บิ๊กแมตช์หงส์รอล้างตาเชลซี สุดสูสี

ฟุตบอลคืนนี้ตรงกับวันแรงงาน แฟนบอลผู้ใช้แรงงานไม่ควรพลาดเพราะได้หยุดพักผ่อน แถมตกดึกมีเกมแชมเปียนส์ ลีกให้ชมกันสบายใจ

คู่นี้เป็นศึกสายเลือดขนานแท้ หงส์แดงลิเวอร์พูล จะเปิดรังแอนฟิลด์รับการมาเยือนของคู่ปรับร่วมลีกอย่าง สิงโตน้ำเงินครามเชลซี

ส่องกล้องมองเกมแล้ว หงส์ ได้เปรียบเล็กๆ ที่เล่นในบ้าน

แต่ต้องเปิดเกมรุกจะทำให้เข้าทางทีมเยือนที่มีทีเด็ดที่ ดิดิเยร์ ดร็อกบา กองหน้าไอวอรี โคสต์

แฟนหงส์ต้องลุ้นกันเหงื่อหยดแน่..ไม่รู้จะมีปาฏิหาริย์หรือเปล่า???

วันอังคารที่ 1 พ.ค. ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก รอบรองชนะเลิศ นัดที่สอง

นัดแรกแพ้ 0-1 ยังไม่เสียหายสำหรับ หงส์แดง เกมนี้เล่นในแอนฟิลด์ต้องเดินหน้าลุยแหลก และเกมเมื่อเสาร์พักตัวหลักไว้อื้อก็เพื่อเทหมดหน้าตักในนัดนี้นี่เอง ราฟาเอล เบนิเตซ กุนซือสแปนิชอาจมีการปรับทัพเล็กน้อย

โฮเซ่ เรน่า ยังคงเป็นมือหนึ่งให้เฝ้าเสาตามเดิม หากไม่ใช่ลูกที่เหลือบ่ากว่าแรง พี่แกไม่พลาดเหมือนกัน

ส่วนเกมรับแผงกองหลัง 4 คนมี เจมี่ คาร์ราเกอร์ กับ ดาเนี่ยล แอ๊กเกอร์ ยืนเป็นเซ็นเตอร์คู่กัน แม้จะไม่ค่อยรู้ใจกันเท่าไหร่ แต่ก็พอเอาตัวรอดได้ แบ๊กซ้ายใช้ ยอห์น อาร์เน่ ริเซ่ ที่เด่นทั้งรุกและรับ แม้ว่าเกมที่ผ่านมาจะทำได้ไม่ดี แบ๊กขวาเป็นอัลบาโร่ อาร์เบลัว ไปยืน ไม่ค่อยเติมเกมรุกเท่าไหร่ ส่วนประสบการณ์เกมยุโรปยังต้องฝึกอีกนาน

ส่วนแดนกลางน่าจะเป็นจุดแข็งของลิเวอร์พูล มี สตีเฟ่น เจอร์ราร์ด เป็นกัปตันทีมที่ทะลุทะลวงและยิงแถวสองได้ดี ส่วน ฮาเบียร์ มาสเชราโน่ อยู่ริมเส้นด้านขวา

ขณะที่ ชาบี อลอนโซ่ ปั้นเกมสนับสนุนกองหน้าอย่าง ปีเตอร์ เคราช์ และเดิร์ก ไคต์ ส่วนริมเส้นด้านซ้ายจะใช้ เบาเดอไวน์ เซนเด้น ก็ยังไม่โดดเด่นเท่าไหร่ อาจจะใช้ มาร์ก กอนซาเลซ ลงลากเลื้อยแทน ขึ้นอยู่กับแท็กติกของราฟา

โอกาสแชมป์ลีกท่าจะหลุดลอย น่ามาลุ้นในเกมนี้ได้แทน นัดนี้จะได้ มิคาเอล เอสเซียง กองกลางตัวหลักพ้นโทษแบนกลับมาทำให้เกมน่าจะดีขึ้น

และส่งผู้เล่นแบบฟูลทีมลงสู้เลย ปีเตอร์ เช็ก ผู้รักษาประตูจอมหนึบได้เฝ้าเสาเหมือนเดิม

ส่วนแบ๊กโฟร์ประกอบด้วย เซ็นเตอร์คู่ ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่ เจ็บอาจลงเล่นไม่ได้ ทำให้ คาลิด บูลาห์รูซ อาจได้ยืนคู่กับจอห์น เทอร์รี่ ที่ประสานงานกันได้ดี แบ๊กซ้าย แอชลีย์ โคล มีความเร็วใช้ได้ทีเดียว แบ๊กขวา เปาโล แฟร์ไรร่า ที่เด่นเรื่องการอ่านทางบอล แม้บางจังหวะจะขาดๆ เกินๆ ไปบ้าง

กองกลาง

มิคาเอล เอสเซียง กลับมาบัญชาเกมทำให้ จอห์น โอบี้ มิเกล ต้องกลับไปนั่งสำรอง โคล้ด มาเกเลเล่ คอยตัดเกมแดนกลาง

ส่วนโจ โคล น่าจะได้ลงตัวจริงอีกนัดเพราะเล่นเด่นเกมที่ผ่านมา แฟรงก์ แลมพาร์ด ยิงไกลได้ดี คอยสนับสนุนเกมอยู่ด้านหลัง ดิดิเยร์ ดร็อกบา กับ อังเดร เชฟเชนโก้ ที่เก๋าในเกมยุโรป

คงมาเน้นตั้งรับตามสไตล์เพราะลิเวอร์พูลต้องเปิดเกมรุกแน่นอน และต้องยิงประตูให้ได้เร็ว

เพราะฉะนั้น จะรับความกดดันไปเต็มๆ หากลิเวอร์พูลยิงประตูไม่ได้ เชลซีคอยดักจังหวะสวนกลับดีๆ ใช้ความเร็วและการครองบอลที่เหนียวแน่นของดิดิเยร์ ดร็อกบา น่าจะมีลุ้นบุกมาชนะอีกนัดหรืออย่างน้อยก็ลุ้นเสมอ

เพราะกระดูกของเชลซีดูดีกว่า ลิเวอร์พูลน่าจะจอดป้ายเพียงแค่รอบนี้เพราะไม่น่ามีปาฏิหาริย์เหมือนสองปีที่ผ่านมา

จาก หนังสือพิมพ์มติชน