คนจะไปก็ต้องไป! หงส์สิ้นท่าโดนตีเจ๊าน.90

 
ราฟาเอล เบนิเตซกุนซือไร้เงาหัวใกล้ถึงฆาตเต็มทนหลังกำลังเห็นหงส์แดงลิเวอร์พูลคว้า 3 แต้มกลับบ้านอยู่มะรอมมะร่อแต่เจอโรเบิร์ต ฮูธตีเสมอในนาทีสุดท้ายฝันเปียกกลางคันทำให้ยังรั้งอันดับ 7 โควต้าแชมเปี้ยนส์ลีกห่างไกลเข้าไปทุกที

พรีเมียร์ลีก

วันเสาร์ที่ 16 มกราคม 2553


สโต๊ค 1-1 ลิเวอร์พูล

ประตู : 0-1 คีย์เกียกอส น.57,1-1 ฮูธ น.90


หงส์หลังเพียบ ตัวรับบาน
ราฟาเอล เบนิเตซไม่เอาอะไรแล้วนอกจากแต้มเดียวในการเยือนสโต๊คเพราะเสียเฟร์นานโด ตอร์เรส,สตีเฟ่น เจอร์ราร์ดและยอสซี่ เบนายูนแถมไม่ใส่ชื่อไรอัน บาเบิ้ลอีก

เกมนี้เลยอัดเซนเตอร์ 3 ตัววิงแบ็ค 2 แล้วมีมิดฟิลด์ตัวรับอีก 2 และมีแบ็คที่มาเล่นมิดฟิลด์อย่างฟาบิโอ ออเรลิโอทำให้มีแข้งที่มีหน้าที่เกมรับถึง 8 และหากรวมกับเดิร์ก เคาท์ที่ขยันวิ่งไล่แล้วจะมีแค่ดาวิด เอ็นก็อกตัวสร้างสรรค์เพียงคนเดียวเท่านั้น!!

ครึ่งแรก

ซ้อมเกมรับแล้วหงส์
เกมช่วงต้นเป็นไปตามคาดที่สโต๊คเป็นฝ่ายลบุยใส่แบบไม่มีเกรงกลัวเพราะหงส์แดง ณ เวลานี้เหลือแค่ชื่อและเล่นมาจะ 10 นาทีแล้วยังบุกไปไม่ถึงหน้าประตูฝั่งเจ้าถิ่นเลย

หม้อเน้นลูกทุ่มไกล
นาทีที่ 10 ลิเวอร์พูลเกือบงานเข้าหลังลูกทุ่มไกลของดีแลปเข้ามาเในเขตโทษแล้วนัวเนียเป็นชอว์ครอสส์เบียดคีย์เกียกอสไปชนเรน่าล้มยังดีที่บอลออกหลังไปก่อน

ออเรลิโอได้ยิง
อีก 4 นาทีต่อมาเดเก้นเปิดบอลเลยมาเสาสองให้ออเรลิโอวอลเลย์ยิงมุมแคบตรงริมกรอบโทษบอลแฉลบกองหลังก่อนที่โซเรนเซ่นจะล้มตัวตระครุบติดหนึบ เป็นโอกาสบุกครั้งแรกของทีมเยือนซักที

ลูคัสเต็มที่เพื่อพ่อ
ผ่านมาจะ 20 นาทีวันนี้สังเกตได้ว่าลูคัสวูบวาบกว่าที่เป็นและพยายามยิงไกลกู้หน้าพ่อ 2 หนติดแล้วแต่ยังบุญไม่ถึงติดบล็อกทั้งสองลูก

แฟนช็อกดีแลปเจ็บ
แฟนสโต๊คเซ็งกันเป็นแถวหลังนาที 24 ดีแลปเล่นต่อไม่ไหวหลังเจ็บน่องต้องส่งเลียม ลอว์เรนซ์ลงมาแทน

ลูคัสเจอสอยกรรมการให้ใบเหลือง
อีก 2 นาทีต่อมาราฟาสะดุ้งลุกขึ้นยืนโวยวายหลังลูคัสเล่นชิ่ง 1-2 กับเดเก้นที่ไขว้ส่งจนหลุดเข้าในเขตโทษตรงริมกรอบโทษแต่ฮิกกิ้นบอทแธมสไลด์ทั้งตัวจนคว่ำแต่กรรมการลี เมสันให้ใบเหลืองข้อหาพุ่งล้ม จังหวะนี้ฟาว์ลนะฟาว์ลแน่เพราะบอลแตะไปแล้วแต่ที่น่าสนใจคือลูคัสทิ้งตัวรอให้เสียบเร็วไปนิดเลยถูกมองว่าเจตนาไม่ดี

หงส์ดีขึ้นแต่ยังไร้ทีเด็ด
เกมของหงส์แดงดูดีขึ้นได้ครองบอลและทำชิ่งมากขึ้นเรื่อยๆแต่การเข้าทำยังก๋องแก๋งแป๊บเดียวก็เสียบอลกลับให้สโต๊คทำให้ยังไม่มีอะไรน่ากลัวและจบครึ่งแรกชนิดน่าเบื่อไม่มีอะไรตื่นเต้นเลย

ครึ่งหลัง

หงส์เสียววาบ
เล่นมา 6 นาทีสโต๊คได้โอกาสอีกจากจังหวะฟรีคิกของลอว์เรนซ์บอลแฉลบกำแพงเฉี่ยวเสาออกไปนิดเดียว

คีย์เกียกอสเปิดซิง 1-0
แต่แล้วนาที 57 หงส์แดงขึ้นนำหน้าตาเฉยจากจังหวะฟรีคิกตรงปีกซ้ายของออเรลิโอที่ปั่นไซด์เข้ามาที่จุดนัดพบ 6 หลาแต่โซเรนเซ่นล้มตัวรับเหมือนจะติดมือแต่เจอฝูงผู้เล่นกรูกันเข้ามาสะกิดจนบอลหลุดก่อนที่คีย์เกียกอสจะแหย่เผาขนเข้าไป ให้ทีมเยือนนำ 1-0 และเป็นลูกแรกของแข้งทีมชาติกรีซอีกด้วย

ตุนกายชวดตีเจ๊า
แต่อีก 4 นาทีต่อมาช่างปั้นหม้อเกือบตีเสมอทันควันจากลูกทุ่มเป็นชอว์ครอสส์โขกเช็ดที่แสาแรกบอลย้อยไปเสาสองเป็นตุนกายโถมมาโขกบอลข้ามคานออกไปอย่างน่าเสียดาย

หม้อได้เสียวอีก
ก่อนหมดเวลา 15 นาทีเจ้าถิ่นน่าจะตีเสมอได้อย่างที่สุดหลังลูกเตะมุมของเอเธอริงตันปั่นมาที่ริมระยะ 6 หลาเป็นฟูลเลอร์ตัวสำรองเทคก่อนเอ็นก็อกโขกเช็ดแต่ยังดีมาตรงตัวเรน่าที่รับเข้ามือท่ามกลางความหวาดเสียวของเดอะค็อปที่เชียร์ด้วยเจตนาดีในวันนี้

มักซี่มาแว้ว
นาที 78 ราฟาตัดสินใจสั่งมักซี่ โรดริเกซลงเล่นแทนเดเก้นเป็นนัดแรกของแข้งอาร์เจนติน่าพร้อมเสียงปรบมือจากกองเชียร์ทีมเยือน

หงส์รับเต็มตัว
ตอนนี้หงส์แดงปั่นป่วนต้องรับมือกับลูกบอมบ์ของแข้งสโต๊คที่บ้าคลั่งจะเอาประตูตีเสมอให้ได้โดยเรน่าต้องตื่นตัวอออกมาชกออมาตัดจนถุงมือเริ่มเปื่อยแล้ว ส่วนคีย์เกียกอสเองก็ใช่ย่อยลูกกลางอากาศโขกแย่งช่วยทีมได้เยอะมาก

หงส์งานงอกเจอตีเจ๊านาที 90
นาทีสุดท้ายอีกแล้วสำหรับลิเวอร์พูลหลังอั้นมานานนาทีสุดท้ายสโต๊คมาตีเสมอจนได้จากลูกเตะมุมที่ไวท์เฮดโผยโขกตั้งเข้ามาที่จุดนัดพบฟูลเลอร์จะโขกแต่ก็ไม่ถึงบอลเลยไปที่เสาสองเป็นฮูธซ้ำเผาขนตีเสมอเข้าไปเลย 1-1 แล้ว

ช็อก!เคาท์โขกชนเสานาที 95
แต่ทดเจ็บนาทีสุดท้ายราฟาดวงไม่มีหลังออเรลิโอเปิดบอลจากปีกซ้ายเป็นเคาท์พุ่งมาโขกบอลตกพื้นกระเด้งชนเสาจากระยะ 8 หลาทำให้ชวดเป็นผู้ชนะทำได้แค่เสมออย่างน่าเสียดาย

รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม

สโต๊ค :
โธมัส โซเรนเซ่น,โรเบิร์ต ฮูธ,อับดุลลาเย่ ฟาย(วิลกินสัน น.26),ไรอัน ชอว์ครอสส์,แดนนี่ ฮิกกินบอทแธม,รอรี่ ดีแลป(ลอว์เรนซ์ น.24),ดีน ไวท์เฮด,ซาลิฟ ดิเยา ,แมทธิว เอเธอริงตัน,มามาดี้ ซิเดบี้(ฟูลเลอร์ น.66),ตุนกาย ซานลี่

ลิเวอร์พูล : โฆเซ๋ เรน่า ,เจมี่ คาร์ราเกอร์,โซติริออส คีย์เกียกอส,มาร์ติน สเคอร์เทล,เอมิเลียโน่ อินซัว,ฟิลิปป์ เดเก้น(มักซี่ น.78),ลูคัส เลว่า ,ฮาเวียร์ มาสเคราโน่,ฟาบิโอ ออเรลิโอ,เดิร์ก เคาท์,เดวิด เอ็นก็อก(อาควิลานี่ น.87)















 

ขอบคุณข่าวจาก www.lentee.com

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์