ฤดูที่แตกต่าง ดราม่าสุดๆ.

ฤดูที่แตกต่าง
ที่ผ่านมาลีกสูงสุดของอังกฤษโดยมากจะเป็นการสลับกันขึ้นมานั่งบัลลังของสามทีม ได้แก่ แมนยู อาร์เซนอล และเชลซี ที่สร้างทีมมาในยุค โมริญโญจนถึงปัจจุบันอย่างยิ่งใหญ่ ซึ่งปีนี้ เริ่มต้นที่การออกสตาร์ทที่ดีของเชลซี นำคู่แข่งหลายคะแนนและจากการเป็นแชมป์เก่าของปีที่แล้ว จึงถูกมองว่าเป็นตัวเต็งอันดับ1 ในการรักษาแชมป์ สถานการณ์เริ่มพลิกเปลี่ยนแมนยูและอาร์เซนอล พลัดกันขึ้นเป็นทีมนำ แถมยังมีอีกทีม ที่ได้ชื่อว่าทีมเศรษฐี ซื้อกระจาย รวมนักเตะบิ๊กเนมทั้งหลายหวังจะสร้างทีมให้หลุดพ้นจากใต้ร่มเงาบารมีของทีมคู่อริร่วมเมือง นั่นคือแมนเชสเตอร์ซิตี๊ ที่สามารถสอดแทรกขึ้นมาเป็นทีมนำกะเค้าด้วยเหมือนกัน และทีมเกาะกระแสมาในช่วงต้นๆถึงตอนนี้ก็ยังคงความแข็งแกร่ง วัดบารมีขอเป็นบิ๊กโฟร์กับเค้าด้วย แถมยังอหังการ ไปเตะในเวทียุโรป แรกๆถูกมองเป็นไม้ประดับคงไม่พ้นรอบแรก ที่ไหนได้ ผ่านเข้ารอบเป็นที่1ของกลุ่มเหนือแชมป์เก่า ดรีกรีทริปเบิ้ลแชมป์จากอิตาลี อินเตอร์มิลาน อย่างยิ่งใหญ่ โดยผลงานในลีกไม่ได้ด้อยลงไปเลย เกาะติดกลุ่มหัวแถวอย่างเหนียวแน่น นั่นคือ ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ และสุดท้ายไม่พูดถึงไม่ได้เพราะเป็นทีมรักของผมเอง 555 แต่ถึงพูดก็ไม่น่าเกลียดเนื่องจากเป็นทีมที่ถูกเรียกว่าบิ๊กโฟร์ แต่ผลงานเริ่มต้นฤดูด้วยกการไปวิ่งเล่นแถวโซนตกชั้น แถมเคยสร้างสถิติด้วยการลงไปเป็รทีมรองบ้วย เอิ๊อกๆๆ แต่เหมือนชะตาฟ้าลิขิต ให้พบพาวิบากกรรมเมื่อฟ้าเริ่มเปิด ลิเวอร์พูลจึงค่อยๆไต่ภูผาขึ้นมาบนยอดผาที่ล่ะขั้นมาอยู่ที่อันดับ6 ซึ่งดีที่สุดในฤดูการนี้ทีเดียว 
โดยสรุปแล้วทีมนำปัจจุบันคือแมนยูซึ่งนำที่2อย่างอาร์เซนอลและที่สามอย่างแมนซิตี๊อยู่4คะแนน สบายๆแถมผลงานนักเตะเริ่มกลับมาเข้าฝักอีกครั้งแม้จะพึ่งโดนเปิดบริสุทธิ์แพ้ทีมรองบ้วยอย่างวูฟแฮมตั้นไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่5คือเชลซีและลิเวอร์พูลตามลำดับ  ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันนั่นเอง ผมจึงใช้คำว่า ฤดูที่แตกต่าง เพราะไม่ใช่แค่สามสี่ทีมเท่านั่นแล้วที่มีหวังลุ้นแชมป์ เท่าที่มองตอนนี้ อย่างน้อยๆ5ทีมแรก มีลุ้นทั้งนั้น เหลืออีก12-13เกมส์ อะไรก็เกิดขึ้นได้ อาเซนอลและแมนยูเคยทำมาแล้ว ตามที่1เกือบสิบแต้มสุดท้ายเบียดขึ้นป้ายอย่างยอกเยี่ยม งานที่อยู่ที่ใครจะเก็บโอกาสและพลาดน้อยกว่ากันเท่านั้นเอง แต่สถานการณ์ตอนนี้ ใครๆต่างยกให้แมนยูมีโอกาสมากที่สุด และน่าจะเป็นอย่างนั้นด้วยถ้าไม่สดุดพลาดซะเอง
ลองมาประเมินสถานการณ์อย่างรวมๆของแต่ล่ะทีมกันดูครับ แต่ต้องขอบอกก่อนว่าเป็นเพียงการมองเกมส์แบบประสบการณ์น้อยของผมเองจะใช้ชีวัดอะไรไม่ได้มากครับ แค่ติดตามอย่างคนที่นี่ดอทคอมแค่นั้นครับ

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
ทีมนำจ่าฝูง ที่ทำแต้มหล่นในช่วงต้นฤดูกาล แต่ในช่วงหลังเกมส์คะแนนเป็นกอบเป็นกำ ผมมองว่าแมนยูปีนี้กองหลังไม่แน่นจึงทำให้เสียคะแนนไปพอควร อีกอย่างเกมส์ของแมนยูขาดความเฉียบขาดลงไปบ้างอาจจะมาจากการทีมทีมขาดทีเด็ดจาก วาเลนเซีย และสมดุลย์ของทีมที่ต้องจูนกันใหม่จากการหายไปของโลนัลโด แถมด้วยเรื่องเล็กๆน้อยๆของซุปตา ของทีมอย่างรูนีย์ แต่ด้วยความเก๋าและมากประสบการณ์ของอเล็ก เฟอร์กูสัน ที่เป็นปัญหาจึงไม่ใช่ปัญหา ทำให้ทีมแมนยู ยังคงเป็นแมนยูนั่นเองมาตราฐานมั่นคง และเป็นทีมที่พลาดน้อยที่สุด

อาร์เซนอล
อาร์เซนอล ห่างหายจากการลุ้นแชมป์จริงๆจังๆมานานแล้วระยะหลังแทบไม่ได้สัมผัสถ้วยเลยมาหลายฤดูแล้ว นั่งมองดูเชลซีกับแมนยูพลัดกันแลกหมัดอย่างเดียว แต่ปีนี้ผลจากการเพาะบ่มประสบการของเด้กสร้างของ อาร์แซน แวนเกอร์ ค่อยๆสัมฤทธิ์ผล นักเตะกระทิงเปลี่ยว สร้างผลงานและเกมส์สวยงาม มีเกมส์ที่ดุดันลีลาถูกใจแฟนบอล เอ๊นเตอร์เทนแฟนบอล แต่มีสะดุดเล็กๆน้อยๆ บ้างจึงทำให้คะแนนโดนทิ้งห่างไปนิดหน่อย แต่ไม่มีใครกล้าตัดชื่ออาร์เซนอลทิ้งจากการลุ้นแชมป์แน่นอน

แมนเชสเตอร์ ซิตี๊
ทีมระดับเศรษฐีน้องใหม่ ซึ่งมีกัปตันทีมอดีตซุปตา ของแมนยูอย่าง คารอส เตเบซ ทีมนี้รวมดาราจริงๆ และผลงานก็สมราคา ทะลุขึ้นมามีชื่อชิงบัลลังแชมป์ อย่างยิ่งใหญ่ แต่อาจมีเล็กๆน้อยๆในเรื่องทีมเวิร์ดซึ่งแน่นอนการทีมทีมถูกสร้างอย่างรวดเร็ว จึงต้องเจอปัญหาในเรื่องของสปิริตและความสัมพันธ์ในทีม ซึ่งจะส่งผลยามที่ทีมต้องการความร่วมแรงร่วมใจ หากทีมอยู่ในสถานการณ์ที่ยำคู่ต่อสู่ ไม่มีปัญหา แต่หากเจอทีมที่สู้ฟัด กัดไม่ปล่อย หรือทีมที่มีบารมีเหนือกว่า แมนซิตี๊จะเจอปัญหาทันที แม้ทีมจะทำผลงานมาอยู่บนตาราง แต่คงไม่มีใครนอกจากแฟนคลับ ที่เชื่อมั่นว่าทีมจะสามารถหยิบแชมป์ได้ ความเป็นจริงจึงน่าจะเป็นการชิงโคว้ต้าแชมป์เปี้ยนลีกมากกว่า

เชลซี
เริ่มต้นสวยอย่างที่บอกไป เป็นทีมออกนำม้าตีนต้น แต่สภาพปัจจุบัน ทีมพบปัญหาพอควร จากทีมลุ้นแชมป์และเต็งหนึ่งตอนนี้เชลซีกำลังพบความยากลำบากมากจริงๆ เราได้ยินข่าวเรื่องความไม่มั่นคงของอัลเช ล็อตติ ถึงการย้ายทีม แถมยังปัญหาแผงหลังที่ทำผลงานได้ไม่ดี เสียประตูง่ายๆ แพ้เยอะมากในฤดูนี้ ทีมจึงพยายามหาข้อแก้ไขโดยด่วน และรอบตลาดซื้อขายกลางฤดูที่ ได้ปิดดีลใหญ่กระชากใจเด็กหงส์อย่างผม เหอะๆๆ (แต่ตอนนี้ ต้องขอบคุณเชลซีที่ทำให้เกิดดีลนี้ อิอิ) โดยการได้ตอเรสมาช่วยในแผงหน้าเพิ่มพลังสังหาร ซึ่งจุดนี้ผมว่าฤดูกาลนี้เชลซีหวังถ้วยแชมป์เปี้ยนลีกมากที่สุด ในเวลานี้และหวังจะให้ตอเรสคือจิ๊กซอร์สุดท้ายเพื่อสร้างประวัติศาสตร์ในแชมป์เปี้ยนลีกนั่นเอง แต่คงไม่ง่ายแน่ๆครับ เพราะมีโคตรทีมจากสเปนอย่าง บ่าซ่าและมาดริด คงต้องติดตามกันไปว่า เชลซีจะทำผลงานในฤดูนี้ได้ตรงไหน ผมว่าแฟนๆเชลซีก็คงไม่สบายใจสถานการณ์ปัจจุบันเท่าไหร่แน่นอน

ลิเวอร์พูล
ดราม่าสุดๆ หลากหลายเรื่องราว อะไรกันป่านนั้น เริ่มจากความไม่สบอารมในเบนิเตซ ลิเวอร์พูลไม่เคยมีการออกมาเรียกร้อง กระแสกดดันต่อทีมเลยแต่เสียงเรียกร้องมากเหลือเกิน ต่อผู้จัดการทีมอย่างเบนิเตซ จนเป็นการเข้ามาแทนที่ของ รอยฮัดสัน แต่ผลงานก็ยังจมปลัก ลงไปท้ายตารางโน่น และสุดท้ายนำมาซึ่งการเปลียนแปลงครั้งประวัติศาสตร์ ที่ต้องบอกแบบนี้เพราะว่า เรื่องบานปลายขึ้นโลงขึ้นศาล จนเกือบเป็นเรื่องการเมือง ท้าทายอำนาจศาลจากสองค่าย คืออังกฤษและอเมริกา โดยฝั่งปลิงมะกัน พยายามเอาคำพิพากษาของศาลอเมริกา มาอ้างอิง แต่นี่คืออังกฤษ สุดท้ายจึงเป็นความพ่ายแพ้ของสองมะกัน งานนี้ฮีโร่ คือทีมซีอีโอซึ่งถูกตั้งมาโดยสองมะกันนั่นเอง และหงส์ก็ได้เจ้าของใหม่ จอห์น เฮ็นรี ซึ่งสุดท้ายทนสภาพไม่ไหวจากผลงานที่สุดเน่า จึงตัดสินใจฉีกสัญญา กับรอย และแต่งตั้ง The King ของเหล่าเดอะค็อปมารักษาการชั่วคราว และณ.ปัจจุบัน อย่างที่ทราบๆกัน หงส์เริ่มบินสูงอีกครั้งมาอยู่ที่อันดับ6 นำพาความสุขมาสู่แอนฟิลอีกครั้ง นอกจากตารางคะแนนที่บ่งชี้ความเป็นยอดกุนซือของเคนนี่ดัลกลิช เท่านั้น รูปแบบการเล่น แบบแผนที่ยืดหยุด บนปรัชญา พาส แอนด์ มูฟ ทำให้หงส์แดงเริ่มแข่งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ  ฤดูกาลนี้ ไม่ว่าหงส์แดงจะจบที่เท่าไหร่ ซึ่งหากไม่ได้ไปแชมป์เปี้ยนลีก เราอาจเห็นสตาร์ในทีมยายออกไปอีกก็ได้ เช่น เรน่า แต่ผมว่าแฟนๆคงจะลุ้นน้อยกว่าเรื่องของ เคนนี่ดัลกลิชละมั้งครับ เพราะ ดราม่ายังไม่จบ แฟนๆหงส์ไม่สามารถนอนกันหลับสนิท เนื่องจาก ยังไม่มีสัญญาณใดๆ หรือความชัดเจนอะไร ว่า King จะนั่งบัลลังแบบถาวร และนั่นแหระ สุดยอดดราม่าของหงส์แดงอย่างแท้จริง

InRed.