ปาฏิหารย์ (ไม่มีจริง)

ปาฏิหารย์ (ไม่มีจริง) ชัวร์

แมนยูคือทีมที่จะถือถ้วยใบนี้เท่านั้นครับ

ถึงจะมีคนแปลงกายจากแฟนทีมอื่นมาเป็นแฟนทีม เรือใบสีฟ้า กันหลายล้านคน แต่สุดท้ายแล้วแรงสาปแช่งที่อยากให้ ปีศาจแดง สะดุดบ้างกลับไม่เป็นผล มิหนำซ้ำกลับยังไม่สะดุ้งสะเทือนเลยแม้แต่น้อย



 ฟรีคิกแบบมีโชคผสมฝีมือการตะบันของคริสเตียโน่ โรนัลโด้ และลูกปั่นโค้งเบียดเสาเหลี่ยมในเข้าไปของคาร์ลอส เตเวซ ซึ่งเป็นลูกยิงเครื่องหมายการันตีคุณภาพของนักเตะพรสวรรค์สูงเท่านั้นที่ทำได้ ช่วยลดความตึงเครียดของพลพรรคเร้ดอาร์มี่ ได้บานตะไท


 ก็พวกเขากำลังขยับเข้าใกล้ตำแหน่งแชมป์อีกสมัยไปทุกที


 และที่สำคัญ การคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกสมัยที่ 18 - ซึ่งเทียบเท่ากับผลงานในอดีตของลิเวอร์พูล คู่ปรับตลอดกาล ที่ใช้อ้างถึงความยิ่งใหญ่เป็นหมายเลขหนึ่งของวงการฟุตบอลอังกฤษมาตลอด - อาจจะเกิดขึ้นในสุดสัปดาห์ที่กำลังจะถึงนี้ ก่อนหน้าที่ฝ่าย หงส์แดง จะได้ลงสนามในนัดต่อไปด้วยซ้ำ


 ลิเวอร์พูล อาจไม่เหลือความหวังใดๆอีกเมื่อลงสนามกับ เวสต์ บรอมวิช อัลเบี้ยน ในเกมต่อไปในวันอาทิตย์


 ยกเว้นทีมของเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน จะพลาดในเกมใดเกมหนึ่งระหว่างการการไปเยือน วีแกน ที่เจเจบี สเตเดี้ยม และการรับมือกับ ปืนใหญ่ อาร์เซนอล คู่ปรับหน้าเดิมที่สอนบอลกันมาในสัปดาห์ก่อน ในคู่แรกของวันเสาร์


 อย่างไรก็ดี ว่ากันตามความเป็นจริง ฟอร์มที่เป็นอยู่ของแมนฯ ยูไนเต็ด เวลานี้ต้องยอมรับว่ากำลังเข้าโหมดไร้เทียมทานอีกครั้ง


 โหมดเดียวกับที่ทำให้พวกเขาโกยแต้มเอาเป็นว่าเล่นในช่วงปลายปีต่อถึงช่วง 2-3 เดือนแรกในปีนี้ ช่วงเวลาที่สร้างสถิติไร้พ่าย และไม่เสียประตูนานติดต่อกันนับ 14 นัด ก่อนจะสถิติดังกล่าวจะถูกหยุดด้วยฝีมือของลิเวอร์พูล ในชัยชนะที่ทำให้พวกเขามีอาการ เป๋ ไปบ้าง เพราะต่อจากนั้นก็พ่ายต่อฟูแล่ม อีกนัดแบบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง


 แต่หลังจากนั้นทุกอย่างก็กลับมาเข้าที่เข้าทางอีกครั้ง


 โดยเฉพาะช็อตปาฏิหารย์ในประตูของ เฟเดริโก้ มาเคด้า ที่ช่วยให้พลิกกลับมาชนะแอสตัน วิลล่า 3-2 ทั้งที่จวนเจียนจะลงโลงอยู่รอมร่อ
 หรือการพลิกกลับมาถล่มสเปอร์ส 5-2 ทั้งที่โดนนำไปก่อนในครึ่งแรก 2-0


 และปัจจัยที่ทำให้แมนฯ ยูไนเต็ด กลับมาเป็นปีศาจร้ายของคู่แข่งอีกครั้ง ส่วนสำคัญอย่างยิ่งคือฟอร์มของนักเตะที่สามารถพลิกแพลงเกมเป็นที่พึ่งได้เสมออย่าง โรนัลโด้ และเวย์น รูนี่ย์ ที่พร้อมจะบันดาลประตูให้เกิดขึ้นได้ตลอดเวลาที่ลงสนาม


 โดยเฉพาะโรนัลโด้ ที่เวลานี้กลับมาเข้าฟอร์มปีกเทวดาอีกครั้ง และสามารถทำประตูได้ต่อเนื่องเหมือนฤดูกาลที่แล้วอีกครั้ง ซึ่งนับถึงเวลานี้ ปีกจอมสับกดไปแล้วรวมทุกรายการ 26 ประตู สมราคานักฟุตบอลหมายเลขหนึ่งของโลกทุกสถาบัน


 จะเท้าซ้าย เท้าขวา โขก เขก ขวิด หรือตะบันฟรีคิก ได้หมดทั้งนั้น


 แม้จะมีเสียงเตือนจาก มาร์ค ฮิวจ์ส ที่ห่วงใย (?) ในเรื่อง  ท่า ในการยิงฟรีคิกของเจ็ทโด้ ที่ผิดแปลกแตกต่างจากมนุษย์คนไหนในโลก ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวที่ไม่เป็นธรรมชาติและจะส่งผลต่อกล้ามเนื้อต้นขาและหัวเข่าได้ แต่ใครจะไปสนในเวลานี้ ในเมื่อมันได้ผลดีสำหรับทั้งตัวเองและทีม?


 และอย่าลืมว่าพรสวรรค์ที่พระเจ้าประทานให้โรนัลโด้ ไม่ได้มีแค่เทคนิคการเล่นชั้นยอดเท่านั้น แต่ยังรวมถึงร่างกายที่สมบูรณ์แบบ มีทั้งความเร็ว พละกำลัง ความแข็งแกร่ง และการรักษาสมดุลที่เหลือเชื่อ (ขนาดวิ่งไม่ถูกหลักกลศาสตร์จนยูเซนต์ โบลต์ นักวิ่งโอลิมปิก ต้องมาติวให้นะเนี่ย)


 แต่ก็ไม่ใช่โรนัลโด้ เท่านั้นที่คืนฟอร์มเก่ง เพราะคนอื่นๆก็เล่นกันได้ดีทั้งทีม ไม่ว่าจะเป็นแนวรับหรือแนวรุกที่เวลานี้บอกตามตรงว่าหาใครหยุดได้ยากเหลือเกิน


 แม้กระทั่งบาร์เซโลน่า ทีมที่ว่ากันว่ามาจากต่างดาว เทียบกันปอนด์ต่อปอนด์ตอนนี้ก็ต้องยอมรับว่าเป็นรอง


 แต่เมื่อฟุตบอลเป็นเกมแห่งความไม่แน่นอน ถามว่าเป็นไปได้ไหมที่ วีแกน และอาร์เซนอล จะช่วยกันแหย่ขาให้ปีศาจแดงล้มหัวคว่ำได้?


 คำตอบก็คือโอกาสนั้นมีเหมือนกัน เพียงแต่มันยากมหาหิน


 วีแกน เป็นทีมที่มีการจัดการทีมที่ดีมาก องค์ประกอบในทีมแม้จะไม่ได้รวมดารานักเตะระดับเทพไว้ด้วยกัน ชื่อชั้นนักเตะก็เป็นรองทีมระดับเดียวกันหลายทีม แต่สตีฟ บรู๊ซ อดีตกัปตันที่เคยเป็นลูกศิษย์เฟอร์กี้ มาก่อนในยุคเรืองรองช่วงแรกของแมนฯ ยูไนเต็ด เมื่อสิบกว่าปีก่อน ก็ทำทีมได้อย่างลงตัว


 ที่ผ่านมา วีแกน มักจะสร้างปัญหาให้แมนฯ ยูไนเต็ด ได้ไม่น้อยทีเดียว เนื่องจากสไตล์การเล่นเป็นบอลเขี้ยว รับเหนียว กลางแน่น และรู้จักเก็บบอลได้ดีมาก


 อย่างไรก็ดี ทีเด็ดทีขาดของพวกเขามีน้อยเกินไป คนเดียวที่น่าจะสร้างอันตรายให้กับแมนฯ ยูไนเต็ด ได้คงจะเป็น อันโตนิโอ วาเลนเซีย ปีกเอกวาดอร์ที่เล่นได้ดุดัน และถ้าดูจากฟอร์มระยะหลังที่ไม่ชนะใครเลยใน 5 นัดหลังสุด


 มันก็พอจะบอกได้เป็นนัยว่าไม่น่ามีปัญหาสำหรับแมนฯ ยูไนเต็ด ที่จะผ่านด่านนี้


 ขณะที่เกมกับอาร์เซนอล แน่นอนว่าเป็นงานยากกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลานี้กันเนอร์ส อยู่ในภาวะที่เรียกว่า Underdog หลังแพ้หมดรูปต่อปีศาจแดง 2 นัดในแชมเปี้ยนส์ ลีก และโดนเชลซี บุกมาถล่มอีก 4-1 คา เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม


 แน่นอนว่า อาร์แซน เวนเกอร์ ย่อมสั่งให้ลูกทีมสู้อย่างไว้ลายแน่ และพลังฮึดตรงนี้ บวกกับการที่จะได้ตัวแสบอย่าง อังเดร อาร์ชาวิน กลับมา บางทีอาจจะช่วยให้กันเนอร์ส ทำผลงานได้ดีขึ้น มีลุ้นเอาผลเสมอกลับไปได้เหมือนกัน


 แต่ถึงกันเนอร์ส ช่วยหยุดปีศาจแดงไม่ให้ชนะในเกมนั้นได้ ความหวังของลิเวอร์พูล ที่อยากจะมีลุ้นแชมป์ก็ไม่เหลืออยู่ดี เพราะถึงตรงนั้นแต้มก็จะขาดพอดี เพราะแมนฯ ยูไนเต็ด จะมี 87 แต้ม ขณะที่ฝ่ายหงส์แดง เหลือแต้มให้เก็บแค่ 6 แต้ม ทำดีที่สุดก็มีแค่ 86 แต้มอยู่ดี


 คิดแล้วเหนื่อยสุดๆ(สุดๆผมเติมเองง มันคือความจริง!!!)แทนแฟนหงส์ ขณะที่แฟนผีก็คงกระหยิ่มยิ้มย่องอยู่ในใจ


 มองตามเนื้อผ้าว่ากันตามหน้าเสื่อ โอกาสที่พรีเมียร์ลีก สมัยที่ 12 ของเฟอร์กี้ จะหลุดลอยไปมันแทบไม่มีเลยจริงๆ นอกเสียจากจะมีปาฏิหารย์จากมือที่มองไม่เห็นมาช่วยลิเวอร์พูล


 แต่น่าเสียดาย ดูเหมือนครั้งนี้ปาฏิหารย์จะไม่มีจริง....

ข้อมูลจาก : MSN ฟุตบอล


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์