การไล่เหยียบเงา ของ ลิเวอร์พูล ของ พลพรรคผีเน่า




ผมเพิ่งจะทราบ จากบทความฟุตบอลแหล่งหนึ่ง ว่า ป๋าแพนด้า ตาคล้ำแห่ง โรงละครตลก แก่แทรฟฟอร์ด มีม้า ตัวหนึ่งที่แกตั้ง ชื่อว่า The last three minutes

สงสัยว่าจะตั้งชื่อม้าตัวนี้ ไว้ละรึกถึง ความฟลุ๊ก เกริกพล ในปี 1999 ที่เอาชนะ บาร์เยริ์นได้ เมื่อ 10 ปีก่อน
นับเป็นเรื่องน่ายินดี ที่ แมนยู ทำประวัติศาสตร์ซ้ำรอยไม่สำเร็จเหมือน สิบปีที่แล้ว เพราะถูกนำเร็วก่อน 1-0 แล้วสกอร์ ดันค้างอย่างนั้น ขณะที่ พลพรรค มะนาวต่างดุ๊ด ดันยิงหลายครั้งก็ยังไม่เข้า ทำให้ ผมที่นั่งดูตอนนั้น คิดแหม่ง ๆว่า คล้ายกับปีนั้นยังไงชอบกล

สำหรับ ผีแล้ว การที่นักเตะที่เตี้ย แต่ “โคตรเทพ” อย่าง ลิโอเนล เมสซี่ ทะยานขึ้นโขกประตู 2-0 ให้บาร์เซโลน่านำแชมป์เก่า ทำลายความหวังทั้งปวงในการจะพลิกเกมกลับมาของเหล่าผู้เล่นปิศาจแดง และทำลายความฝันของท่านเซอร์ที่จะพาแมนฯยูไนเต็ดทำสถิติคว้าแชมป์ยุโรปให้ได้ 4 สมัยเท่าทีมชั้นยอดอย่าง ไอแอ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม และ บาเยิร์น มิวนิค รวมถึงการขยับเข้าใกล้แชมป์ 5 สมัยของคู่ปรับตลอดกาลอย่าง หงส์แดง แรงฤทธิ์ ลิเวอร์พูล อีก

สมัยตอนที่ ป๋าแพนด้า ยังเป็นคนสติดี ยังไม่มี “เซอร์” นำหน้าชื่อ เฟอร์กูสันเข้ามารับงานที่โอลด์แทรฟฟอร์ดเมื่อปี 1986 และวางเป้าหมายระยะยาวไว้ในใจลึกๆว่าจะพาปิศาจแดงทำลายสถิติทุกอย่างที่ลิเวอร์พูลเค
ยทำไว้ เพื่อการเป็นเบอร์หนึ่งตัวจริงเสียงจริงบนเกาะอังกฤษ

ผีเน่า ภายใต้การทำทีมของเฟอร์กี้เข้าใกล้ความฝันนั้นแล้ว เมื่อทำสถิติได้แชมป์ลีกสูงสุด 18 สมัยเท่าลิเวอร์พูลเรียบร้อย ในปีนี้ แต่ความพ่ายแพ้ต่อบาร์เซโลน่าในนัดชิง UCL อย่างที่คงจะเรียกได้ว่า บอลคนละชั้น รวมถึงท่าทีแสดงถึงความเป็นต้นกำเนิดของ สัตว์เลื้อยคลาน ของศิษย์รักอย่าง เจ็ทโด้ และนักเตะ คาร์ลอส เตเวซ เปิดใจถึงความคับที่อยู่ได้คับใจอยู่ยากในโรงละครตลกแห่งนี้
เฟอร์กี้ ชักจะ หมดความขลัง อาจใกล้ถึงเวลาที่ “เซอร์อเล็กซ์” จะวางมือได้รึยัง

เรื่องแย่กว่านี้ที่แน่นอนว่า จะกลายเป็นความจริง คือ หากลิเวอร์พูลในซีซั่นหน้ายังโชว์ฟอร์มได้ในมาตรฐานเทียบเท่าหรือดีกว่าปีนี้ ผีเน่าที่ คุยนักคุยหนา จะยังดีพอที่จะคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกอีกหรือเปล่า ขวบปีที่ผ่านมาเป็นเรื่องราวของเวย์น รูขี้ กับเจ็ทโด้ และพรรคพวกผีเน่า ตอนนี้ ถึงเวลาแล้วที่จะเป็นเรื่องราวของ เฟร์นานโด ตอร์เรส ซานซ์ เมื่อผนึกกำลังรวมกับ สตีเว่น จอร์จ เจอร์ราร์ด และเหล่าขุนพลหงส์แดงในขุมกำลังที่ แม้ผมจะคาดว่า ปีนี้ หงส์ ไม่น่าจะได้ตัวใหม่ ระดับ บิ๊กเนม เท่าที่ดู ปัญหา น่าจะเป็นฝั่งซ้าย ทั้ง ปีก ทั้งแบ๊ก ที่ ริเอร่า หรือ ดอสเซน่า ไม่เข้าตา โดยเฉพาะรายหลัง น่ะ กลับอิตาลีไปก็ได้ เพราะแกอยากย้ายแล้ว

กลับมาว่าเรื่อง ผีเน่า ต่ออีกนิด เพราะความพ่ายแพ้ในเกมยุโรปเป็นสิ่งเกิดขึ้นได้ เพราะคู่แข่งคือทีมระดับท็อปจากลีกชั้นนำ แต่ความพ่ายแพ้ในนัดชิงชนะเลิศแบบคนไม่มีกะจิตกะใจจะสู้ มันนำความรู้สึกหนักหนากว่าความพ่ายแพ้มาสู่รั้ว “แก่แทรฟฟอร์ด”

แพ้เกมเดียว ทำไมรู้สึกว่า โลกล่มสลาย ไปต่อหน้า ถ้วย 3 ใบที่ได้มาดูไม่ค่อยจะมีความหมาย ทั้ง พรีเมียร์ ลีกคัพ และ สโมสรโลก
นั่นเพราะ การตั้งความหวังที่ จะ “ เหยียบย่างเงาของ หงส์แดง ห่างออกไปอีกปีแล้วนั่นเอง”

ก่อนเกมจะเริ่มต้นขึ้น แทบทุกคนต่างชูมือให้ทีมของป๋า เป็นต่อทีมของ เป๊ป ในสายตาคนอังกฤษ ซึ่งมันก็เหมือนจะเป็นเช่นนั้นจริงในช่วง 10 นาทีแรกของเกม แต่ทันทีที่ “ผี เอโต้” ซัดให้บาร์ซ่าขึ้นนำในนาทีที่ 10 ทุกอย่างก็พลิกกลับทันที

หลังความพ่ายแพ้ สิ่งที่เราเห็นจากผีเน่า ที่แสดงออกมาชัดเจน คือการเป็นผู้แพ้ที่ “ห่วยสุดๆ” เจ๊ทโด้ กล้าออกมาพูดว่า ทีมจากแคว้น คาตาลัน ไม่ควรเข้าชิงด้วยซ้ำ ส่วน เตเวซ บ่นถึงการวางแท็คติคที่ “ปัญญานิ่ม” ของเฟอร์กูสัน เป็นนัยว่านี่คงเป็นนัดสุดท้ายของเขากับผีเน่า แล้ว แม้แฟนๆจะไม่อยากเห็นเขาออกจากทีมไปเลยก็ตาม

ที่ “ทุเรศที่สุดคือ “ แบ็คซ้ายที่ปากหมาที่สุดในโลกอย่างเอฟร่า ถึงกับเงียบไปไม่เป็นเมื่อคำพูดโอหังของตัวเองย้อนกลับมาทำร้ายซะจนกองแช่งออกมาทับถ
มกันเต็มเมือง สร้างภาพลักษณ์ความปากเก่งกว่าฝีเท้าให้คนจดจำ หรือแม้แต่เฟอร์กี้ เองที่ยังออกมาพูดว่า ถ้า เทพ (ในสายตาเฟอร์กี้ ) อย่างดาร์เรน เฟลทเชอร์ ไม่ติดโทษแบน พวกเขาจะไม่แพ้ในเกมแน่นอน สรุปแล้ว “เซอร์” ก็แก้ตัวด้วยคำว่า “ถ้า” เหมือน ราฟาที่เคยออกมา พูดว่า “ถ้า” จนกองแช่งทีมอื่นก็พาลกันด่าเหมือนกัน

จะพูดคำว่าถ้าซักกี่หนก็ได้ เพราะยิ่งว่าแดกกันมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งตอกย้ำ “ความไม่เข้าท่า” และการไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ของตัวเองมากขึ้นเท่านั้น

ปัจจัยสามอย่างที่ผี น่าจะหนาวๆร้อน ๆ กว่าที่เป็นอยู่คือ
1.ลิเวอร์พูล จะยิ่งมีความพยายามมากขึ้นขนาดไหนเมื่อสถิติแชมป์ลีก 18 สมัยโดนทาบติด เพราะก็เหมือนต้องมาแข่งกันใหม่ ว่า ใครจะ 19 ก่อนกัน
2.ตระกูลเกลเซอร์ จะทำอะไรกับทีมต่อไป จะสร้างหนี้ให้เพิ่มมากขึ้น จน “เซอร์” ไม่สามารถแม้แต่จะรั้งนักเตะดี ๆ ไว้ได้อีก ซึ่ง ไม่พ้น เจ็ทโด้ กับ เตเวซ ( ดีแค่ฝีเท้า นิสัยห่วยบรม)
3.หัวจิตหัวใจและสุขภาพของตัว “เซอร์” เองที่ไม่รู้จะยังไหวกับภารกิจไล่เหยียบเงาของ “หงส์แดง” รึเปล่า


เฟอร์กูสันอาจจะคิดวางมือทันทีที่แมนฯยูฯได้แชมป์ลีกสมัยที่ 19 แซงหน้าลิเวอร์พูล แต่มันจะเกิดขึ้นทันทีในปีหน้าเลยรึเปล่า ซึ่งเปอร์เซ็นต์การเกิดขึ้นจริงก้อมีอยู่ แต่ ตอนนี้ชักจะต่ำลงเรื่อยๆ พวกเขาพร้อมจะสู้ศึกโดยปราศจากแม่ทัพอย่างเซอร์อเล็กซ์ ที่กุมบังเหียนมา 23 ปี แล้วหรือยัง

ที่ผมสังเกตอย่างหนึ่งคือ เฟอร์กี้ ทำทีมได้เกือบ 6ปี จนเกือบถูกเด้งถ้าแพ้ แต่ดันชนะ เลยต่ออายุให้เขาจนเขาสร้างทีมพร้อมกับเด็กนรก รุ่น เบ็คส์ ขึ้นมาได้



แต่ราฟา เข้ามาคุมปีนี้เป็นปีที่ 5 จะเข้าปีที่ 6 แล้วเหมือนกัน แต่เขาก็ทำทีมได้ทั้ง แชมป์ยุโรป และ เอฟเอคัพ และตัวราฟายังเป็นแม่เหล็ก ดึงดูดนักเตะดี ๆได้ พอๆกับ เจอร์ราดและตอร์เรส ( กรณีตอร์เรส ถ้าไม่มีราฟา ก็ไม่มีเขาในหงส์แดงในวันนี้)

พวกผีเน่ายังอุตสาห์มาคุยทับ ว่า แล้วทีมเมิง ได้แชมป์อะไรบ้างปีนี้
ผมก็ตอบไปง่าย ๆว่า “ แล้วพวกเมิงไม่ภูมิใจกับ 3 แชมป์ที่ได้มาเรอะ” เสียไปถ้วยเดียวก็จะเป็นจะตายกันแล้ว

“สรุปแล้ว ถ้วยรางวัล มันก็แค่ ถ้วยเปล่า ๆ แต่ ความภูมิใจที่ได้มานี่สิ ตัวบ่งบอกว่า ได้แชมป์แล้วจริง ๆ
แล้วคุณคิดว่า ผีแดง สมควรได้แชมป์ พรีเมียร์ จริงหรือ ถ้าจริง ทำไมไม่ภูมิใจนัก

ก็เพราะว่า คุณ “ โกงแบบแนบเนียนมาตลอด” แล้วจะหาความภูมิใจที่ไหนได้วะ

จบข่าว






จากบทความของคุณ Wriner ในเว็ป
LIVERPOOLTHAILAND.COM

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์