มารหัวขน!ริเซ่ทำช็อกโหม่งตัวเองน.94

มารหัวขน!ริเซ่ทำช็อกโหม่งตัวเองน.94

มารหัวขน!ริเซ่ทำช็อกโหม่งตัวเองน.94

หงส์แดงลิเวอร์พูลช็อกกันทั้งบางหลังกำลังจะชิงความได้เปรียบกับชัยชนะนัดแรกในศึกแชมเปี้ยนส์ลีกเหนือเชลซีในแอนฟิลด์แต่ยอห์น อาร์เน่ ริเซ่ตัวสำรองดันทิ้งตัวโขกลูกหน้าประตูตุงตาข่ายตัวเองในช่วงทดเจ็บวินาทีสุดท้ายก่อนเสมอกันไป 1-1 แบบงานหนักสุดๆในเลกสอง

บรรยายเกมโดยลูกแม่กิ่ง


ผลฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบรองชนะเลิศ นัดแรก

ลิเวอร์พูล 1-1 เชลซี

ประตู :
1-0 เคาท์ น.43,1-1 ริเซ่ น.90+4(ทำเข้าประตูตัวเอง)

สนาม : แอนฟิลด์

บรรยากาศในแอนฟิลด์ก่อนเกมยังคงสุดยอดเหมือนเดิม แต่ก็สร้างความกระอักกระอ่วนให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจในการรักษาความปลอดภัยเมื่อทอม ฮิคส์ เจ้าของสโมสรที่ไม่เป็นที่ชื่นชอบของแฟนบอลเข้ามาชมเกมในสนามด้วยทั้งที่มีการเตือนว่าไม่ควรเดินทางมาดู ขณะที่จอร์จ จิลเล็ตต์ อีกหนึ่งเจ้าของสโมสรก็เชิญตัวแทนของดีไอซี กลุ่มทุนจากดูไบที่ยังมีข่าวสนใจจะเทคโอเวอร์เข้ามาร่วมชมเกมด้วย

เริ่มต้นเกมมาแค่ไม่กี่อึดใจแฟนบอลเจ้าถิ่นก็ต้องใจเต้นตึกตักเมื่อเจมี่ คาร์ราเกอร์ไปทำฟาวล์ใส่ดร็อกบาแถวหน้ากรอบเขตโทษพอดี แต่ทางเชลซีก็ทำได้ไม่ดีเอง เมื่อดร็อกบาซัดไปติดกำแพงเอง

อย่างไรก็ดีหลังจากนั้นทีมเยือนก็เป็นฝ่ายที่บงการเกมได้เหนือกว่าในช่วง 10 นาทีแรก เพียงแต่ในแนวรับของลิเวอร์พูลก็ยังทำหน้าที่กันได้อย่างแข็งขัน ตามมาสกัดได้หมดทุกรูปแบบ

กว่าลิเวอร์พูลจะมาตั้งหลักของเกมได้ก็ต้องรอพ้น 10 นาทีแรกไป และมีจังหวะหวาดเสียวเมื่ออลอนโซ่ วางบอลยาวให้เคาท์วิ่งทะลุกับดักล้ำหน้าเข้าไปพักบอลลงหน้าเขตโทษแต่ทำได้ไม่เนียนพอทำให้บอลทะลักไปไกลก่อนจะโดนคาร์วัลโญ่ ตามมาเบียดจนเสียหลักและหวดทิ้งไปได้ในที่สุด

เจ้าถิ่นเริ่มได้ใจและตัวอันตรายอย่างตอร์เรสก็เริ่มจะส่งสัญญาณเตือนภัยให้ทีมเยือนโดยได้หลุดเข้าไปในเขตโทษแบบไม่ตั้งใจจากจังหวะที่บาเบิลจับบอลพลาด แต่จังหวะสุดท้ายจิ้มบอลหลุดออกไป

ด้านเชลซีก็มีขู่กลับบ้างเหมือนกันในจังหวะที่บัลลัค ครองบอลอยู่แถวระยะ 30 หลาก่อนชิพให้ดร็อกบา หลุดไปทางขวาก่อนตบเข้ากลางมาได้น่ากลัวแต่โจ โคล เข้าชาร์จไม่ถึงทำให้เรน่าล้มตัวรับได้ทัน

ก่อนที่อาร์เบลัว จะทำพลาดจ่ายพลาดให้แลมพาร์ด ตัดได้ในแดนของลิเวอร์พูลก่อนจะตักบอลให้โคล ทะลุไปถึงเขตโทษแต่จังหวะสุดท้ายดันยิงไม่เต็มเท้าซะอีก ถือว่าพลาดโอกาสดีไปหนนึงเลยทีเดียว

จากนั้นเมื่อเกมพ้น 20 นาทีไปก็เริ่มเข้าสู่ภาวะทรงตัวเป็นการต่อสู้เชิงแท็คติกส์ของทั้งสองทีม แต่ก็มีจังหวะน่ากังขาให้ถกเถียงกันเมื่อเชลซีต่อเกมมาได้สวย ก่อนที่ดร็อกบากำลังจะหลุดเดี่ยวเข้าไปแต่โดนคาร์ราเกอร์ ตามมาเบียดล้มลงไปในเขตโทษ แต่ผู้ตัดสินคอนราต เพลาตซ์ โบกมือให้เล่นต่อไป

ต่อมา ลิเวอร์พูลก็มีจังหวะที่ใกล้เคียงเหมือนกันเมื่อเชลซีสกัดบอลกันไม่ขาดมาเข้าทางเจอร์ราร์ด แปะบอลเร็วต่อให้ตอร์เรส หลุดทะลุเข้าไปในเขตโทษได้ดวลกับเช็ก แต่ตัดสินใจช้าทำให้ยิงไปติดเซฟของนายทวารทีมเยือน

แต่ก่อนหมดครึ่งแรกแค่ 2 นาทีก็ดูเหมือนเทพีแห่งโชคจะยิ้มเข้าข้างเจ้าถิ่นจนได้ เมื่อลิเวอร์พูลมาได้ประตูขึ้นนำแบบมึนๆ เมื่อตอร์เรสโดนทำฟาวล์กลางสนาม อลอนโซ่ออกบอลเร็วให้เคาท์หลุดไปทางขวาเปิดไปติดเทอร์รี่ก่อนในจังหวะแรก

บอลทะลักมาเข้าทางแลมพาร์ดซึ่งไม่น่าจะมีอะไรแล้วแต่แลมพ์ก็มัวแต่เงอะงะก่อนโดนเคาท์ วิ่งตามมาบี้พร้อมอลอนโซ่และแย่งบอลไป ลูกเข้าทางมาสเคราโน่ ง้างเท้ายิงซึ่งแม้ลูกจะปลิ้นแต่ก็กลายเป็นดีเพราะมาเข้าทางจอมขยันอย่างเคาท์ ที่วิ่งสวนขึ้นไปก่อนเอาบอลลงและสไลด์ตัวยิงลอดขาปีเตอร์ เช็ก เข้าไปเป็นประตูนำ 1-0 ที่ล้ำค่ายิ่งของลิเวอร์พูลที่ได้มาก่อนจบครึ่งแรกพอดี และต้องให้เครดิตกับกองหน้าจอมทุ่มเทชาวดัตช์โดยแท้

ครึ่งหลังกลับมาเล่นกันใหม่ เจ้าถิ่นดูจะเริ่มมั่นใจสามารถต่อบอลในเกมรุกได้ดุดันต่อบอลกันได้ไหลลื่นสวยงามมีโอกาสสร้างความกดดันให้แนวรับของเชลซีได้ดีทีเดียว เพียงแต่จังหวะจะยิงประตูยังหาไม่เจอ โดยใกล้เคียงที่สุดคือลูกยิงไกลหน้ากรอบเขตโทษแบบเน้นๆของอลอนโซ่ ที่ติดบล็อกแฉลบออกหลังไป

เล่นเป็นพระเอกอยู่พักนึงถึงนาทีที่ 59 หงส์แดงได้เสียวอีกครั้ง เมื่อเจอร์ราร์ด โขกชงต่อให้บาเบิล พักอกแต่งบอลหาจังหวะยิงได้สวยก่อนตะบันด้วยขวาเต็มๆแต่ลูกเฉี่ยวเสาออกไป

ทว่าจากนั้นลิเวอร์พูลก็ต้องเสียฟาบิโอ ออเรลิโอ แบ็กซ้ายที่เจ็บกล้ามเนื้อขึ้นในจังหวะเบียดแย่งบอลไม่สามารถเล่นต่อได้ต้องเปลี่ยนเอายอห์น อาร์เน่ ริเซ่ ลงมาแทน ขณะที่เชลซี อัฟรัม แกรนต์แก้เกมด้วยการส่งซาโลมอน คาลูลงมาแทนโจ โคล ที่ไม่มีประโยชน์ในเกมนี้

เกมรุกของเชลซีเริ่มดูอันตรายขึ้นเรื่อยๆ บัลลัค ได้เทคตัวขึ้นโขกเต็มๆแต่บอลตรงตัวของเรน่า ก่อนที่มาลูด้า จะได้หลุดทะลุมาโล่งๆเข้ามาถึงในเขตโทษแล้ว แต่ยิงช้าทำให้โดนอลอนโซ่ ตามมาบล็อกออกไปได้อย่างหวุดหวิด

ช่วงที่เหลือของเกมเชลซี ก็ยังเป็นฝ่ายที่ครองเกมบุกได้มากกว่าแต่แนวรับลิเวอร์พูลก็ค่อยๆปรับตัวเข้ากับการต่อบอลเร็วของเชลซีและกลับมายันกันอยู่

นอกจากจะยังไม่เสียแล้วยังเกือบจะได้อีกด้วยในช่วงก่อนหมดเวลา 5 นาที เมื่อเจอร์ราร์ด ขายาวกว่ามาเกเลเล่ เกี่ยวบอลลงพื้นได้ในเขตโทษก่อนอัดเต็มๆด้วยขวาแต่เช็ก ซูเปอร์เซฟปัดออกไปได้อย่างสุดยอด

และก็ยังเป็นเช็กที่ช่วยชีวิตเชลซี ที่สมองตันเล่นกันแบบไร้ไอเดียในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ เมื่อลิเวอร์พูลเตะมุมเข้ามา ตอร์เรสพักบอลลงได้ที่เสาไกลก่อนอัดเต็มๆแต่ก็ยังไม่ผ่านนายทวารจอมหนึบ

จากนั้นก่อนหมดเวลาแค่ไม่กี่วินาทีก็เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นเมื่อเชลซี ได้บุกขึ้นมาครั้งสุดท้าย คาลูเปิดมากลางประตูแล้วเป็นริเซ่ ที่ทำพลาดมหันต์พยายามก้มโหม่งแต่บอลเข้าประตูตัวเองเต็มๆ ช่วยให้ สิงโตพันล้าน รอดตายแถมยังได้อเวย์กลับไปเล่นในนัดที่สองที่จะไปซัดกันในสแตมฟอร์ด บริดจ์ ในสัปดาห์หน้าด้วย ขณะที่ฝ่ายหงส์แดงก็เซ็งกันไปตามระเบียบ

รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม

ลิเวอร์พูล :
โฆเซ่ เรน่า 7,อัลบาโร่ อาร์เบลัว 6,เจมี่ คาร์ราเกอร์ 8,มาร์ติน สเคอร์เทล 8,ฟาบิโอ ออเรลิโอ 6(ริเซ่ น.62,3),ชาบี้ อลอนโซ่ 7,ฮาเวียร์ มาสเคราโน่ 9*,ไรอัน บาเบิ้ล 7(เบนายูน น.76,5),เดิร์ก เคาท์ 7,สตีเฟ่น เจอร์ราร์ด 7,เฟอร์นานโด ตอร์เรส 5

ตัวสำรอง : อีตองด์เช่,ฮูเปีย,ริเซ่,เบนายูน,เคราช์,เพนแนนท์,ลูคัส

เชลซี : ปีเตอร์ เช็ก 8,เปาโล แฟร์เรียร่า 5,ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่ 7,จอห์น เทอร์รี่ 7,แอชลี่ย์ โคล 7,แฟร็งค์ แลมพาร์ด 6,โคล้ด มาเกเลเล่ 6,มิชาเอล บัลลัค 7(อเนลก้า น.86),โจ โคล 4(คาลู น.64,6),ดิดิเยร์ ดร็อกบา 8,ฟลอล็องต์ มาลูด้า 6

ตัวสำรอง : ฮิลาริโอ,เชฟเชนโก้,โอบี มิเกล,กาลู,อเล็กซ,เบลเลตติ,อเนลก้า



เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์