ซัวเรซเมื่อไหร่ถึงจะคม!!

              แม้ว่าจะเป็นเพียงแค่ช่วงเปิดฤดูกาล และเป็นช่วงที่เจอกับเกมหนักๆ แต่คงปฏิเสธไม่ได้ว่า "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ขาดการทำประตูที่สม่ำเสมอ ทั้งๆ ที่ส่วนประกอบของเกมรุกถือว่าไม่เลวเท่าไรนัก จุดหนึ่งน่าจะเป็นเพราะ หลุยส์ ซัวเรซ ยิงประตูไม่ได้สม่ำเสมอเหมือนเดิม

               ก่อนหน้านี้ความสม่ำเสมอในการทำประตูคือจุดเด่นของ ซัวเรซ สมัยที่ยังอยู่กับ อาแจ๊กซ์ อัมสเตอร์ดัม แต่พอย้ายเข้าสู่ถิ่นแอนฟิลด์ เรื่องที่ว่าค่อยๆ หายไปเรื่อยๆ เมื่อฤดูกาลที่แล้ว ซัวเรซ ยิงชนเสาชนคานรวมแล้ว 8 ครั้ง ไม่อย่างนั้นก็มีลุ้นตำแหน่งยาวยิงสูงสุดกับ โรบิน ฟาน เพอร์ซี เหมือนกัน

               สถิติของ ซัวเรซ ที่อาแจ๊กซ์ ยิงได้ถึง 81 ประตูจาก 110 เกม ขณะที่สถิติในทีมชาติก็ยิงไป 28 ประตูจาก 54 นัด

               สิ่งที่เกิดขึ้นกับ ซัวเรซ หากไม่ฟอร์มตกไปเอง ก็อาจจะเกี่ยวเนื่องจากเรื่องระบบการเล่นในทีมหงส์แดง จากค่าเฉลี่ยที่บอกว่า ซัวเรซ จะยิง 1 ประตูทุกๆ 3 นัด
เจ้าตัวอาจจะบอกว่า เป็นเรื่องของโชค ที่ตอนอยู่ในฮอลแลนด์ไม่มียิงชนเสาชนคานเท่าไรนัก แต่มาถึงตอนนี้ก็ยังพิสูจน์กันไม่ได้ว่าเป็นเรื่องของโชคหรือว่าความมั่นใจกันแน่ ยามที่สวมเสื้อทีมชาติ ซัวเรซ ดูจะเฉียบคมมากกว่า อย่างในโคปา อเมริกา เมื่อปีที่แล้วก็ยิงประตูในเกมชิงชนะเลิศกับ ปารากวัย ได้ และก่อนหน้านั้นก็ยิงในรอบรองชนะเลิศมา 2 ประตู

                ยามที่เล่นในอุรุกวัย ซัวเรซ จะยืนแดนหน้าลงล่าประตูอย่างเดียว เพราะมีตัวทำเกมให้แล้ว แต่ในลิเวอร์พูล สมัย เคนนี ดัลกลิช อาจจะต้องมีการขยับออกริมเส้น หรือลงต่ำมามากขึ้น เพื่อเปิดทางให้ แอนดี คาร์โรลล์ เป็นตัวเป้า 

                ขณะที่สมัย เบรนแดน ร็อดเจอร์ส จริงๆ แล้วน่าจะเป็นโอกาสที่ดีของ ซัวเรซ เอง เมื่อเจ้านายไว้ใจให้เล่นเป็นตัวเป้า ไม่ต้องใช้เทคนิคลากบอลเข้ากรอบเขตโทษด้วยตัวเองเหมือนเดิม เป็นระบบที่คล้ายๆ กับที่ ออสการ์ ตาบาเรซ ใช้ทีมชาติอุรุกวัย ซึ่งบ่อยครั้งส่งกองหน้าลงพร้อมกัน 3 คน

                ในทีมชาติมี ดิเอโก ฟอร์ลัน กับ เอดิสัน คาวานี ช่วยหนุน ขณะที่ระบบของ ร็อดเจอร์ส ในลิเวอร์พูล ก็มี ราฮีม สเตอร์ลิง กับ ฟาบิโอ บอรินี คอยช่วยเหลือ แต่ผลก็ยังไม่ออกมาอย่างที่คิด อาจจะต้องใช้เวลาปรับตัวเข้าหากันอีกสักระยะ จากการที่ทั้ง 3 คนเพิ่งจะเล่นร่วมกันได้ไม่กี่นัด

                แต่หากเล่นกันไปสักครึ่งฤดูกาล สิ่งที่ควรจะเป็นยังไม่เกิดขึ้น ก็น่าจะถึงเวลาที่ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ต้องหยิบเรื่องเกมรุกมาขบคิดกันใหม่

เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์