โปรแกรมของหงส์แดง....

สัปดาห์ที่ผ่านมามีพรรคพวกเพื่อนฝูงที่เชียร์แมนฯยูไนเต็ด แกล้งถามว่า “เอ๊ะ...เสาร์นี้ ลิเวอร์พูลเจอใครในเอฟเอ คัพ”


แทนที่จะตอบผมรับบอกว่า “แมนฯยูฯ ทำไมดวงดีจังจับสลากเจอทีม ดิวิชั่น 5 ซะด้วย”


ชีวิตแฟนบอลมันก็แค่นี้ครับคือ บลัฟกันไปบลัฟกันมาสนุกสนานไม่มีใครได้หรือว่าชนะตลอด ผสมผสานกันไปแพ้บ้างชนะบ้าง สำคัญคือ “มิตรภาพ” ครับ...ที่อยากเขียนถึงตรงนี้เพราะสังคมออนไลน์ทุกวันนี้แตกต่างจากพื้นที่ “คัมภีร์ฟุตบอล” ที่พี่ย.โย่ง เป็นผู้ดำเนินการในนิตยสารสตาร์ซอกเกอร์รายสัปดาห์



 “คัมภีร์ฟุตบอลนั้นทำให้ทุกคนมีทีมที่ชอบและเชียร์ แซวกันไปแซวกันมา....สนุกสนานเอา ขำ ขำ ผ่อนคลาย ไม่ได้ยึดถือเป็นสรณะจริงจังอะไร เป็นบรรยากาศของความสนุกมากกว่า


วันนี้ผมได้รับเมล์มากมายและลิงค์อะไรหลายอย่างที่เหมือนจะบอกกับผมว่า “ดูสิ แฟนบอลเขาเถียง เขาด่ากันอย่างหยาบๆคายๆ คิดว่าทีมตัวเองดีกว่าทีมคนอื่น”


การวิพากษ์วิจารณ์..การทุ่มเถียง...และหาแง่มุมมาพูดคุยกันย่อมก่อให้เกิดการผสมผสานทางความคิดและอาจมีไอเดียใหม่ๆเกิดขึ้น แต่นั่นต้องมีพื้นฐานจากความรู้และประสบการณ์ อันที่จริงผมก็ไม่ได้อยากแยะแยะว่าใครดูบอลยุคก่อนยุคหลังแล้วมันจะดีกว่ากัน


เพียงแต่ว่าการได้มีชีวิตร่วมสมัยทำให้เราซึมซับกับสิ่งที่เป็นไปว่ายุคก่อนนั้นมันเป็นแบบไหน ยุคนี้มันแตกต่างอย่างไร คือเราอาจบอกเล่าความจริงในอดีตครบถ้วนตามข้อเท็จจริงได้นะครับ



อย่างไรก็ตามนี่คงถูกละเลยไปเพราะทุกวันนี้สังคมออนไลน์ไม่เห็นหน้าค่าตาซึ่งกันและกันเหมือนอยู่ในที่ลับ จะด่าว่าใครก็ได้ จะให้ร้าย เสียดสี ดูหมิ่น...ประนามใครก็ได้ เพราะใช้นามแฝงและไม่เปิดเผยตัวตน เรื่องแบบนี้ผมได้ฟังมาเยอะจากแฟนบอลนี่แหละ


แค่อยากจะบอกว่ากีฬาไม่ใช่แค่ฟุตบอลนะครับทุกชนิดมันมีพื้นฐานสำคัญอย่างหนึ่งคือ รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย ซึ่งผมอยากเหมารวมทั้งสามคำนี้ว่ามันคือ “สปริต” หรือ “การยอมรับ” ไม่ว่าผลแข่งจะออกมาแบบไหน ทั้งเล่นดีแล้วชนะ...แล้วแย่แล้วไม่แพ้ ผู้ตัดสินผิดพลาดและมีปัจจัยอื่นเกี่ยวข้อง


ก็ฝากถึงแฟนานุแฟนยุคสังคมออนไลน์ด้วยก็แล้วกันว่า “รับผิดชอบ” ต่อสิ่งที่เราวิพากษ์วิจารณ์ ไม่ใช่แค่ความ “สะใจ” ที่ได้ระบายความรู้สึกซึ่งอาจไปล้ำเส้นหรือละเมิดบรรทัดฐานที่ดีของสังคมไป



เขียนเรื่องนี้ไม่มีต้นตออะไรครับ เพียงแต่ได้รับเมล์ที่เป็นลิงค์...มาให้เยอะจนผมอยากฝากว่าขอบคุณมากๆที่เสียสละเวลานำลิงค์มาให้ผมอ่าน ก็พยายามอ่านให้หมดนะครับ ผมเองไม่ค่อยมีเวลามากแต่ก็จะพยายาม ทุกวันนี้หลังจากเปลี่ยนสถานะภาพเฟซบุกจากคนธรรมดาที่มีสมาชิกไม่เกิน 5 พันคนมาเป็นแฟนเพจ jkadisorn ผมเองเข้าไปตอบวันละครั้งสองครั้งเต็มที่


มีอะไรก็แลกเปลี่ยนทัศนะกันได้โดยไม่กระทบกระเทือนหรือทำให้เดือดร้อนต่อกัน..ยินดีเสมอครับ


ส่วนตัวของผมนั้นเพื่อนสนิทที่สุดของผมเชียร์ “แมนฯยูไนเต็ด” ครับ แขวะ และ อำกันตลอด...แต่เมื่อต้องคุยแบบวิพากษ์เพื่อสันดาปความคิด ทุกครั้งมีความสนุกและได้สาระอยู่เสมอด้วยเพราะเรายอมรับซึ่งกันและกันเป็นพื้นฐานก่อนเลย


สำหรับต้นฉบับในสัปดาห์ที่ผ่านมาดูจะว่างเปล่าเพราะว่า ลิเวอร์พูลไม่มีเตะเอฟเอ คัพ มีแค่ยูโรปา ลีก ซึ่งเด็กหงส์คงพอมองเห็นแนวทางการทำงานของ เคนนี ดัลกลิช แล้วนะครับว่า “เขากำลังทำอะไร” เขากำลังปัดฝุ่นโครงการสถาบันนักเตะที่สร้าง “เยาวชน” ขึ้นมาเพื่อให้นักเตะเยาวชนสอดแทรกขึ้นมาเล่นทีมชุดใหญ่


ตามหลักการ “ซื้อได้แต่ต้องสร้างด้วย”


มันคือพื้นฐานของสโมสรใหญ่ทุกทีมและมันคือพื้นฐานของทีมลิเวอร์พูลตั้งแต่ยุค บิลล์ แชงค์ลีย์ เข้ามาปฏิวัติหงส์แดงเมื่อปี 1959 เมื่อครั้งอยู่ในดิวิชั่นสองเดิม (เดอะ แชมเปี้ยนชิพปัจจุบัน) คือต้องสร้างทีมเยาวชนเพื่อป้อนชุดใหญ่ หรือซื้อนักเตะวัยรุ่นมาเล่นทีมสำรองให้เข้าใจระบบลิเวอร์พูล “pass and move”  จากนั้นจึงค่อยโยนลงน้ำ


หากซื้อมาแล้วใช้งานได้ก็โอเค...เข้าระบบได้เร็วก็เล่นเลย



เคนนี ดัลกลิช พยายามย้อนกลับไปทำงานแบบเดิมซึ่งมันไม่ใช่เรื่องล้าสมัย เพราะทีมใหญ่อย่างบาร์ซ่ายึดมั่นกับการสร้างทีมเยาวชนและฟุตบอลแบบบาร์ซ่ามาตั้งแต่ยุค โยฮัน ครัฟฟ์ ทศวรรตที่ 80 ตอนปลาย ซึ่ง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า โค้ชคนปัจจุบันซึมซับตั้งแต่ยังเป็นเด็กเก็บบอลจนถึงเป็นนักเตะ, กัปตันทีมและโค้ช


มันคือสิ่งที่ดีอยู่แล้วไม่จำเป็นต้องเปลี่ยน.....แค่ปรับเท่านั้น


ลิเวอร์พูลของ ดัลกลิช อาจไม่ต้องเหมือนเพราะแนวทางของใครของมัน....แต่สิ่งที่เขากำลังทำอยู่สะท้อนให้เราเห็นอยากเกมที่พบกับสปาร์ต้า ปราก ส่งชุดสองลงเล่นหลายคนและทำได้แค่ 0-0 แถมเล่นเกมไม่ดีเลย มีแฟนหงส์ส่งเมล์มาบ่นว่าน่าเบื่อมาก....


เกมนี้ เคนนี ใช้ตัวหลัก 6 คนเป็นแกนและมีตัวชุดสองรวมทั้งดาวรุ่งลงเล่นอีก 5 คน นี่ย่อมเป็นอะไรที่ต้องบอกว่ายากหากต้องการผสมผสานให้มันเล่นด้วยกันได้


กลางสัปดาห์นี้เล่นในแอนฟิลด์ผมเชื่อว่าก็คงมีการผสมผสานกันอีกเพียงแต่ต้องเน้นกว่าเดิม โดย หลุยส์ ซัวเรส นั้นเล่นไม่ได้อยู่แล้วตามกฏบอลถ้วย ดังนั้นก็ต้องใช้ผู้เล่นชุดใหญ่และชุดไม่ใหญ่ผสมผสานกัน โดยเชื่อว่าเป้าหมายแรกของ เคนนี คือการทำให้ดีที่สุดในพรีเมียร์ลีกครับ



สุดสัปดาห์นี้ไปเยือนเวสต์แฮม...ทั้งสถิติที่ไม่ง่ายเลยเมื่อต้องไปอัพตัน ปาร์ค และ สถานะการณ์อันคับขันของทีมขุนค้อน นี่จะทำให้ลิเวอร์พูลพบกับความยากลำบากในการเล่นพอสมควร


ใครบอกไม่มีเตะเอฟเอ คัพ แล้วได้พัก...ที่ไหนได้เตะยูโรปา ลีก ตั้งสองเกมก่อนลุยพรีเมียร์ลีก



ผมมองข้ามยูโรปา ลีกไปยังอัพตัน ปาร์ค ค่ำวันอาทิตย์ที่ 27 ก.พ.นี้ 20.30 น.  เป้าหมายเดียวคือต้อง 3 คะแนนไว้ก่อนนะครับ 




JACKIE

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์