ซิเมาแสบ!ยิงท้ายเกมหมีตีเจ๊าหงส์

ซิเมาแสบ!ยิงท้ายเกมหมีตีเจ๊าหงส์



หงส์แดงลิเวอร์พูลยางแตกหลังบุกมาขึ้นนำแอต.มาดริดอยู่ดีๆแต่ตั้งรับเยอะก่อนถูกแอต.มาดริดไล่บดอย่างหนักในครึ่งหลังก่อนซิเมามาตีเสมอก่อนหมดเวลา 7 นาทีแบ่งแต้มกันไปแต่ลูกทีมราฟาเอล เบนิเตซยังนำเป็นจ่าฝูงร่วมกลุ่มดีแต่ประตูได้เสียเป็นรอง

บรรยายเกมโดยลูกแม่กิ่ง

แอต.มาดริด 1-1 ลิเวอร์พูล

ประตู :
0-1 ร็อบบี้ คีน น.14,1-1 ซิเมา น.83

เกมสำคัญของกลุ่มดี เมื่อเป็นการพบกันของสองทีมที่ชนะรวดมา 2 นัดแรก โดยนัดนี้ทางด้านแอตเลติโก มาดริด รับเป็นเจ้าถิ่นก่อน แต่ต้องขาดสตาร์ดังอย่างเซร์จิโอ อเกวโร่ ที่สภาพร่างกายไม่สมบูรณ์ ทำให้แดนหน้าเป็นโอกาสของดีเอโก้ ฟอร์ลัน ที่จะได้ลงคู่กับฟลอร็องต์ ซินาม่า ปงโกลล์ อดีตเด็กหงส์ที่ได้เจอทีมเก่าเป็นครั้งแรก

ด้านลิเวอร์พูล ทราบกันอยู่ว่าขาดเฟร์นันโด ตอร์เรส อดีตขวัญใจแม่ยากชาวตราหมีไป และในเกมนี้ราฟา เบนิเตซ ยังทำเซอร์ไพรซ์ด้วยการดร็อปเดิร์ค เคาท์เป็นตัวสำรองและใส่ชื่อฮาเวียร์ มาสเคราโน่ กับยอสซี่ เบนายูน ลงมาเสริมกำลังในแดนกลางแทน โดยทิ้งร็อบบี้ คีน เอาไว้ในแดนหน้าแค่คนเดียว

แต่เมื่อเริ่มเกมมาทางด้านหงส์แดง กลับไม่ได้จะมาตั้งรับอะไรอย่างที่คาดตรงข้ามกลับเปิดฉากลุยใส่เจ้าถิ่นจนตั้งตัวแทบไม่ทันในช่วง 10 นาทีแรก เพียงแต่ก็ยังไม่ได้มีโอกาสในการทำประตูอะไรกันมากนัก 

อย่างไรก็ดีถึงนาทีที่ 14 ลิเวอร์พูล ก็มาฉวยโอกาสทำประตูขึ้นนำก่อนจนได้จากจังหวะที่แข้งเจ้าถิ่นพลาดถูกอลอนโซ่ตัดบอลแล้วแตะให้เจอร์ราร์ด แทงบอลทะลุช่องให้ร็อบบี้ คีน หลุดเดี่ยวเข้าไปในเขตโทษก่อนจะยิงเล่นทางผ่านลีโอ ฟรังโก้เข้าไปง่ายๆ

หงส์แดงยิ่งเล่นยิ่งดี ดูข่มรัศมีของเจ้าถิ่นที่เล่นกันไม่เป็นโล้เป็นพายอย่างมาก และในนาทีที่ 22 คีนก็มีโอกาสดีๆในชีวิตอีกรอบ เมื่อเจอร์ราร์ด ครอสบอลเรียดมาให้แต่คีนกลับวืดไปแบบน่าเสียดาย

เกมสวนกลับของลิเวอร์พูลยังน่ากลัวอยู่ ซึ่งก็เกือบจะได้จุดโทษจากอัลเบิร์ต ริเอร่า ที่ได้บอลในเขตโทษก่อนจะพยายามพลิกหลบอันโตนิโอ โลเปซ และโดนเกี่ยวเอาไว้นิดเดียว แต่ผู้ตัดสินให้ใบเหลืองเพราะมองเป็นการพุ่งล้ม

แอตฯ มาดริด มาบุกหนักเอาในช่วงท้ายครึ่งแรกเพียงแต่ไม่ได้มีโอกาสจะหาจังหวะเจาะเข้าไปแบบเหมาะๆเท่าไหร่ ขณะที่ลิเวอร์พูลก็ยันสกอร์นำเอาไว้ได้จนจบครึ่งแรก

ครึ่งหลัง ฆาเบียร์ อกีร์เร่ ส่งอเกวโร่ ลงมาแทนหลุยส์ การ์เซีย เพื่อเปิดเกมรุกบุกแหลกจะเอาประตูตีเสมอให้ได้ เพียงแต่ก็มาลิเวอร์พูลยิงเข้าไปกองก้นตาข่ายได้อีก เมื่อเจอร์ราร์ด ทำชิ่งให้กับเบนายูน หลุดเข้าไปตวัดยิงผ่านฟรังโก้ง่ายๆ แต่ผู้ช่วยผู้ตัดสินกลับยกธงให้เป็นลูกล้ำหน้าก่อน ทั้งที่ไม่ได้มาจากตำแหน่งล้ำหน้า

เมื่อไม่ได้ประตูนี้ทำให้แอตฯ มาดริด พอมีกำลังใจจะเดินหน้าบุกแหลกซึ่งก็ค่อยๆกดดันไล่ต้อนทีมเยือนจนเริ่มออกอาการปั่นป่วนได้มากขึ้นเรื่อยๆ ระเบียบวินัยในแนวรับที่เคยมีหายไปหมด

และหลังพ้น 10 นาทีแรกของครึ่งหลังไป แอตฯ มาดริด ก็น่าจะได้ประตูตีเสมออีกหลายครั้ง โดยเฉพาะจากลูกที่ไซตาริดิส เติมขึ้นมาได้ซัดเข้าไปตุงตาข่ายแต่ไลน์แมนกลับยกธงให้เป็นลูกล้ำหน้าทั้งที่ก็ไม่ได้มาจากจังหวะล้ำหน้าเช่นกัน นอกจากนั้นซิเมายังเติมขึ้นมายิงไปโดนเรน่า ปัดด้วยปลายนิ้วไปชนเสาอีกครั้งด้วย ช่วงนี้จึงถือเป็นนาทีทองของเจ้าถิ่นเลยทีเดียว

ราฟา ทนดูลูกทีมเริ่มรวนไม่ไหวส่งไรอัน บาเบิล ลงมาแทนเจอร์ราร์ด หลังจากที่ก่อนนั้นส่งเคาท์ลงมาแทนคีน ที่มีอาการบาดเจ็บ ซึ่งบาเบิล ก็มีโอกาสจ่ายให้เคาท์หลุดถึงหน้าเขตโทษแต่กลับเงอะงะทำให้พลาดไป

การแก้ลำของราฟาท่าจะได้ผล เมื่อลิเวอร์พูลพ้นช่วงวิกฤติมาได้สำเร็จและเหมือนจะดีขึ้นพักนึงแล้ว แต่เล่นแลกกันไปมาเรื่อยๆถึงนาทีที่ 83 แอตฯ มาดริด ก็มาไลตีเสมอได้สำเร็จเมื่อฟอร์ลัน ได้บอลหน้าเขตโทษก่อนจะดึงจังหวะล่อทั้งแอกเกอร์และคาร์ราเกอร์มาติดกับก่อนจะไหลให้ซิเมา ที่เติมขึ้นมาพอดีเป๊ะแต่งบอลเข้าซ้ายก่อนกดเรียดเข้าไปตุงตาข่ายเข้าไปโดยไม่มีการยกธงล้ำหน้าแล้ว สกอร์เลยกลับมาเสมอกันที่ 1-1

โมเมนตัมเกมไหลกลับมาทางเจ้าถิ่นแล้ว และเกือบจะได้ประตูแซงนำถ้าเปเป้ เรน่า ไม่ซูเปอร์เซฟบินปัดลูกยิงสุดมันของมิเกลได้อย่างหวุดหวิด แต่ช่วงก่อนหมดเวลา 2 นาทีหงส์แดงก็เกือบจะได้เหมือนกัน แต่บาเบิล ถลามาโขกบอลจากการเปิดของเคาท์ถากเสาไปนิดเดียวเท่านั้น

ช่วงที่เหลือของเกมทั้งสองทีมต่างประคองเอาตัวรอดกันไปทำให้เกมจบลงด้วยการเสมอกันไป ได้ครองจ่าฝูงร่วมของกลุ่มกันต่อไปก่อนจะไปวัดกันอีกนัดที่แอนฟิลด์ในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

แอตฯ มาดริด :
ลีโอ ฟรังโก้, จอร์คาส ไซตาริดิส, อัลบาโร่ โดมิงเกวซ, หลุยส์ เปเรีย, อันโตนิโอ โลเปซ, นาโช่ คามาโช่ (ราอูล การ์เซีย น.72) , มานิเช่, หลุยส์ การ์เซีย (เซร์จิโอ อเกวโร่ น.46) , ซิเมา ซาโบรซ่า, ฟลอร็องต์ ซินาม่า ปงโกลล์ (มาเกล คูเอบาส น.75) , ดีเอโก้ ฟอร์ลัน

ลิเวอร์พูล : โฆเซ่ มานูเอล เรน่า, อัลบาโร่ อาร์เบลัว, เจมี่ คาร์ราเกอร์, ดาเนี่ยล แอกเกอร์, อันเดรีย ดอสเซน่า, ฮาเบียร์ มาสเคราโน่, ชาบี้ อลอนโซ่ (ลูคัส ไลวา น.75) , ยอสซี่ เบนายูน, สตีเฟ่น เจอร์ราร์ด (ไรอัน บาเบิล น.61) , อัลเบิร์ต ริเอร่า, ร็อบบี้ คีน (เดิร์ค เคาท์ น.53)

ผู้ตัดสิน : เคลาส์ โบ ลาร์เซ่น (เดนมาร์ก


















 


ขอขอบคุณเนื้อข่าวคุณภาพดีโดย lentee



เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์