The Impossible! 3 นาที 2 เม็ดหงส์ยิงรัวพลิกแซงค้อน 3-2

The Impossible!3 นาที 2 เม็ดหงส์ยิงรัวพลิกแซงค้อน 3-2

หงส์แดงลิเวอร์พูลทำปฏิบัติการไร้เงาในสภาพไร้หลุยส์ ซัวเรซหลังส่อแววทำท่าแพ้เวสต์แฮมแต่กลับได้โจ โคลและจอนโจ้ เชลวีย์ที่มีส่วนลูกนำชัยแซงเฮภายใน 3 นาทีพลิก 3-2 คว้าชัย 2 นัดติดขยับขึ้นมาอยู่อันดับ 10 แล้ว

พรีเมียร์ลีก อังกฤษ

วันอาทิตย์ที่ 9 ธันวาคม 2555


เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 2-3 ลิเวอร์พูล

สนาม : อัพตัน พาร์ค

ประตู :
0-1 เกล็น จอห์นสัน น. 11, 1-1 มาร์ค โนเบิ้ล น. 36 (จุดโทษ), 2-1 สตีเว่น เจอร์ราร์ด น. 43 (ทำเข้าประตูตัวเอง), 2-2 โจ โคล น. 76, 2-3 เจมส์ คอลลิ่นส์ น. 80 (ทำเข้าประตูตัวเอง)

คลิปไฮไลท์ พรีเมียร์ลีก เวสต์แฮม 2-3 ลิเวอร์พูล


เจ้าถิ่นเวสต์แฮม ยูไนเต็ดเพิ่งโชว์ฟอร์มหรูไล่ถล่มเชลซี 3-1 ในเกมที่ผ่านมาแต่เกมนี้แซม อัลลาไดซ์มีปัญหาปวดหัวเพราะนักเตะนอนเดี้ยงระยาวนำโดยแอนดี้ คาร์โรลล์ที่มีปัญหาตรงหัวเข่า, ยอสซี่ เบนายูน, ริคาร์โด้ วาซ เต, อาลู ดิยาร์ร่าและแจ๊ค คอลลิสันก็ลงไม่ได้ทั้งหมด

เกมนี้บิ๊กแซมส่งยุสซี่ ยาสเคไลเน่นเฝ้าหน้าปากประตูมีโจอี้ โอไบรอันกับเจมส์ คอลลิ่นส์ยืนคู่เซ็นเตอร์ขนาบข้างด้วยกาย เดเมลและวินสตัน รีด

กองกลางเควิน โนแลนกัปตันทีมนำทัพคู่กับมาร์ค โนเบิ้ลปล่อยให้แม็ท เทย์เลอร์กัลแม็ท จาร์วิสคอยทำเกมบริเวณริมเส้นส่วนหน้าเป้านั้นเป็นคาร์ลตัน โคลที่ได้โอกาสลงสนามอีกนัด

ด้านลิเวอร์พูลเพิ่งเก็บชัย 2 นัดรวดในเกมพรีเมียร์ลีกและยูโรป้า ลีกด้วยสกอร์ 1-0 ทั้งคู่ทำให้พวกเขากำลังมั่นใจสุดๆเช่นกันในการเดินทางมาเยือนอัพตัน พาร์คหนนี้

ขุมกำลังส่วนใหญ่อยู่ในสภาพสมบูรณ์เต็มที่ขาดเพียงนูริ ซาฮินที่เจ็บเมื่อเกมกลางสัปดาห์และหลุยส์ ซัวเรซหัวหอกตัวเก่งที่ต้องชดใช้โทษแบนจากการสะสมใบเหลือง 5 ใบ

เปเป้ เรน่าลงเฝ้าเสาเหมือนเดิมโดยมีเกล็น จอห์นสัน, มาร์ติน สเคอร์เทล, ดาเนี่ยล แอกเกอร์และโฆเซ่ เอ็นริเก้ปักหลักยืนเป็นแผงแบ็คโฟร์

มิดฟิลด์ส่งลงครบครัน 5 ตัวเดิมนำโดยสตีเว่น เจอร์ราร์ด, โจ อัลเลนและลูคัส เลว่ากลางสนามส่วนราฮีม สเตอร์ลิ่งกับสจ๊วร์ต ดาวนิ่งคอยลากเลื้อยริมเส้นให้จอนโจ้ เชลวี่ย์ที่รับบทกองหน้าเฉพาะกิจคอยล่าตาข่าย


ครึ่งแรก

หงส์เครื่องร้อนบุกใส่ก่อนเลย
เปิดเกมขึ้นมาเพียง 2 นาทีแรกหงส์แดงก็บุกเข้าใส่ทันทีและได้โอกาสส่องประตูก่อนจากจังหวะที่เชลวี่ย์ส่งบอลคืนหลังมาให้เจอร์ราร์ดวิ่งเข้ามาซัดในกรอบเขตโทษด้านขวาแต่ไปติดโอไบรอันที่มาดักบอลออกหลังไป

ค้อนเอามั่ง...ดิยาเม่อัดเต็มดันติดโคล
เวสต์แฮมได้ครองบอลทำเกมบุกขึ้นมาบ้างด้วยการโยนบอมเข้าไปในกรอบเขตโทษตามสไตล์และเป็นจังหวะที่ดิยาเม่เก็บตกบอลระยะประมาณ 25 หลาก่อนซัดเต็มๆบอลไปชนโคลที่ยืนขวางอยู่หน้าประตูเปลี่ยนทิศย้อนกลับมาออกหลังไปนิดเดียวเท่านั้น

จีเจซัดมุดสามเหลี่ยมอย่างงาม
มาถึงนาทีที่ 11 หงส์แดงก็ขึ้นนำจนได้จากจังหวะที่เจอร์ราร์ดผ่านบอลมาให้จอห์นสันตรงริมเส้นด้านขวาก่อนลากตัดเข้ามาถึงหน้ากรอบเขตโทษแล้วบรรจงยิงด้วยขวาข้างถนัดเต็มๆบอลพุ่งวาบเสียบสามเหลี่ยมเสาไกลชนิดที่ยาสเคไลเน่นหมดสิทธิ์ป้องกันซึ่งเจ้าตัวก็ไม่ได้ดีใจอะไรเพราะเป็นการยิงต้นสังกัดที่เคยปลุกปั้นเขาขึ้นมา

หงส์อย่างดุ....ราฮีมอัดเต็มๆหลุดเสานิดเดียว
จอห์นสันเติมเกมมันส์จริงๆจังหวะนี้เขาลากบอลขึ้นมาถึงกรอบเขตโทษด้านซ้ายก่อนป้ายไปให้สเตอร์ลิ่งที่รออยู่ตรงจุดโทษได้ซัดเต็มข้อแต่บอลหลุดเสาแรกออกไปในนาทีที่ 14

อาแบะเดี้ยงส่งโคลลงแทน
เกมมาถึงนาทีที่ 27 ร็อดเจอร์สต้องเปลี่ยนตัวเร็วเพราะเอ็นริเก้ได้รับบาดเจ็บทำให้โจ โคลได้โอกาสลงมาทำเกมบริเวณริมเส้นด้านขวาแล้วถอยเอาดาวนิ่งไปประจำการตำแหน่งแบ็คซ้ายแทน

เกมผ่านมา 30 นาที กลายเป็นฝั่งของเจ้าถิ่นที่ครองบอลพยายามเปิดเกมบุกมากกว่าโดยการใช้ลูกโด่งเป็นอาวุธหลักแต่กองหลังของหงส์แดงยังไม่พลาดในเกมนี้

อัลเลนแฮนด์บอล...โนเบิ้ลกดโทษไม่พลาด
เวสต์แฮมมีโอกาสได้ลุ้นจากลูกฟรีคิกระยะประมาณ 25 หลากลางประตูหลังจากเจอร์ราร์ดไปทำฟาวล์ดิยาเม่จนโดนใบเหลือไปและเป็นเทย์เลอร์จอมสังหารลูกนิ่งที่ได้ปั่นไปเข้าซองของเรน่า

ถัดมาอีกไม่กี่นาทีหงส์แดงมาเสียจุดโทษจนได้จากจังหวะที่เคลียร์ไม่ขาดบอลไปเข้าเท้าของเดเมลได้ซัดนอกกรอบเขตโทษบอลไปโดนแขนของอัลเลนที่พยายามพุ่งเข้ามาบล็อคกรรมการไม่ลังเลเป่าเป็นจุดโทษทันที

มาร์ค โนเบิ้ลเป็นคนรับหน้าที่สังหารยิงไปทางมุมประตูด้านซ้ายเรน่าพุ่งถูกทางแต่ไปไม่ถึงบอลเข้าไปกองก้นตาข่ายเป็นประตูตีเสมอให้เจ้าถิ่นในนาทีที่ 36

เทย์เลอร์รอดแดงถีบยอดอกราฮีมเต็มๆ
หลังจากเสียประตูขุนค้อนรอดพ้นการโดนใบแดงหวุดหวิดในจังหวะที่เทย์เลอร์ไปยกเท้าสูงยันเข้าไปกลางยอดอกของสเตอร์ลิ่งแต่กรรมการควักใบเหลืองให้เพียงเท่านั้น

หัวขิงโขกตัว!ค้อนแซงนำ
นาทีที่ 43 ขุนค้อนมาแซงขึ้นนำจนได้จากลูกฟรีคิกกลางสนามที่โนเบิ้ลเล่นเร็วส่งมาให้จาร์วิสได้เปิดบอลจากริมเส้นด้านซ้ายโล่งๆเข้ากลางประตูบอลไปตกใส่หัวของเจอร์ราร์ดเข้าประตูตัวเองไปเสียอย่างนั้น


ครึ่งหลัง

ค้อนคึกจัดบุกใส่ต่อ
เริ่มเกมครึ่งหลังมา 10 นาทีหงส์แดงไม่มีท่าทีว่าจะทำเกมได้ดีขึ้นตรงกันข้ามกลับเป็นเวสต์แฮมที่เดินหน้าเติมเกมบุกอย่างสนุกสนามแต่ก็ยังไม่สามารถเจาะประตูทิ้งห่างออกไปมากกว่าเดิมได้

หงส์ยังตื้อ...แอกเกอร์เติมมายิงไม่ได้เสียว
เข้าสู่นาทีที่ 65 รูปเกมยังคงเป็นแบบเดิมที่ทั้งสองทีมพยายามต่อสู้กันกลางสนามโดยในจังหวะนี้แอกเกอร์เห็นบรรดาแนวรุกทำเกมไม่ขึ้นก็ลากบอกมาส่องไกลระยะทำการประมาณ 25 หลาด้วยซ้ายข้างถนัดแต่บอลกลับลอยโด่งออกไปไม่ได้ลุ้น

ราฮีมส่องไกลยาสเค่ปัดสุดตัว
ดาวนิ่งพยายามเติมเกมขึ้นมาริมเส้นด้านซ้ายก่อนปาดเลียดเข้ากลางโคลปล่อยบอลลอดขาเลยไปถึงสเตอร์ลิ่งวิ่งเข้ามายิงด้วยซ้ายบอลเกือบมุดใต้คานอยู่แล้วแต่ยาสเคไลเน่นยังดีดตัวปัดออกหลังไปได้

ไอ้จ้อนโขก.....หลุดเสา
มาถึงนาทีที่ 70 ดาวนิ่งเติมขึ้นมาอีกครั้งก่อนเปิดเข้าไปหน้าปากประตูให้เชลวี่ย์ขึ้นโขกบอลท่ามกลางกองหลังเจ้าถิ่นแต่บังคับบอลไม่ได้หลุดเสาแรกไป

โค้วต้ายิงทีมเก่าโคลซัดตีเสมอ
นาทีที่ 76 เด็กเก่าของเวสต์แฮมก็มาแผลงฤทธิ์อีกจนได้ในจังหวะที่สเตอร์ลิ่งลากบอลมาทำชิ่งกับเชลวี่ย์หน้ากรอบเขตโทษด้านซ้ายก่อนจ่ายแทงทะลุช่องไปให้โคลวิ่งสอดขึ้นมาอัดด้วยซ้ายเต็มๆบอลพุ่งผ่านมือยาสเคไลเน่นเข้าไปทางเสาไกลนับเป็นประตูแรกในรอบ 18 เดือนของเขาในฟุตบอลอังกฤษด้วย

หงส์มาแรงแซงจนได้
หงส์แดงขึ้นนำจนได้ในนาทีที่ 80 เมื่อเฮนเดอร์สันเติมขึ้นมาตรงริมเส้นด้านขวาก่อนปาดเลียดเข้ามากลางประตูให้เชลวี่ย์เข้าบอลไม่ถึงแต่ดันไปโดนขาของคอลลิ่นส์เข้าประตูตัวเองไปถึงตรงนี้ทีมเยือนขึ้นนำแล้ว

หงส์เอาอยู่แซงขึ้นที่ 10
ช่วง 10 นาทีสุดท้ายเวสต์แฮมพยายามบุกทวงประตูอย่างหนักแต่จนแล้วจนรอดหงส์แดงก็สามารถรักษาสกอร์เอาไว้ได้แถมน่าได้จุดโทษจากจังหวะท่เชลวี่ย์ล้มในกรอบอีกต่างหาก ก่อนจบเกมพร้อมเก็บ 3 คะแนนสำคัญเป็นชัยชนะนัดที่ 5 ของฤดูกาลและนัดที่ 2 ติดต่อกันแซงนอริชและเวสต์แฮมขึ้นไปอยู่อันดับ 10 เรียบร้อย

รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม :

เวสต์แฮม ยูไนเต็ด : ยุสซี่ ยาสเคไลเน่น 6, กาย เดเมล 6 (จอร์จ แม็คคาร์ทนี่ย์ 5 น. 46), โจอี้ โอไบรอัน 4, เจมส์ คอลลิ่นส์ 4, วินสตัน รีด 6, เควิน โนแลน 5, แม็ท เทย์เลอร์ 7 (โมดิโบ้ ไมก้า น.86), มาร์ค โนเบิ้ล 6 , แม็ท จาร์วิส 7, โมฮาเหม็ด ดิยาเม่ 6 (เจมส์ ทอมกิ้นส์ 5 น. 73), คาร์ลตัน โคล 7
ตัวสำรองที่ไม่ได้ลงสนาม : ราฟาเอล สไปเกล, จอร์แดน สเปนซ์, แกรี่ โอนีล, จอร์จ มอนเคอร์

ลิเวอร์พูล : เปเป้ เรน่า 5, เกล็น จอห์นสัน 7 , โฆเซ่ เอ็นริเก้ 4 (โจ โคล 7 น. 27), มาร์ติน สเคอร์เทล 5, ดาเนี่ยล แอกเกอร์ 4, ลูคัส เลว่า 6 (จอร์แดน เฮนเดอร์สัน 6 น. 70), โจ อัลเลน 6 (เซบาสเตียน โคอาเตส น. 86), สตีเว่น เจอร์ราร์ด 4 , ราฮีม สเตอร์ลิ่ง 7, สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง 6, จอนโจ้ เชลวี่ย์ 7
ตัวสำรองที่ไม่ได้ลงสนาม : แบรด โจนส์, เจมี่ คาร์ราเกอร์, ซูโซ่, อดัม มอร์แกน


 

lentee.com

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์