ข้อเท็จจริง 5 ปีชี้ว่าราฟาคือคนที่ใช่ของหงส์ Part I

ที่มา: TomkinsTimes
บทความ: Paul Tomkins
แปล: Amanda_Kop hongmarnz.com

src=http://tomkinstimes.com/wp-content/uploads/2010/02/ebooks1.jpg

ตอนนี้ก็เข้าสู่ช่วงเวลาที่สัญลักษณ์ แห่งความ “ล้มเหลว” ชี้มาที่เอลบอส Rafa Benitez ผู้จัดการทีมที่เพิ่งจะก้าวย่างสู่วัย 50 ปีในสัปดาห์นี้ (ว่ากันตามจริงแล้วยังถือว่าเด็กสำหรับผู้จัดการทีมนะนั่น) และแม้ว่าสโมสร Liverpool กำลังจะจบฤดูกาลด้วยการคว้าน้ำเหลวยังห่างไกลจากถ้วยแชมป์ใดๆ ผมเองก็เคยพูดมาเป็นชาติแล้วว่าผู้จัดการทีมอย่าง Benítez ไม่เคยได้รับการตัดสินผลงานอย่างยุติธรรมเลย ไม่ว่าจะเป็นจากบรรดาแฟนบอลบางจำพวก หรือบรรดากูรูนักข่าวสมองกลวงที่มุ่งเน้นแค่การโจมตีเอลบอลเอาสะใจเท่านั้น เอง นี่ยังไม่รวมเกรียนเทศเกรียนไทยด้วยนะ เอิ๊กๆ เรื่องของเรื่องที่ผมอยากจะบอกก็คือ ผมใช้เวลาหลายปีดีดักเพื่อหาความกระจ่างในประเด็นที่มีการโจมตีเอลบอส และนี่มันถึงเวลาแล้วที่ผมจะได้นำประเด็นต่างๆ มาเรียงร้อยเข้าด้วยกันมาสรุปให้สั้น รวมถึงการลิงค์ไปยังการวิเคราะห์ที่มีรายละเอียดมากยิ่งขึ้นจะได้เลิกงมงาย ด่าคนอื่นโดยไม่มีการอ้างข้อเท็จจริงกันซะที เอ้าเริ่มกันเลยดีกว่า

บริบทการคุมทีม

ก่อนหน้าที่เอลบอสจะมาคุมทีม ภายหลังจากเปลี่ยนแปลงสปอนเซอร์หน้าอกเสื้อในปี 1992 Liverpool เคยผ่านเข้าไปเล่นในรายการ Champions League แค่เพียง 2 ครั้งเท่านั้น และครั้งที่ 3 เป็นช่วงเวลาสมัยที่ Gérard Houllier คุมทีมเป็นฤดูกาลสุดท้ายและได้โควตาในเกมส์สุดท้ายด้วย นั่นเป็นฤดูกาล 2003/04 ที่ทีม Chelsea เพิ่งติดเครื่องเดินหน้า (Ranieri เข้ามาทำทีม และเงินประมาณ 100 ล้านปอนด์ถูกใช้โดยผู้จัดการทีมคนใหม่อย่าง Mourinho) ซึ่งเป็นช่วงเวลาเนิ่นนานแล้วก่อนที่ทีม City จะหว่านเงินซื้อนักเตะมารวมกันมูลค่าสูงถึง 250 ล้านปอนด์อย่างนี้ แต่ทีมที่แข็งแกร่งอย่างแท้จริงคือทีม Chelsea โฉมใหม่นี่แหละ พวกเขาทิ้งห่างทีมคนจนอย่าง Liverpool ออกไป แม้กระทั่งทีมที่แข็งแกร่งไร้พ่ายอย่าง Arsenal ก็ถูกทิ้งไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน ในตอนนั้นโควตา Champions League เพิ่มจาก 3 เป็น 4 ทีม แต่หนึ่งที่ในนั้นถูกตรีตราจองโดยทีมเศรษฐีใหม่อย่าง Chelsea เรียบร้อย

นั่นเป็นช่วงเวลาก่อนที่ David Moores จะค้นพบว่าสิ่งที่กำลังดำเนินอยู่มันแพงเกินไปแล้ว และก่อนที่เขาจะขายทีมเพื่อระดมเงินทุนเข้ามานั้นเพียงเพื่อหวังได้เห็นทีม Liverpool ที่ไม่ได้ไม่เสียในตลาดซื้อขายนักเตะเท่านั้น โดยผลงานส่วนตัวแล้วที่ผ่านมา Benítez พาทีมผ่านเข้าไปเล่นในรายการ Champions League มา 5 ครั้งติดต่อกัน และในครั้งแรกก็คว้าแชมป์มาครองได้เลย และสิ่งที่แหละมันเป็นดาบสองคมที่กูรูบางคนตั้งไว้เป็นมาตรฐานของเอลบอส แม้จริงๆ แล้ว พับผ่าเถอะสิ่งนี้มันไม่เคยเกิดขึ้นเลยตลอดช่วง 20 ปีที่ผ่านมา กูรูเหล่านั้นพยายามมองข้ามความก้าวหน้าอันนี้ ติต่างกันเอาเองว่าเวทียุโรปคือประเด็นสำคัญเรื่องหลักของเอลบอส และใน 2 จาก 5 ฤดูกาลแรกของเขาแสดงให้เห็นว่าทีมหงส์แดงนั้นมีฟอร์มการเล่นในลีกอังกฤษ เหนือกว่าฟอร์มการเล่นในถ้วยยุโรปด้วยซ้ำไป

ครั้งแล้วครั้งเล่าที่เอลบอสพาทีม Liverpool เข้าสู่รอบแบ่งกลุ่ม Champions League แต่เหล่ากูรูและเกรียนเทศ เกรียนไทยก็ยังหาเหตุผลมาด่าได้อยู่ดีว่า “ไหนล่ะถ้วยแชมป์” นี่รวมถึงฤดูกาลที่ทีมหงส์แดงทำแต้มรวมได้สูงสุดแบบไม่เคยมีรองแชมป์ปีไหนทำ แต้มได้เทียบเคียง (86 แต้ม ที่ดูเหมือนการทำสถิติโลกวิ่ง 100 เมตรเมื่อปีที่ผ่านมาที่ดูยังไงมันก็เป็นสัญลักษณ์ของนักกีฬาที่ยิ่งใหญ่ – นับเป็นความสำเร็จอย่างสุดยอด – แต่ผู้คนก็ยังพูดกันอยู่ได้ว่า “แล้วไง?”) สุดท้ายแล้วในฤดูกาลนี้ทีม Liverpool ก็ยังมีโอกาสคว้าถ้วยแชมป์มาครองได้ในช่วงสัปดาห์ท้ายๆ ของฤดูกาลนี้ แต่หากเป็นอย่างนั้นจริง ผู้คนก็ยังพูดกันได้อีกอยู่ดี “แล้วไหนล่ะอันดับทอปโฟว์” ตรงลงมรึงจะเอายังไงครับ ไหนบอกจะเอาถ้วยแชมป์ไง?

เรื่องของเรื่องมันก็คือในตอนที่ทีม Liverpool คว้าแชมป์ได้ คนมันก็พูดกันถึงการแข่งขันถ้วยใหญ่สุดของยุโรป ในตอนที่ทีม Liverpool ไม่มีแชมป์ติดมือ แม่งก็พูดกันถึงเรื่องการคว้าแชมป์ และในตอนที่ทีม Liverpool ก้าวมาถึงนัดชิงฯ Champions League มันก็ยังแถไปได้อีกว่า “เออ...แล้วไง เพราะแชมป์ลีคสำคัญที่สุด” นอกจากนี้ ยังมีการวิจารณ์กันด้วยว่า “แน่นอนล่ะในประเด็นที่ว่า เจ้าของทีมมันจังไร แต่ Benitez ก็ต้องเป็นผู้รับผิดชอบผลงานของทีมในฤดูกาลนี้อยู่ดี” ผมว่านะคนมันก็ต้องพูดอย่างเดียวกัน หากว่าเจ้าของทีมขายนักเตะแมร่งทุกคนแล้วซื้อนักเตะทีมสำรองของ Yeovil Town เข้ามาแทนว่ามั้ย? ผู้จัดการทีมอย่าง Terry Venables เคยโดนตำหนิหรือไม่ในตอนที่ทีม Leeds ต้องตกชั้นหลังจากต้องขายนักเตะทั้งหมดออกจากทีมไป Avram Grant ของทีม Portsmouth ก็ตกชั้นแบบใจไม่ค่อยสู้ใน Premiership? (นี่เป็นแค่ตัวอย่างเปรียบเทียบที่มันสุดๆ จริงๆ – จริงอยู่ทีม Liverpool ไม่ได้เป็นสโมสรจอมขาย แต่อย่าลืมว่าทีม Liverpool ก็ไม่ใช่ทีมจอมซื้อเช่นกัน)

ขอร้องล่ะ คุณควรจะตัดสินผู้จัดการทีมสักคนให้มันยุติธรรมว่าเขาอยู่ในสถานการณ์ที่มัน เข้าที่เข้าทางในการทำงานหรือไม่ เหมือนอย่างที่ผู้จัดการทีมคนไหนๆ เขาได้รับกัน? คุณจะตัดสินนักแข่งรถ Formula One ในสภาพที่เขาขับรถยางแบนและมีพวงมาลัยไม่สมประกอบเป๋ไปเป๋มาอย่างนั้นเหรอ? ก็เหมือนกันงานของนักขับรถมันก็แค่ทำให้ล้อทั้ง 4 ล้อมันอยู่ในสนามก็แค่นั้น แล้วจริงๆ มันคิดอย่างนั้นได้มั๊ยล่ะ Jose Mourinho ทำผลงานสุดยอดกับทีม Chelsea ต่อเนื่องจนกระทั่งเขามีปัญหากับ Abramovich และโดนปลดในที่สุดหลังจากออกสตาร์ทฤดูกาล 2007/08 ไม่ดีนัก แต่ตอนนี้ทุกคนกลับพูดกันว่าเขาต้องพาทีม Liverpool คว้าแชมป์ลีคได้แน่นอน แม้ว่าจะมีเจ้าของที่แม่งไม่เคยช่วยอะไรเลยอย่างนี้ก็เถอะ โอ้...พวกคุณมองข้ามความล้มเหลวของเขาในตอนที่อยู่กับ Chelsea ไปหรือเปล่า และคุณก็คงรู้ทุกอย่างในเรื่องความเจ้าเล่ห์หลอกลวงของเขาเช่นกัน

ณ ตอนนี้ Rafa ถูกวิพากษ์วิจารณ์หากเขาทำอะไรลงไป และหากเขาไม่ทำอะไรก็จะถูกวิจารณ์เช่นกัน คนอย่าง Henry Winter ชอบกล่าวว่าเอลบอสโทษคนอื่นทุกคนยกเว้นตัวเอง แต่ไม่เคยด่าคนอย่าง Alex Ferguson ในตอนที่โวยการตัดสินของกรรมการ ปล่อยคนอย่าง Arsene Wenger ลอยนวลหากนักเตะทีมปืนใหญ่ทำอะไรที่ผิดพลาด ในฤดูกาลนี้ David Moyes ก็เคยโทษปัญหาอาการบาดเจ็บของนักเตะในทีม แต่กับคนอาภัพอย่าง Rafa กลับถูกด่าว่าหยุดบ่นหยุดแก้ตัวซะทีและทำทีมที่มันมีอยู่ให้มันดี มันจะยุติธรรมยังไงล่ะนั่น วิจารณ์กันอย่างนี้ และก็เป็นคนจำพวกที่ชอบกัด Rafa เรื่องการออกมาการันตีตำแหน่งทอปโฟว์ที่ออกมาตำหนิเขาแค่ไม่กี่วันหลังจาก นั้นที่เอลบอสไม่ยอมการันตีว่าทีมของเขานั้นต้องเอาชนะ Portsmouth ได้อย่างแน่นอน ตกลงคนพวกนี้จะเอายังไง หากเอลบอสมองโลกในแง่บวกและมีความมั่นใจ พยายามสร้างความมั่นใจให้กับนักเตะในทีม กลับกลายเป็นว่าเขา “ยะโสโอหัง” แต่หากเขาระมัดระวังกลับกลายเป็นว่า “มองอะไรในแง่ลบ” ผมล่ะงงกับคนพวกนี้จริงๆ

ความเชื่อมั่น

ผมขอบอกแบบเคลียร์ๆ ก่อนนะว่าผมไม่ได้ยึดมั่นกับผู้จัดการทีมคนนี้แบบงมงาย เพราะผมเคยโดนด่ามาแล้วในการออกมาปกป้องเขา ผู้คนมุ่งโจมตีผมเป็นการส่วนตัวในตอนที่ทีมทำแต้มหล่นหายไป ซึ่งมันหมายความว่าผมรู้สึกถึงความรับผิดชอบที่มันเพิ่มมากขึ้น บางทีมันอาจงานขึ้นเยอะสำหรับผมนะ หากว่าเรามีผู้จัดการทีมคนใหม่เข้ามา แต่ผมคนหนึ่งล่ะที่คิดว่าสิ่งนั้นมันจะเป็นสิ่งที่ถูกต้องสำหรับ Liverpool Football Club และนั่นแหล่ะคือจุดยืนที่ผมยังมีความเชื่อมั่นในตัวเอลบอส ใช่แน่นอนว่าผมชอบและยอมรับนับถือคนอย่าง Rafa ทั้งในฐานะชายคนหนึ่งและผู้จัดการทีม แต่มันมีอะไรที่มากกว่านั้น และทางออกมันไม่เคยง่ายเลย สิ่งหนึ่งที่ผมโคตรจะเกลียดเลยคือการพูดว่า “In Rafa [หรือผู้จัดการทีมคนอื่นก็เหมือนกัน] We Trust” เพราะว่ามันสื่อให้เห็นถึงการเชื่อและสนับสนุนแบบงมงาย แทนที่จะเป็นความเชื่อที่เกิดจากการทำวิจัย การเปรียบเทียบ และการชี้วัดจากความเป็นจริง ความเชื่อมั่นในผู้จัดการทีมระดับโลก ที่แม้ทุกอย่างไม่เป็นใจให้กับเขาเลย เหตุผลของผมน่ะหรือครับ? มันมีเยอะเลยล่ะ และมันมีหลักฐานหนุนหลังอยู่ซะด้วย งานนี้กูรู เกรียนไทยเกรียนเทศมีผงะแน่นอน

ทีมของเอลบอส

มันจริงอยู่แล้วในเรื่องที่ว่าผู้จัดการทีมคนใหม่สามารถเพิ่มสิ่งใหม่ๆ เข้าสู่ทีมได้ และมันก็จริงอีกนั่นแหละที่ว่าผู้จัดการทีมคนนั้นต้องการเงินในการใช้สอย แต่ปัญหาก็คือในตอนที่ผู้จัดการทีมคนใหม่กระสันที่จะสร้างทีม ทีมอื่นๆ ก็รู้เช่นกันว่า หากเขาต้องการปรับปรุงทีม เขาคงไม่อาจคาดหวังค่าตัวนักเตะที่มันสมราคาจริงๆ หรอก นี่คือภาพลักษณ์ของขุมกำลังในทีมของ Benítez ที่จะต้องทำบางสิ่งบางอย่างที่พิเศษ แม้ว่าจริงๆ แล้วเขาไม่เคยได้สร้างทีมได้อย่างที่เขาตั้งใจเลย ที่ผ่านมาเขาต้องนำนักเตะที่เหมาะสมกับทีมเข้ามา และทำให้นักเตะเหล่านั้นเข้าในแนวทางการทำทีมของเขาเอง ซึ่งมันก็เหมือนกันกรณีของ Arsene Wenger ที่ Arsenal เมื่อปีที่แล้วทั้งหมดที่พวกเราได้ยินมาก็คือ Wenger ยึดมั่นในแนวทางของตัวเองเกินไป และมันน่าจะถึงเวลาแล้วที่จะทิ้งไอเดียการทำทีมที่เล่นสวยงามไปและหันมาเล่น แบบดุดันเน้นผลการแข่งขันหน่อย ซึ่งหลังจากนั้นมันมีการเปลี่ยนแปลงแค่เพียงนิดหน่อยแค่นั้นเองที่ The Emirates ในเรื่องของตัวนักเตะ แต่ด้วยผลจากการบักเบรกในช่วงซัมเมอร์มันหมายถึงการที่พวกเขาสามารถเริ่มต้น ใหม่ได้อีกครั้งโดยปราศจากข้อผิดพลาด ในฤดูกาลนี้ไม่เหมือนฤดูกาลที่ผ่านมา พวกเขาไม่อาจสลัดการออกสตาร์ทที่ย่ำแย่ไปได้ และมันก็ยิ่งเพิ่มความกดดัน

จริงๆ แล้วทีม Arsenal ในฤดูกาลที่ผ่านมาเหมือกับทีม Liverpool ในตอนนี้ และทีม Arsenal ในตอนนี้ก็เหมือนกับทีม Liverpool เมื่อฤดูกาลที่แล้ว (แต่ Liverpool ในฤดูกาลที่แล้วดีกว่าทีม Arsenal ในตอนนี้นิดหน่อย เพราะพวกเขาคงเก็บได้ไม่ถึง 86 แต้ม และ Arsenal ในฤดูกาลที่ผ่านมาก็ดูเหมือนจะดีกว่าทีมหงส์แดงในตอนนี้ ซึ่ง Liverpool ไม่น่าจะจบด้วยอันดับ 4) แม้มันเป็นทีมของ Benítez เขากลับได้รับเครดิตน้อยมากในการนำนักเตะอย่าง Torres เข้ามาสู่ทีม ต่อให้เป็นสโมสรอื่นก็คงไม่มั่นใจนักที่จะจ่ายเงินมหาศาลที่ไม่เคยยิงได้ เกิน 13 ประตูต่อฤดูกาลจากการเล่น Open Play เข้ามาสู่ทีม แต่ดาวยิงทีมชาติสเปนถูกดึงตัวเข้ามาสู่ทีมเพราะ Rafa และ Torres ก็พัฒนาขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ยิง 33 ประตูในฤดูกาลแรก และแม้แต่ในฤดูกาลนี้ที่หายหน้าหายตาไปเกือบครึ่งฤดูกาลก็ยิงไปแล้ว 22 ประตู และที่สำคัญไม่เคยยิงจุดโทษเลยแม้แต่ลูกเดียวในช่วงเวลาที่อยู่กับทีม Liverpool (นี่เป็นส่วนหนึ่งตามหน้าสื่อว่า Benítez ไม่ได้เรื่องเลยในการซื้อขายนักเตะ เน้นย้ำอีกครั้งในกรณีของ Javier Mascherano ที่ตอนนี้ถูกมองว่าเป็นประเด็นปัญหากำลังตัดสินใจเรื่องสัญญาอยู่ ในตอนที่ดาวเตะรายนี้อยู่กับทีม West Ham นั้นเขาเล่นเพียงแค่ทีมสำรองเท่านั้นเอง และดูเหมือนว่าจะไม่เหมาะกับสไตล์ฟุตบอลอังกฤษด้วย เช่นเดียวกับกรณีของ Pepe Reina ที่ไม่ค่อยมีใครชมว่าเป็นการซื้อที่ยอดเยี่ยมของ Benítez อย่างที่ควรจะเป็น)

ณ เวลานี้สิ่งที่พวกเราได้ยินได้ฟังกันก็คือ Torres อาจย้ายทีมหรือทีม Liverpool หวังพึ่งพาเขามากมายเกินไป โอเคมาดูกันทีมไหนพึ่งพานักเตะคนเดียวมากกว่ากัน อ้างอิงจาก Opta ชี้ว่า “Arsenal จะมีประตูเฉลี่ยต่อเกมส์ 3.3 ประตูในช่วง 11 เกมส์ที่มี Robin van Persie ลงเล่น และในช่วงที่ Robin van Persie ทีมปืนใหญ่ยิงได้เพียง 1.8 ประตูต่อเกมส์” อีกหนึ่งตัวอย่าง เห็นได้ชัดว่าทีม United ไปไม่เป็นเหมือนกันในช่วงสัปดาห์หลังๆ หากไม่มีดาวยิงอย่าง Wayne Rooney และนั่นคือปัญหาเวลาไม่มีนักเตะที่มีพรสวรรค์เหล่านั้น ก็เพราะพวกเขามีพรสวรรค์นี่แหละ มันจึงยากที่จะหาคนทดแทนได้ บางที Benítez ควรซื้อกองหน้าค่าตัว 10 ล้านปอนด์เข้ามาสัก 2 คนแทนที่จะเป็นกองหน้าค่าตัว 20 ล้านปอนด์หนึ่งคน หากทำอย่างนั้นทีมก็จะแกร่งขึ้นในเรื่องของกำลังสำรอง แต่จะไม่มีทางเดินหน้าได้เต็มศักยภาพในตอนที่มีกองหน้าตัวหลักอยู่ในทีมเลย จะเลือกเอาอย่างไหนล่ะ

ทีมเยาวชน/ทีมสำรอง

แน่นอนส่วนนี้มิอาจมองข้ามได้หรือประเมินค่าต่ำเกินไปก็ไม่ได้เหมือนกัน ด้วยเงินที่มีให้ใช้น้อยกว่าทีมคู่แข่ง มันสำคัญอย่างยิ่งที่ทีม Liverpool ต้องเดินตามแผนเหมือนทีม Arsenal ที่มีระบบทีมเยาวชนที่แข็งแกร่ง (แม้ว่าทีม Arsenal ในรอบ 5 ปีที่ผ่านมาไม่ได้มีสถิติที่ดีกว่าทีม Liverpool เลย ซึ่งจริงๆ แล้วเหมือนกันเลยด้วยซ้ำที่ทีมของพวกเขามีอันดับขึ้นๆ ลงๆ ในลีคและในยุโรปก็เช่นกัน) สิ่งหนึ่งที่ลอกเลียนแบบมากจากทีมปืนโตแต่ทำไม่ได้ก็คือ ทีม Liverpool ไม่อาจสร้างสนามแห่งใหม่ได้ซะทีเพื่อให้สามารถทำเงินเข้าสู่สโมสรให้ได้มาก ขึ้นเป็นสองเท่า แม้การสร้างสนามใหม่ Emirates ของ Arsenal จะเป็นการเพิ่มหนี้ แต่มันก็มีข้อดีเยอะเช่น ไม่จำเป็นต้องหาสนามหรือปรับปรุงสนามใหม่หลายสิบปี และรายได้จากค่าตั๋วที่เพิ่มมากขึ้นมหาศาล

เช่นเดียวกัน การยกเครื่องระบบเยาวชนใหม่มันต้องใช้เวลา และ Benítez ในอดีตนั้นมีอำนาจในเรื่องนี้อย่างจำกัดเหลือเกินในตอนที่มาคุมทีมใหม่ๆ เมื่อปี 2004 แต่ก็หายใจหายคอได้มากขึ้นหน่อยในตอนที่ Steve Heighway จากไปเมื่อปี 2007 (แม้ว่า Rick Parry จะแต่งตั้ง Piet Hamburg และ Malcolm Elias มาดูแลก็ตาม) แต่จนกว่าเอลบอสจะมีอำนาจแบบเบ็ดเสร็จในระบบเยาวชนของสโมสรก็จนกระทั่งช่วง ซัมเมอร์ปี 2009 ดังนั้น มันคงมีแต่เรื่องในฝันเท่านั้นแหละที่คาดกันว่าทีมเยาวชนจะผลิดอกออกผลภายใน ระยะเวลาแค่ 9 เดือน นับตั้งแต่ที่ Rololfo Borrell ก้าวเข้ามาดูแลก็เป็นระยะเวลาไม่ถึงปีด้วยซ้ำ และคนๆ นี้คือคนที่ค้นพบ Fabregas รวมถึงเคยทำทีมที่มี Messi และ Pique รวมอยู่ด้วย ซึ่ง Benítez นำ Borrell เข้ามาเพื่อสะท้อนแนวคิดของเขาในการพัฒนาผู้เล่นเยาวชน (ย้อนหลังไปในตอนที่เขาทำระบบเยาวชนของ Real Madrid จนประสบความสำเร็จ) สโมสรแห่งนี้กำลังจะก้าวไปเพื่อค้นหาดาวรุ่งอายุ 15 ปี เหมือนที่ทีม Arsenal เคยทำมาเป็นสิบปีแล้ว และทีม United ก็ทำอย่างเดียวกันอย่างจริงจังมาเป็น 20 ปีแล้ว (ในตอนนั้นที่ David Beckham ยังไม่เข้าตา แต่พวกเขาก็เซนต์สัญญาผูกมัด Beckham เอาไว้)

ในตอนนี้ ความพยายามสร้างระบบเยาวชนได้เริ่มผลิดอกออกผลบ้างแล้ว ตรวจสอบได้จากทีมชาติอังกฤษชุดยู 17 ปี ในแผงหลัง 4 คนมีกองหลังวัยเด็กของทีม Liverpool อยู่ถึง 3 คนทีเดียว อย่างไรก็ตาม มีนักเตะพรสวรรค์จำนวนมากที่ไม่อาจพัฒนาขึ้นไปได้ ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติ เพราะเด็กบางคนอาจไม่สามารถพัฒนาด้านสภาพร่างกายหรือจิตใจ และบางครั้งอาจบาดเจ็บ (ดูอย่างกรณีของ Francisco Duran ที่กลับมาหลังจากบาดเจ็บเข่าเป็นครั้งที่ 3 ในรอบ 2 ปีครึ่ง) แต่หากคุณมีนักเตะเยาวชนระดับทอปมากเท่าใด มันจะมีโอกาสที่จะมีหนึ่ง สอง หรือแม้แต่สามหรือสี่คนที่จะก้าวขึ้นมาได้ก็มากตามไปด้วย

จุดแห่งความแตกต่าง

หากว่าคุณมีเงินน้อยกว่า คุณต้องการจุดที่มีความแตกต่างเพื่อทำให้คุณไม่เหมือนใคร ในกรณีของ Benítez แล้วมันคือความเป็นเต้ยทางด้านเทคติคของเขา แต่มันมีอะไรมากกว่านั้น การแต่งตั้งนักวิทยาศาสตร์การกีฬาที่ดีที่สุดในโลกเข้ามาทำงานคือก้าวย่าง ที่ถูกต้อง ในช่วงที่การลงทุนนักเตะและค่าเหนื่อยของ Liverpool ต้องผูกติดกับนักเตะคีย์แมนอย่าง Torres และ Gerrard มันต้องสำคัญอยู่แล้วที่ต้องให้พวกเขาลงเล่นมากที่สุดเท่าที่มนุษย์จะทำได้ (โดยปราศจากการทำให้พวกเขาเครื่องน็อคไปนะ) หากคุณมีเงินน้อยในการซื้อนักเตะเสริมทีม มันสำคัญอย่างยิ่งที่ต้องทำให้ทีมชุดแกร่งทั้ง 11 คนของคุณพร้อมลงสนามให้มากที่สุด และมีการปรับเปลี่ยนตามแผนของผู้จัดการทีม ไม่ใช่ปรับเปลี่ยนเพราะปัญหาบาดเจ็บซึ่งถูกบังคับให้ต้องทำการเปลี่ยนแปลง และถ้าคุณมีนักเตะที่เจ็บเป็นนิจอย่าง Torres, Aurelio, Aquilani และ Agger การได้ใครสักคนที่ทำให้การหายไปจากทีมของนักเตะเหล่านี้น้อยลงมันมีค่ามาก มายกว่าการซื้อนักเตะใหม่ค่าตัว 50 ล้านปอนด์ด้วยซ้ำ (แต่นักเตะใหม่เราก็ต้องการอยู่เหมือนกัน) ซึ่งก็เหมือนกับที่ได้กล่าวไปแล้ว ผู้จัดการทีมที่มีงบประมาณจำกัด จำเป็นต้องนำนักเตะอายุน้อยที่ดีที่สุดเข้ามาสู่ทีมก่อนที่พวกเขาเหล่านั้น จะโด่งดังเป็นที่รู้จักกันทั่วโลกแล้วมีค่าตัว 35 ล้านปอนด์ แต่ว่าหากเป็นอย่างนี้แล้วแฟนบอลบางคนต้องเข้าใจและต้องอดทนบ้าง เพราะมันมีบางพวกเรียกร้องให้ดึงนักเตะที่ทำผลงานได้ดีในทีมสำรองขึ้นมาเล่น ชุดใหญ่ และก็กาชื่อพวกเขาทิ้งหลังจากที่เขามีเกมส์แรกที่แย่และก่อความผิดพลาดขึ้น อย่าเป็นแฟนบอลประเภทอย่างนั้นเลย


เดี๋ยว Part II กำลังตามมาอีกสักพักนะครับ


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์