เด็กหงส์!ถล่มปอร์โต้ 4-1 ชิงดำนัดท้าย

"หงส์แดง"ลิเวอร์พูล

ทำเอาเดอะค็อปใจหายใจคว่ำตามสไตล์หลังปล่อยให้เอฟซี ปอร์โต้ตีเสมอง่ายๆแล้วสเปะสปะในครึ่งหลังอยู่พักใหญ่ก่อนไล่นวดยิงรวดเดียวชนะกระหึ่ม 4-1 โดยตอร์เรสเหมาคนเดียวสองประตูและต้องไปแย่งตั๋วเข้ารอบนัดสุดท้ายกับมาร์กเซย์ตามคาด

ลิเวอร์พูล 4-1 ปอร์โต้

สนาม : แอนฟิลด์

ประตู : 1-0 เฟร์นันโด ตอร์เรส น.19, 1-1 ลิซานโดร โลเปซ น.33, 2-1 เฟร์นันโด ตอร์เรส น.78, 3-1 สตีเฟ่น เจอร์ราร์ด น.84 (จุดโทษ), 4-1 ปีเตอร์ เคราช์ น.87

ก่อนที่เกมจะเริ่มขึ้น

ด้านนอกสนามได้มีการเดินขบวนอย่างสงบของแฟนบอลหงส์แดงที่ไม่พอใจกับข่าวลือสะพัดเรื่องการปลดราฟาออกจากตำแหน่ง ขณะที่ด้านในสนามก็มีการแขวนป้ายผ้าให้การสนับสนุนกุนซือชาวสเปนกันมากมาย


อาจด้วยแรงใจ

เริ่มเกมมาจึงทำให้ทางลิเวอร์พูลเปิดฉากลุยตั้งแต่ต้นเกม แต่ก็หาจังหวะเข้าไปลุ้นทำประตูได้ยากเนื่องจากเกมรับของปอร์โต้ค่อนข้างแพ็กกันมาแน่นและรัดกุมมากไม่มีโฉ่งฉ่างแม้แต่น้อย แต่ก็พอมีโอกาสของตอร์เรส และโวโรนินที่ได้สับไกลับสนิมกันคนละที

แต่หลังจากที่หาช่องเจาะซ้ายเจาะขวาแต่ขาดความคมในพื้นที่สุดท้าย ลิเวอร์พูล ก็มาได้ประตูขึ้นนำจากจังหวะลูกเตะมุม โดยเป็นเจอร์ราร์ด ที่เปิดเข้ามาให้ตอร์เรสที่อาศัยจังหวะลูโช่ลื่นเลยเทคตัวขึ้นโขกโล่งๆเข้าไปเป็นประตู 1-0 ในนาทีที่ 19

เมื่อได้ประตูที่ต้องการ
 
ลิเวอร์พูลก็เล่นได้อย่างผ่อนคลายขึ้นและเป็นฝ่ายบงการเกมได้ทั้งหมดโดยที่ปอร์โต้แทบจะทำอะไรไม่ได้เลย เพียงแต่ลิเวอร์พูล ก็ยังจะดูยังไม่ค่อยคมในจังหวะสุดท้ายเหมือนเดิม

ทว่าหลังจากพ้น 30 นาทีแรกไป
 
ปอร์โต้ก็เริ่มที่จะตั้งหลักได้และแค่การบุกแบบเน้นๆเซ็ตแรกก็ทำให้ทีม "มังกรน้ำเงิน" ตีเสมอได้ทันที เมื่อคาสเมียร์ชัค ลากบอลขึ้นมาทางซ้ายก่อนเบียดมาสเคาโน่จนล้มเลยได้เปิดบอลเข้าหัวลิซานโดร โลเปซที่อาร์เบลัวโขกไม่ถึงบอลแสกมือเรน่าตุงตาข่าย ทำให้สกอร์กลับมาเท่ากันที่ 1-1

หลังจากนั้นไม่กี่อึดใจทั้งสองทีม

ก็มีโอกาสใกล้เคียงที่จะได้ประตูด้วยกัน โดยลิเวอร์พูลได้ลุ้นก่อนเมื่อเบนายูนตัดบอลได้ก่อนไหลให้ตอร์เรส หลุดเข้าไปดวลกับเอลตัน แต่ดาวยิงสุดเท่กลับเลือกจะล็อกบอลทำให้โดนบรูโน่ อัลเวสที่ไล่ตามมาสกัดได้ทันเวลาพอดี 

ถัดมาเป็นจังหวะของปอร์โต้
 
เมื่อฮูเปียทำเฟอะฟะเสียบอลในแดนหลังเลยถูกฉกก่อนที่ลิซานโดร โลเปซจะหลุดกับดักล้ำหน้าของเจ้าถิ่นเข้าเขตโทษยังดีที่เรน่าออกจากเส้น 6 หลาเร็วเลยต้องรีบจิ้มบอลถากเสาออกไปไม่กี่นิ้วเท่านั้น ช่วงที่เหลือปอร์โต้ดูจะคุมจังหวะเกมได้ดีกว่าและออกบอลไปมากันได้แบบเหนือชั้น แต่ลิเวอร์พูลก็ยังพอมีโอกาสจากลูกฟรีคิกระยะไกลกว่า 35 หลาของเจอร์ราร์ด ที่เฉี่ยวออกข้างไป ก่อนที่ผู้ตัดสินจะเป่านกหวีดหมดครึ่งแรกแบบนักเตะงงทั้งสนามเพราะไม่มีการทดเวลาบาดเจ็บ

กลับมาเล่นกันใหม่ในครึ่งหลัง

รูปเกมยังเข้าทางปอร์โต้อยู่เหมือนเดิม แม้ว่าเจ้าถิ่นจะมีจังหวะหวาดเสียวในเกมโต้กลับบ้างเมื่อเรน่า เตะยาวจากประตูให้ตอร์เรสลากจี้ตัดจากซ้ายก่อนไหลให้เบนายูนที่เติมขึ้นมามีโอกาสได้ง้างเท้าแต่ดันลื่นยิงปลิ้นออกไปอีก เมื่อพ้นชั่วโมงไปแล้วรูปเกมยังไม่มีความคึกคักและปอร์โต้เหมือนจะต่อบอลได้ดีกว่าทำให้ราฟาแก้เกมโดยส่งเอาแฮร์รี่ คีลล์ ลงมาก่อนแล้วปีเตอร์ เคราช์ลงมาเสริมอีกคน ขณะที่ปอร์โต้ ก็มีการส่งราอูล ไมเรเลส และตาริค เซคติอุยลงมา

แต่ดูเหมือนการแก้เกมของราฟา จะได้ผลดีกว่า
 
เมื่อลิเวอร์พูลค่อยๆโถมเกมรุกได้น่ากลัวขึ้นเรื่อยๆ และหลังจากที่ทนอึดอัดมนาน ในนาทีที่ 78 ก็ได้ฮีโร่หน้าเดิมอย่างตอร์เรส ที่รับบอลจากความผิดพลาดของลาน สเตปานอฟที่เข้าพรวดจังหวะที่คิวล์แทงมาให้ก่อนโชว์ลีลากระชากเข้าเขตโทษแล้วเอี้ยวตัวแปสวนสวนทางเอลตันเสียบมุมแบบเหนือชั้นสุดๆให้เจ้าถิ่นนัดอีกครั้ง 2-1

ประตูนี้ช่วยปลดเปลื้องความกดดันทั้งหมดลง
 
แถมหงส์แดงยังมาได้ของขวัญจากทีมเยือนอีก เมื่อเจอร์ราร์ด โยนฟรีคิกเข้ามากลางประตู มิลาน สเตปานอฟ กลับทำเสียแฮนด์บอลแบบไม่น่าเสีย ผู้ตัดสินเป่าให้เป็นจุดโทษทันที และเป็นเจอร์ราร์ด ที่ขออาสายิงเข้าไปไม่มีเหลือในนาทีที่ 84

ปอร์โต้ดูจะเสียศูนย์ไปแล้ว

และถัดมาอีก 3 นาที ก็มาโดนยิงเพิ่มอีก จากลูกเตะมุมเจอร์ราร์ด หยอดมากลางประตูให้เคราช์ ขึ้นโขกเข้าไปแบบหมูๆ และเป็นประตูปิดท้ายให้ "หงส์แดง" ถล่มปอร์โต้ไปในช่วง 10 นาทีสุดท้ายนี่เองด้วยสกอร์ 4-1 กลับมามีลุ้นเข้ารอบน็อคเอาต์ได้อีกครั้ง โดยต้องบุกไปเอาชนะโอลิมปิก มาร์กเซย์ ให้ได้ในนัดสุดท้าย

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

ลิเวอร์พูล : โฆเซ่ มานูเอล เรน่า 6, สตีฟ ฟินแนน 7, เจมี่ คาร์ราเกอร์ 6, ซามี่ ฮูเปีย 6, อัลบาโร่ อาร์เบลัว 5, ไรอัน บาเบิล 5(เดิร์ค เคาท์ น.85) , สตีเฟ่น เจอร์ราร์ด 7, ฮาเวียร์ มาสเคราโน่ 6, ยอสซี่ เบนายูน 6(ปีเตอร์ เคราช์ น.71,7) , อังเดร โวโรนิน 6(แฮร์รี่ คีลล์ น.63,7) , เฟร์นันโด ตอร์เรส 9*

ใบเหลือง : ฮูเปีย น.37

ปอร์โต้ : เอลตัน 6, โบซิงวา, มิลาน สเตปานอฟ 4, บรูโน่ อัลเวส 5, มาเร็ค เช็ก 7, มาเรียโน่ กอนซาเลซ 5(ตาริค เซ็คติอุย น.77,6) , ลูโช่ กอนซาเลซ 7, เปาโล อัสซุนเซา 6(เอลเดอร์ ปอสติก้า น.81) , เพอร์เซมิสลาฟ คัสเมียร์ชัค 7(ราอูล ไมเรเลส น.65,6) , ริคาร์โด้ กวาเรสม่า 5, ลิซานโดร โลเปซ 8

ใบเหลือง : อัสซุนเซา น.48, สเตปานอฟ น.82, กวาเรสม่า น.90

ผู้ตัดสิน : โรแบร์โต้ โรเซ็ตติ (อิตาลี)

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: lentee


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์