใครกล้าบอกว่าซิตี้้เป็นแชมป์ไม่ได้ ?

หลายคนอาจมองว่าการเซ็นสัญญากับปาทริค วิเอร่านั้นเป็นเรื่องไร้สาระ แม้กระทั่งเหล่าเพื่อนร่วมทีมยุคไร้พ่ายของวิเอร่ายังไม่เชื่อน้ำยาว่า 'ไส้กรอกดำ' จะเล่นได้เหมือนก่อน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นสิ่งหนึ่งที่วิเอร่ายังคงไว้เสมอคือความกระหายชัยชนะ และการเป็นแชมป์ อย่าลืมว่าปั๊ตย้ายไปอยู่กับอินเตอร์ มิลานก็คว้าสคูเด็ดโต้ได้ตลอด การนำนักเตะแบบนี้มาไว้ในทีม แน่นอนเลยว่าผลลัพธ์ที่ออกมาจะทำให้นักเตะหลายๆคน ซึ่งเป็นแข้งคุณภาพแต่ไม่เคยได้แชมป์อย่างเช่นเชย์ กิฟเว่น, แกเร็ธ แบร์รี่ หรือคนอื่นๆ มีแรงกระตุ้นในทางบวกแน่นอน สำหรับการเซ็นสัญญาครั้งนี้ผมมองว่ามันโช่ต้องการจะเสริมกำลังใจให้กับลูกทีมโดยการเอาผู้ชนะมาอยู่ในทีม สำหรับผลงานวิเอร่าคงใช้ประสบการณ์ช่วยเหลือทีมได้ม่มากก็น้อย เหลือบมองไปเห็นอันดับตารางคะแนนตอนนี้ 3 ทีม


เกริ่นมาเยอะสำหรับแมนฯ ซิตี้ จะไม่พูดถึงแคนดิเดตท็อปโฟร์อย่างสเปอร์สหรือวิลล่าก็ไม่ได้ สเปอร์สโดนปรามาสมาตลอดว่ามักจะดีในช่วงแรก และก็จะมาตกม้าตายในช่วงหลัง แต่ฤดูกาลนี้พวกเขาแข็งแกร่งขึ้น ในยามที่ทีมเป๋นัดต่อไปก็กลับมาได้ ปีเต้อร์ เคร้าช์โชว์ผลงานได้น่าประทับใจกลบรัศมีร็อบบี้ คีนที่ฟอร์มตกไปอย่างน่าใจหายซะหมด ส่วนวิลล่าของมาร์ติน โอนีลก็น่ากลัวใช่ย่อย ถ้าลองสังเกตจะเห็นว่าแนวทางการทำทีมของโอนีลล์คือการนำนักเตะอังกฤษมากหน้าหลายตาเข้ามาไว้ในทีม แก็บบี้ อักบอนลาฮอร์, แอชลี่ย์ ยัง, เจมส์ มิลเนอร์ ทีมนี้ยิ่งเล่นด้วยกันยิ่งมีแต่เก่งขึ้นๆ ขออย่างเดียวโอนีลต้องยึดพวกเขาไว้ให้ได้เท่านั้นเอง

เชลซีอาจจะทำแต้มหล่นเยอะ แต่พวกเขาก็ยังคงรั้งจ่าฝูง และอนาคตในตอนนี้ก็สดใสเสียเหลือเกิน


แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดโดนโทชิด่าว่าทรุดเอาๆ แต่ก็ยังมีสิทธิ์ลุ้นแชมป์ และคงระบบการเล่นไว้เหมือนเดิมถึงแม้จะไม่น่ากลัวเท่าสมัยก่อน

อาร์เซนอลพัฒนาจากฤดูกาลก่อน ไม่หลุดจากกลุ่มทีมลุ้นแชมป์ง่ายๆ อีกทั้งนักเตะยังแข็งแกร่งเติบโต มีประสบการณ์มากขึ้น

แมนเชสเตอร์ ซิตี้มีเงินล้นฟ้า ถึงจะไม่จบบิ๊กโฟร์ก็คงไม่มีอะไรเดือดร้อน แค่หากุนซือและเสริมนักเตะให้แกร่งขึ้น

วิลล่ากับสเปอร์สวนเวียนอยู่ในระบบนี้มานานหลายปี ขึ้นมาได้ถือเป็นกำไร

แต่หงส์แดงล่ะ ? หากพวกเขาไม่สามารถจบฤดูกาลด้วยตำแหน่ง 1 ใน 4 ใครกล้าการันตีว่าตอร์เรสหรือเจอร์ราดสองตัวความหวังจะไม่ย้ายทีม ถ้าหากหลุดโควต้าแชมเปี้ยนส์ลีกขึ้นมาจริงๆ ไม่ใช่แค่ล้มเหลวในฤดูกาลนี้ ความหายนะกำลังจะมาเยือนในฤดูกาลหน้า ไม่รู้ว่าราฟาแกคิดว่าจะแก้มือในฤดูกาลใหม่รึเปล่า อย่าลืมว่าทีมอื่่นก็พัฒนาเช่นกัน

ฟันธงเลยว่าหากหงส์แดงหลุดท็อปโฟร์ในปีนี้ อย่าว่าแต่ความหวังลุ้นแชมป์เลย การกลับมาเป็น 1 ใน 4 ยังอาจต้องรออีกหลายปี...

http://www.lentee.com/soccer/viewtopic.php?t=228381 ...


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์