พรีเมียร์ลีก : ลิเวอร์พูล 2 - 0 เชลซี

 

พรีเมียร์ลีก : ลิเวอร์พูล 2 - 0 เชลซี
 
พรีเมียร์ลีก
 

           หงส์แดงลิเวอร์พูลกลับมาอย่างยิ่งใหญหลังรวมพลังเปิดรังแอนฟิลด์เอาชนะเชล ซี 2-0 จากสองประตูในครึ่งแรกของเฟร์นานโด ตอร์เรสนำทีมคว้าชัย 3 นัดติดขึ้นที่ 9 ส่วนจ่าฝูงหยุดแช่อยู่ที่ 25 แต้มนำแมนฯยูฯแค่ 2 แต้มเท่านั้น


พรีเมียร์ลีก
วันอาทิตย์ที่ 7 พฤศจิกายน 2553
ลิเวอร์พูล 2-0 เชลซี
ประตู : 1-0 ตอร์เรส น.11, 2-0 ตอร์เรส น.44


           ศึกบิ๊กแมทช์ประจำสัปดาห์ระหว่างลิเวอร์พูลกับเชลซีเกมนี้รอย ฮอดจ์สันกลับมาใช้ระบบ 4-2-2 สู้โดยให้เดิร์ก เคาท์ยืนหน้าคู่เฟร์นานโด ตอร์เรสโดยเจอร์ราร์ดคุมแดนกลางร่วมกับลูคัส


           ด้านเชลซีใช้ 4-3-3 สูตรถนัดมีนิโกลาส์ อเนลก้า, ฟลอร็องต์ มาลูด้าและซาโลมง กาลูเป็นตัวปิดสกอร์แต่ดิดิเยร์ ดร็อกบามีชื่อเพียงแค่ตัวสำรอง


           ต้นเกมลิเวอร์พูลไม่เคยแพ้ใครเพราะวิ่งเข้าบีบราวกับเสพม้ามาทำเอานักเตะเชลซีต้องรัดกุม


           เกมที่สูสีแทบไม่มีอะไรเลยแต่โอกาสแรกของเกมนี้ในนาที 11 เป็นหงส์แดงจากจังหวะที่เหมือนไม่มีอะไรเมื่อสเคอร์เทลแทงบอลจากกลางสนาม ฝากให้เคาท์พลิกแล้วเหลือบเห็นตอร์เรสเลยหยอดข้ามหัวทั้งอเล็กซ์และเจทีก่อน ดูดลงอย่างนิ่มแล้วใช้ตัวพิงจนอดีตกัปตันทีมชาติอังกฤษเข้าไม่ถึงแล้วยิงหัก ข้อกระเด้งผ่านมือเช็กบอลตุงหน้าต่างเข้าไปอย่างสวยงาม
 
           พอได้แล้วคราวนี้ตอร์เรสมั่นใจขึ้นมาทันตาเห็นเลยได้บอลนอกกรอบก่อนส่องไกแต่หลุดเสาออกไปเอง


           ตอนนี้ลิเวอร์พูลหันมาตั้งรับรอสวนทำให้เชลซีได้ครองบอลหาช่องเข้าเจาะเป็น เนื้อเป็นหนังและพยายามเข้าทางด้านมาร์ติน เคลลี่ดาวรุ่งแต่เจอสไลด์กวาดเต็มๆจนเดอะค็อปปรบมือให้กันเกรียว


           เชลซีพยายามจะทำเกมลุยใส่แต่แดนกลางยังไม่สามารถทำเกมได้เนื่องจากเจอร์รา ร์ด, ลูคัส, รามิเรสรวมไปถึงเคาท์และมักซี่วิ่ไล่ช่วยกันได้ดีมากทำให้ลูกโยนขึ้นหน้า เหมือนจะไร้พิษสง เรียกว่าถ้ามีดร็อกบาอาจใช้สูตรนี้ได้


           นาที 28 ลิเวอร์พูลอาจไม่มีอะไรในการจ่ายบอลสุดท้ายแต่นาที 28 ลูกครอสของเคาท์ที่เคลลี่เข้าแย่งไปถูกแขนเชอร์คอฟจนเดอะค็อปร้องจะเอาจุด โทษแต่รามิเรสไม่สนวิ่งมายิงอัดเต็มๆเช็กล้มตัวรับพอดี


           ตอนนี้เกมค่อนข้างเครียดเพราะนักเตะเจ้าถิ่นเริ่มเข้าถึงเนื้อถึงตัวและมี การทำฟาว์ลจากทั้งสองทีมบ่อยมากจนทำให้นึกถึงสมัยโจเซ่ มูรินโญ่ห้ำหั่นกับราฟาเอล เบนิเตซที่แย่งการครอบครองบอลกันอย่างเอาเป็นเอาตาย


           ก่อนหมดเวลานาทีเดียวลิเวอร์พูลมาได้ลูก 2 อย่างไม่น่าเชื่อจากจังหวะที่เชลซีกำลังจะสวนกลับหลังลูคัสกะจังหวะบอลผิด ลูกเลยข้ามหัวแต่แอชลีย์ โคลที่กำลังติดเครื่องดันทำช้าเลยถูกรุมตอมทั้งลูคัส, รามิเรสและเจอร์ราร์ดก่อนเป็นอดีตแข้งปอร์โต้แย่งได้แล้วกระชากขึ้นมาก่อน ป้ายออกซ้ายให้ตอร์เรสตรงริมกรอบโทษฝั่งซ้ายแล้วลากแต่งเข้าขวาก่อนยิงยัด ติดไซด์ทะลุแนวรับโดยเฉพาะเจทีที่แสกหน้าเลี้ยวเบียดเสาเสียบหน้าต่างจนปี เตอร์ เช็กได้แต่ยืนดูเฉยๆ เสียงเดอะค็อปในแอนฟิลด์แทบดังไปถึงหมู่เกาะฟาโรห์กันเลยทีเดียว หมดครึ่งแรกหงส์แดงนำ 2-0


           ครึ่งหลัง ดร็อกบามาแล้ว ไม่เป็นที่แปลกใจเมื่อคาร์โล่ อันเชล็อตติส่งดร็อกบาลงตั้งแต่ต้นครึ่งหลังโดยแทนซาโลมง กาลูที่แทไม่มีบทบาทใดๆเลย


           แต่เริ่มมาได้นาทีเศษๆลิเวอร์พูลเคาะบอลสวนกลับขึ้นมาสวยงามก่อนที่มักซี่จะ รับบอลจากหัวขิงแล้วพลิกยิงไกลบอลพุ่งเข้าเป้าดูแล้วสยองแต่เช็กยืนคุมเสา ดีรับเข้ามือหนึบ


           วันนีลูคัสตัดบอลสำคัญๆได้หลายหนเรียกว่าเป็นส่วนหนึ่งของแดนกลางในการรับ มือกับผู้เล่นของเชลซีอย่างเต็มรูปแบบไม่ว่าอเนลก้า, มาลูด้าและดร็อกบาต้องเสียท่าให้แข้งฟ้าประทานผู้นี้กันหมดและช่วงนี้จ่า ฝูงกำลังขึงเกมอย่างหนักหมายจะตีไข่แตกให้เร็วที่สุด


           เชลซีแม้ได้ครองบอลเยอะแต่ยังหาโอกาสง้างเกือกยิงทดสอบเรน่าไมได้เลยแม้ กระทั่งได้ฟรีคิก 30 หลาดร็อกบารับหน้าที่ยิงแต่เลือกปั่นจะให้อ้อมกำแพงแต่สงสัยลืมกดล่างขวาบอล เลยไม่ไซด์พุ่งออกข้างเสาไปเอง


           นาที 60 แอชลีย์ โคลเปิดบอลจากปีกซ้ายเป็นรามิเรสโขกเต็มๆแต่บอลข้ามคานออกไปนี่ถ้าเข้าหัวดร็อกบาสงสัยไม่น่าเหลือ


           ทีมเยือนบุกหนักมากอีกนาทีเดียวเชอร์คอฟได้ลูกชิ่งจากเพื่อนก่อนลากกระชาก หลุดเข้าในเขตโทษด้านซ้ายแล้วส่องยิงกะให้เบียดเสาแต่เรน่ายืนคุมอยู่ปัด ทิ้งหวุดหวิด


           นาที 65 ซูเปอร์เซฟแห่งเกมเกิดขึ้นจากจังหวะที่ดร็อกบาเปิดบอลขึ้นมาทางปีกขวาแล้วมา ลูด้าวิ่งสอดมาแปด้วยอีขวาตัดหน้าเคลลี่ระยะเผาขน 6 หลาแต่จอมฮาประจำทีมล้มตัวปัดเซฟเหลือเชื่อมาก


           ตอนนี้หงส์แดงไม่สนใจเกมรุกแล้วเพราะรับเต็มตัวแนวรับใครได้บอลหวดทิ้งแบบไม่ต้องคิดให้มาก


           นาที 72 เจ้าถิ่นได้ฟรีคิกทางปีกขวาแล้วสุดท้ายบอลโดนเคลียร์แต่มักซี่ยิงไกลเข้า กรอบแต่ไม่ผ่านมือเช็กที่ล้มรับเข้ามือหนึบ


           อีก 3 นาทีต่อมาลิเวอร์พูลได้เตะมุมแล้วบอลเคลียร์ไม่ขาดเมเรเลสสบโอกาสยิงบอลโดน ไม่เต็มไปติดบล็อกกองหลังแล้วแฉลบมาเข้าทางเคาท์ที่จับแล้วพลิกหมุนตัวยิง ตรงระยะ 8 หลามุมแคบแต่เช็กล้มตัวใช้ขาเซฟเฉี่ยวเสานิดเดียวเท่านั้น


           เกมของลิเวอร์พูลทำเอาแฟนนั่งลุ้นกันไม่ติดเพราะตอนนี้เป็นเชลซีที่บุกวัน เวย์แล้วตอนนี้อันเช่ส่งตัวรุกมาหมดทั้งสเตอร์ริดจ์และโบซิงวาในขณะที่รอย ฮอดจ์สันซึ่งเป็นคนเปลี่ยนตัวยากอยู่แล้วยังไม่ขยับทำอะไร


           ก่อนหมดเวลา 4 นาทีเรื่องเหลือเชื่อเกิดขึ้นหลังแนวรับเจ้าถิ่นพลาดปล่อยให้อเนลก้าพลิกบอล ในเขตโทษแล้วหักข้อยิงร้อนถึงเรน่าต้องล้มตัวปัดบอลกระเด้งลงพื้นชนคานแล้ว กำลังจะเข้าทางดร็อกบาที่วิ่งมาซ้ำเน้นๆ 5 หลาแต่คาร์ราเกอร์มานัวเนียสไลด์ตัดจนเรน่ากลับมาคว้าเข้ามือ รอดตายช็อก !!


           ช่วงทดเจ็บลิเวอร์พูลเกือบหล่อเฟี้ยวหลังจังหวะสวนกลับเอ็นก็อกที่ลงมาแทน ตอร์เรสพลิกบอลแล้วไหลให้มักซี่หลุดทะลุเข้าไปล่อเป้ากับปีเตอร์ เช็กแล้วล็อกหนีและแม้นายทวารร่างโย่งจะเอาตัวมาโดนแต่แข้งอาร์เจนไตน์มาล้ม ช้าไปนิดท่าเลยไม่สวยเท่าไหร่จนฮาวเวิร์ด เวบบ์ให้เล่นต่อไม่งั้นเสียจุดโทษแน่นอน


           หมดเวลาหงส์แดงเอาชนะเชลซีอย่างสุดยอด 2-0 และเป็นการกวาดชัย 3 นัดติดทำให้พุ่งจากอันดับ 16 มาอยู่ที่ 9 ห่างจากแมนฯซฺตี้ทีมอันดับ 4 แค่ 5 แต้มส่วนเชลซีแพ้เป็นนัดที่ 2 ในฤดูกาลนี้และนำหน้าแมนฯยูไนเต็ดแค่ 2 แต้มเท่านั้น


รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม


ลิ เวอร์พูล : โฆเซ่ เรน่า, มาร์ติน เคลลี่, เจมี่ คาร์ราเกอร์, มาร์ติน สเคอร์เทล, พอล คอนเชสกี้, ราอูล เมเรเลส (สเปียริ่ง น.92), ลูคัส เลว่า, เดิร์ก เคาท์ (เชลเวย์ น.84), สตีเฟ่น เจอร์ราร์ด, มักซี่ โรดริเกซ, เฟร์นานโด ตอร์เรส*  (เอ็นก็อก น.88)


เชล ซี : ปีเตอร์ เช็ก, บรานิสลาฟ อิวาโนวิช (โบซิงวา น.70), จอห์น เทอร์รี่, อเล็กซ์ , แอชลีย์ โคล, รามิเรส, จอห์น โอบี มิเกล, ยูริ เชอร์คอฟ  (สเตอร์ริดจ์ น.76), ซาโลมง กาลู (ดร็อกบา น.46), นิโกลาส์ อเนลก้า, ฟลอร็องต์ มาลูด้า

  ข่าวจาก Soccersuck by เบน ฟรีคิก   ข่าวประจำวันที่ : 8 พฤศจิกายน 2553



เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์