สองภาพประวัติศาสตร์เกิดขึ้นในเกมเดียวกันอย่างสุดยิ่งใหญ่เมื่อร็อบบี้ คีนปลดล็อกตามดิมิทาร์ เบอร์ บาตอฟด้วยการยิงประตูให้ลิเวอร์พูลเป็นนัดแรกจนได้โชว์ท่าตีลังการัวยิงอาร์ก้าตามสไตล์ก่อนที่เจอร์ราร์ดจะมากดฟรีคิกสุดโต่งเม็ดที่ 100 ก่อนปิดบัญชี ถล่มพีเอสวี 3-1 คว้า 6 แต้มเต็มจากสองนัด
ลิเวอร์พูล 3-0 พีเอสวี
ประตู : 1-0 เคาท์ น.4,2-0 คีน น.33,3-0 เจอร์ราร์ด น.76
ช่วงต้นเกมหงส์แดงเป็นฝ่ายครองเกมอยู่ข้างเดียวและพยายามหาทางเจาะอยู่พักนึงจนนาทีที่ 4 ก็มา ขึ้นนำจากลูกเตะมุมของเจอร์ราร์ดเป็นตอร์เรสวิ่งมากระโดดแปยัดตรง 6 หลาแต่อีซัคส์สันล้มตัวใช้ขาปัดและโชคไม่ ดีเป็นเคาท์มาเก็บตกแตะหนึ่งจังหวะก่อนแปยัดตรงตัวคราวนี้จอมหนึบสวีเดนล้มตัวพยายามใช้ขาเซฟอีกทีแต่บอล ปลิ้นหัวเข่าเสียบหน้าต่างเข้าไปอย่างสวยงาม หงส์แดงนำ 1-0
เจ้าถิ่นเป็นฝ่ายครองบอลเหมทือนเดิมแม้ว่าคราวนี้พีเอสวีพยายามจะดันเกมรุกทวงประตูคืนก็ตามแต่ไม่ ง่ายเลยเมื่อคาร์ราเกอร์และสเคอร์เทลดักกินหมด
นาที 21 ลิเวอร์พูลน่าจะได้จุดโทษหลังริเอร่าเลี้ยงตัดจากปีกซ้ายเข้ากลางก่อนล้มตัวกวาดแทงทะลุให้คี โน่หลุดเข้าเขตโทษก่อนล็อกออกซ้ายแต่มาถูกซัลซิโด้ซึ่งถลำไปแล้วใช้ขาเกี่ยวจนหอกค่าตัว 20 ล้านปอนด์ล้มลง ผู้ ตัดสินยังทำเฉยปล่อยให้เล่นต่อ
จะว่าไปแล้วแบ็คขวาคืออาร์เบลัวหลุดตำแหน่งปล่อยให้ทีมเยือนหลุดมาเปิดบอลตรงเส้นหลังสองที เน้นๆยังดีพีเอสวีเปิดจังหวะสุดท้ายไม่ดีกันเอง
นาที 26 อาร์เบลัวทุ่มให้เคาท์ปล่อยบอลก่อนวิ่งตามแล้ววอลเลย์ดีวยอีซ้ายแต่บอลไม่แรงไปเข้ามืออี ซัคส์สันที่ล้มตัวตระครุบเอาไว้สบายๆ
สนามเล่นไม่ค่อยถนัดกันนักเพราะว่ามีฝนตกหนาเม็ดและนาที 30 เจ้าถิ่นได้เสียวจากลูกเตะมุมอีกคราวนี้ เป็นออเรลิโอปั่นมาเข้าทางตอร์เรสที่ยืนอยู่กับที่ก่อนกระโดดโจกตรงระยะจุดโทษแต่บอลปลิ้นออกข้างเสาไป
พีเอสวีพยายามเน้นขึ้นบอลทางขวาโดยมีแข้งหน้าลิเกอย่างแยน ครอมแครมพ์อดีตแข้งหงส์แดง คอยเติมเกมรุกแต่ก็ยังไม่ผ่านออเลริโอ
แต่แล้ววันที่รอคอยของเดอะค็อปและร็อบบี้ คีนมาถึงเมื่อนาที 33 มาพังประตูแรกในสีเสื้อลิเวอร์พูลจน ได้โดยเริ่มต้นจากเดิร์ก เคาท์ที่พลิกบอลเลี้ยงฝ่าดงตีนแข้งพีเอสวีถึง 2-3 คนก่อนล้มตัวแหย่ให้ตอร์เรสซึ่งโยกมา เล่นปีกขวาพลิกบอลหนีซัลซิโด้อย่างเหนือชั้นก่อนเปิดไซด์บอลพุ่งมาที่จุดนัดพบเป็นคีโน่แปตวัดยิงจังหวะเดียว พุ่งเสียบหน้าต่างเข้าไปอย่างสุดยอด ลิเวอร์พูลนำ 2-0 แล้ว
ลิเวอร์พูลผ่อนเกมจนมีต่อบอลเสียกันให้เห็นแต่การขึ้นเกมโดยรวมยังได้ลุ้นสนุกเหมือนเดินแต่วันนี้ตอร์ เรสเหมือนจะลื่นบ่อยสงสัยพักครึ่งต้องไปเปลี่ยนปุ่มสตั๊ดกันหน่อยแล้ว หมดครึ่งแรกเจ้าถิ่นนำ 2-0 สบายๆ
ครึ่งหลังเริ่มานาทีเศษๆบัคคาลได้โอกาสสับไกด้วยอีซ้ายบอลพุ่งแรงผ่านเสาออกไปแบบหัวใจวายนิดนึง
พีเอสวีเสียบอลเองบ่อยมากเรียกว่าแย่งกลับมาจากลิเวอร์พูลต่อกันได้ไม่นานก็เจอเก็บกินตลอดแต่เกม รุกของหงส์แดงช่วง 10 นาทีเศษๆยังไม่ดีเท่าที่ควร
นาที 59 ลิเวอร์พูลเกือบพังเมื่อปล่อยให้อัมราบัตนักเตะที่เล่นดีที่สุดของฝั่งพีเอสวีได้บอลหน้ากรอบ โทษโดยไม่มีใครเข้าเลยลากจี้แล้วตะบันยิง 20 หลาบอลลอดขาคาร์ราเกอร์พุ่งเฉี่ยวเสาแบบน่าเข้าสุดๆ
นาที 65 หงส์แดงน่าจะทิ้งห่าง 3-0 หลังตอร์เรสหลุดกับดักล้ำหน้ากระชากเข้าเขตโทษแต่จังหวะยิงดีด เลือกมุบอลออกหน้าเสาไปนิดเดียวเท่านั้น
ทีมเยือนเริ่มต่อบอลและดันเกมรุกกันมากขึ้นเรื่อยๆทำให้ตอนนี้จังหวะสวนกลับของหงส์แดงหลุด พรวดเดียวน่ากลัวมากโดยนาที 71 จังหวะที่อลอนโซ่เคลียร์บอลจากแดนตัวเองเป็นคีนพลิกบอลก่อนถูกชนล้มลงแต่ เจอร์ราร์ดวิ่งมาเล่นต่อควบบอลขึ้นมาแล้วแทงทะลุให้ตอร์เรสแต่แรงเกินไปเลยกลายเป็นเสียเปรียบกองหลังที่วิ่งมา เก็บกินก่อนเข้าเขตโทษนิดเดียว
และแล้วอีก 5 นาทีต่อมาลิเวอร์พูลมาได้ฟรีคิกระยะ 25 หลังหลังตอร์เรสถูกทำฟาว์ลและเป็นออเลริโอ แตะให้เจอร์ราร์ดวิ่งมายิงเต็มข้อบอลพุ่งเป็นลำแสงแหวกกำแพลตุงตาข่ายสุดมันราวกับวินนิ่ง เรียกจังหวะทีม เยือนพลาดไม่มีใครวิ่งมาบล็อก และเป็นประตูที่ 100 ของหัวขิงที่สวยสุดๆ
แต่แค่นาทีกว่าๆพีเอสวีมาตีไข่แตกง่ายๆเมื่อลูกเปิดทางปีกขวาเป็นโคเวอร์มันส์เบียดสกรีนกับสเคอร์เท ลก่อนวอลเลย์เผาขนตุงตาข่าย จังหวะนี้ทำเอาคาร์ราเกอร์กระโดเหยงโมโหเพราะเสียง่ายเกินเนื่องจากมีผู้เล่นทีม เยือนอยู่ในกรอบแค่คนเดียวเท่านั้น
ช่วงเวลาที่เหลือพีเอสวีไม่ดีพอจะเจาะแนวรับลิเวอร์พูลที่ตาสว่างเน้นมากขึ้นส่วนเกมรุกเจ้าถิ่นก็ไม่เอาแล้ว จบเกมลูกทีมราฟาเอล เบนิเตซเก็บ 6 แต้มเต็มจากสองนัดและมีโปรแกรมใหญ่ที่สุดคือเยือนแอต.มาดริดในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้านี้
รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม
ลิเวอร์พูล : โฆเซ่ เรน่า,อัลบาโร่ อาร์เบลัว,มาร์ติน สเคอร์เทล,เจมี่ คาร์ราเกอร์,สตีเฟ่น เจอร์ราร์ด(บาเบิ้ล น.82),ชาบี้ อลอนโซ่,อัลเบิร์ต ริเอร่า(เบนายูน น.68),เดิร์ก เคาท์,เฟอร์นานโด ตอร์เรส,ร็อบบี้ คีน(ไลว่า น.75)
พีเอสวี : อันเดรียส อีซัคส์สัน,เจเรมี่ เบรเชต์(พีเตอร์ส),เดิร์ก มาร์เซลล์ส,แยน ครอมแครมพ์,คาร์ลอส ซัลซิโด้,เจสัน คูลิน่า,สติน วูย์เตนส์(โคเวอร์มันส์ น.60),เอดิสัน เมนเดส(ซูดส์ซัค น.76),ทิมมี่ ซิมอนส์,ออตมัน บัค คัล,นอร์ดิน อัมราบัต
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: lentee
กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
กระทู้ล่าสุด
รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
