talk with Meen: ความต่าง ที่เห็นได้ ของ เดอะคิง

talk with Meen: ความต่าง ที่เห็นได้ ของ "เดอะคิง

[b]คงเป็นบทความสุดท้าย แล้วเจอกันอีกที กลางเดือนหน้าละกันนะครับ ฤดูสอบใกล้เข้ามาทุกขณะ ถึงแม้จะเหลืออีกสองสัปดาห์ แต่ก็อย่างว่า ไฟไม่ลนตูด ใจมันก็ยังอยากจะเล่นคอม ทำไงได้ล่ะ คอมพิวเตอร์ มีอะไรล่อตาล่อใจเยอะแยะ เฟสบุ๊ค เอาไว้พูดคุยกับเพื่อน(และแอบส่องหาคนน่ารักๆ) ไหนจะเว็บบอร์ด LTF ให้คอยพูดคุยและอัพเดทข่าวสารเกี่ยวกับลิเวอร์พูล แถม msn ก็ยังเอาไว้แชทได้ ถึงแม้วันๆ ไม่ค่อยจะเป็นอันเรียน สักเท่าไหร่เพราะมัวแต่นั่งกดบีบีเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่ก็ยังมิวาย มีสหายหลายต่อหลายคน ที่ไม่ได้ใช้บีบี คุยกันผ่าน บีบีเอ็มไม่ได้ ต้องผ่าน msn แต่ทว่า บีบีเจ้ากรรม ดันเจือกโคตรจะเปลืองแบต เวลาออน msn(หรือว่าผมใช้มันเยอะเกินไปหว่า?)

เอ้า เดี๋ยวจะออกไปไกลถึงชีวิตส่วนตัวยาวเกินไป มาคุยเรื่อง ลิเวอร์พูล ซึ่งเป็นประเด็นหลักของเราดีกว่า

ผลงานของ เคนนี่ ดัลกลิช ยอดกุนซือในตำนาน นับว่าไม่ธรรมดาจริงๆ กับแปดนัดที่ผ่านมา แพ้ไปสอง เสมอสอง ชนะสี่ ยิงสิบประตู เสียหกประตู นับได้ว่า สอบผ่านครับ เมื่อเทียบกับผลงานของ รอย ฮอดจ์สัน กุนซือแฟนคลับส่ายหน้า แปดนัดแรกของ ฮอดจ์สัน(นับเฉพาะบอลถ้วยในประเทศ และบอลลีก) แพ้สี่ เสมอสาม ชนะหนึ่ง ยิง ยิงเก้าประตู เสียสิบห้าประตู แถมหนึ่งในนัดที่พ่ายแพ้ ก็เป็นการแพ้ให้กับ นอร์ทแธมป์ตัน ทีมต่ำชั้นจากลีล่างๆของประเทศ (แม้ว่าจะเสมอก่อนก็ตาม)นับได้ว่า ต่างกันราวหลังบาทา พลิกมาเป็นหน้ามือเลยทีเดียว ดัลกลิช เป็นกุนซือที่สามารถดึงพลังความสามารถของนักเตะแต่ละคนออกมาได้อย่างเต็มที่ ขณะที่ รอย ฮอดจ์สัน เหมือนจะสามารถทำได้กับแค่ ลูคัส เลว่า คนเดียวเท่านั้นเอง

มาร์ติน สเคร์เทล กลับมาและดูเป็นผู้เป็นคนอีกครั้ง ไม่มั่วโฉ่งฉ่าง เฟอะฟะ อย่างน่าเกลีด บ่อยๆเหมือนก่อน ขณะที่แบ็คซ้าย เดอะคิง ตัดปัญหา เตะโด่ง พอล คอนเชสกี้(หรือใครเรียกอะไรนะ??) ไปยืมตัวอยู่กับฟอร์เรส ส่วน ราอูล ไมเรเลส มิดฟิลด์คนใหม่ ที่เป็นการเซ็นสัญญาที่เยี่ยมยอดของ รอย ฮอดจ์สัน ก็กลับเป็นฝ่ายที่แจ้งเกิดได้เต็มตัวอย่างทันที เมื่อ เคนนี่ ดัลกลิช เข้ามาคุมทีม ลงเล่นไปแปดนัดภายใต้การทำทีมของ ดัลกลิช ไมเรเลส กดไปแล้ว ห้าประตู แถมแต่ละลูก สวยๆทั้งนั้น ส่วนเกล็น จอห์นสัน เหมือนกลับมาเกิดใหม่ กับตำแหน่งแบ็คซ้าย ที่เคยเล่นสมัย ราฟา คุมทีมอยู่บ้าง ส่วนทางด้าน คริสเตียน โพลเซ่น คุณปู่พลังเต่า ก็นับว่ามีบทบาทอยู่กับทีมบ้างพอสมควร และเวลาลงมา ก็สามารถทำหน้าที่ของตัวเองได้ในระดับดี ต่างจากเมื่อครั้ง ฮอดจ์สัน คุมทีมโดยสิ้นเชิง บ่อน้ำมันชัดๆ

และที่ไม่พูดถึงก็คงไม่ได้ สำหรับ มาร์ติน เคลลี่ แบ็คขวาร่างโย่ง เติมเกมรุกอาจจะไม่เร็วเท่าไหร่ แต่ขึ้นมาแต่ละที มีลุ้นตลอด การเปิดบอลทำได้เยี่ยม แถมจังหวะวิ่งเบียด ก็เบียดชนะคู่แข่งได้หลายต่อหลายครั้ง นับได้ว่าเป็นเพชรเม็ดงามจริงๆ ซึ่งไม่แน่เหมือนกัน ว่าถ้าหากทีมเราสามารถหาแบ็คซ้ายมืออาชีพมาได้แล้ว เกล็น จอห์นสัน อาจจะต้องตกเป็นตัวสำรองให้กับ เคลลี่ ซะด้วยซ้ำ เอาจริงๆไม่ใช่ว่า จีเจ ไม่เก่งนะ ที่จริงเขาเก่งมากเลยแหละ แต่เขาเป็นแบ็คที่เหมาะกับทีมที่เล่นเกมรุกเป็นชีวิตจิตใจ ตอนอยู่กับเชลซีสมัย มูรินโญ่ เ่ล่นรุกๆรับๆ เน้นแท็คติก ทำให้เขาไม่ค่อยโดดเด่น ส่วนอยู่ปอร์ทสมัธ สมัย แฮร์รี่ เร้ดค์แน็ปป์คุม เห็นได้เลย เกมรุกของ ปอมปีย์ น่ากลัวจับใจ ลองนึกดูดีๆ ดาเนียล อัลเวส แบ็คหน้าแดกคิวล่าของ บาร์ซ่า เล่นเกมรับ ผมว่าดีไม่ดี อาการหนักกว่าจีเจอีกนะน่ะ แต่มันผิดกันตรงที่ บาร์ซ่า เน้นเกมรุกเป็นหลัก ทำให้ ความสามารถในการทำเกมรุกของ อัลเวส สามารถบดบัง จุดอ่อนในเกมรับได้อย่างมืดสนิท

เห็นได้ชัดเจน ว่านับตั้งแต่ เคนนี่ ดัลกลิช เข้ามาคุมทีม นักเตะดูจะเป็นผุ้เป็นคน เล่นกันเป็นทีมได้มากขึ้น เพราะหลักการ pass and move จนบางเว็บเขาไปเรียกเคนนี่ว่า กุนซือพาสแอนด์มูฟไปแล้ว ว่ากันง่ายๆเลย ทีมใหญ่ๆ(นับตั้งแต่ พวกกลางตารางไปยันทีมหัวตาราง) จะไม่มีทีมไหนเลย ที่ไม่เน้นทีมเวิร์ค สิ่งที่ทีมเหล่านี้ต้องการคือทีมเวิร์ค และนั่น ก็สำคัญกว่าความสามารถเฉพาะตัวของนักเตะ นี่คือสิ่งที่ทำไม แมนฯยู ถึงไม่สะทกสะท้านอะไรมากมาย หลังขาด โรนัลโด้(สิ่งที่ขาดหายไป มีเพียง ลูกยิงมหัศจรรย์ต่างๆ) หรืออาจจะมองไปที่ บาร์ซ่า กองหน้ากี่คนของบาร์ซ่า ก็เล่นไม่ต่างกัน

สิ่งที่ทำให้ รอย ฮอดจ์สัน ไม่เหมาะกับการคุมทีมใหญ่ คือ ความเชื่อมั่นในตัวนักเตะแทบจะเป็น ศูนย์ คนเดียวที่เขาเชื่อมั่นเท่านั้นคือ ตัวเอง สังเกตสิ ฮอดจ์สัน ไม่เคยแสดงความมั่นใจอะไรใดๆในตัวลูกทีมเลย นอกจาก มั่นใจว่า ตัวเองดีพอที่จะคุมทีมใหญ่อย่างลิเวอร์พูล ฮอดจ์สัน เคยให้สัมภาษณ์บอกไม่แน่ใจนักว่าจะสามารถทำให้ลิเวอร์พูลกลับมาเป็น ท็อปโฟร์ได้หรือไม่ ขณะที่ปัจจุบัน คุมทีมเวสต์บรอม ก็เอาละ ตามสไตล์เขาเลยจริงๆ ไม่มั่นใจว่าจะทำให้ทีมรอดตกชั้นหรือไม่ เมื่อผู้จัดการทีมยังไม่เืชื่อมั่นในตัวนักเตะ แล้วจะมีนักเตะคนไหน เชื่อมั่นล่ะ ราฟา เบนิเตซ ป่าวประกาศอยู่เสมอ ตรูจะกลับไปเป็นท็อปโฟร์แน่ แล้วนักเตะแต่ละคนก็เล่นกันอย่างเต็มที่ ขณะที่ สมัยฮอดจ์สัน ความกะตือรือร้นของนักเตะ ดูจะหายไป ก็ไม่แปลกหรอก ก็ในเมื่อผู้จัดการทีมยังไม่มั่นใจเลยอ่ะ แทคติคของ ฮอดจ์สัน เน้นนักเตะพรสวรรค์เป็นศูนย์กลางมากกว่าทีมเวิร์ค บอลยาวจากแดนหลัง ส่งขึ้นหน้าให้ตอร์เรสวิ่งไล่ พอได้บอลก็โดนอัด โดนหวด ล่อซะ ตอร์เรสเดี๋ยวนี้ เริ่มหายจากความเป็นยอดดาวยิงไปแล้ว ขณะที่การทำทีมของ เคนนี่ ดัลกลิช เน้นทีมเวิร์คเป็นหลัก สังเกตว่า การเซตบอลเข้าทำ การนวดคู่แข่งไปเรื่อยๆ มีให้เห็นอยู่บ่อยๆ ต่างจากรอย ฮอดจ์สัน เน้นรับ แล้วอาศัยกองหน้าวิ่งเข้าใส่ในจังหวะฉาบฉวย แล้วจะเอาใครไปสู้ล่ะน่ะ ปีกตัวรับอย่าง เดิร์ค เค้าท์ หรอ หรือคุณลุงมักซี่ล่ะ มันไม่ใช่แนวทางที่เหมาะสมกับทีมใหญ่ ซึ่งก็สมควรแล้ว ที่ ฮอดจ์สัน จะคุมทีมจนลิเวอร์พูลได้หนีตกชั้นตามระดับสโมสรที่คู่ควรกับเขา

เรื่องการซื้อขายนักเตะ เคนนี่ ดัลกลิช ทำได้อย่างยอดเยี่ยม กับการจัดการกับสถานการณ์ของ เฟร์นานโด ตอร์เรส รวมไปถึงการที่หันไปคว้าตัว แอนดี้ แคร์โรลล์ มาได้อย่างสุดช็อคโลก แคร์โรลล์ อาจจะยังไม่เห็นผลงาน แต่ก็หวังว่า จะทำได้ดี สิ่งที่แคร์โรลล์ ต่างจากปีเตอร์ เคร้าช์ คือ เขาสามารถเล่นได้อย่างมีพลัง ไม่ผอมแห้งแรงน้อย โดนปะทะนิดเดียวก็เซ หวังว่าเขาจะทำได้อย่าง ยาน โคลเลอร์ นะ ด้าน หลุยส์ ซัวเรส ผลงานหนึ่งนัด กับอีก ครึ่งของครึ่งนัด (เอ๊ะ งงป่ะ?) หนึ่งประตู หนึ่งเสา หนึ่งคาน และทีมเวิร์คกับคนอื่นๆ ยอดเยี่ยมครับ ผมว่า ชั่วโมงนี้ ซัวเรส ทำได้ดีกว่า ตอร์เรส ด้วยซ้ำ

เอาจริงๆผมเองยังนึกไม่ออกเลย ว่าถ้าเป็น รอย ฮอดจ์สัน จะทำอย่างไร เมื่อ ตอร์เรส ขึ้นบัญชีขอย้ายทีมเยี่ยงนี้ มีอยู่แค่สองสิ่ง ที่ผมรู้สึกว่า รอย ฮอดจ์สัน ทำได้เข้าตาก็คือ หนึ่ง คว้าตัว ราอุล ไมเรเลส สอง ให้กำเนิดลูคัส เลว่า ในร่าง นักฟุตบอลที่ดีพอสำหรับ ลิเวอร์พูล ส่วนเรื่องอื่น อะไรๆมันก็ดูขัดหูขัดตาไปหมด ไม่ว่าจะการซื้อตัวแบบ ขัดใจแฟนบอล ทั้ง โพลเซ่น และ คอนเชสกี้ ที่อายุอานาม ใช้งานได้อีกไม่นาน แถมราคา ก็ไม่ใช่ว่าจะถูกนักเท่าไหร่ นี่ยังไม่นับการปล่อยตัวนักเตะดีๆ มีคุณภาพ ทั้ง อีมิเลียโน่ อินซัว และ อัลแบร์โต้ อควิลเลนี่ นะ

แต่ก็นะ ผมเองก็ไม่รู้จะว่าอย่างไร กับคำสัมภาษณ์ของ รอย ฮอดจ์สัน ที่ออกมาตำหนิแฟนบอล ว่าไม่เคยจะให้ความสนับสนุนเขา ตั้งแต่เขามาคุมทีมแล้ว ก็จะให้ทำอย่างไรล่ะครับ ประกาศเอง ขอเวลาสิบนัด สิบนัดผ่านไป แพ้ไปกี่นัดล่ะลุง ทีมตกไปอยู่รองบ๊วย แถมทำทีมได้ไร้อนาคต เหมาะสมกับอันดับในตาราง ที่ควรหนีตกชั้น มันก็ไม่แปลกหรอกครับ ที่แฟนบอลจะออกมาเรียกร้องให้เขาลงจากตำแหน่ง เพราะอยากจะพิสูจน์ตัวเองอะไรก็แล้วแต่ แต่ทีมอย่างลิเวอร์พูล ไม่ใช่ของเล่น ให้ใครมาลองผิดลองถูก แฟนบอลให้โอกาสคุณมานานแล้ว มีแค่ช่วงเดือนสองเดือนหลัง เท่านั้นแหละ ที่แฟนบอลร้องเรียกชื่อของ เคนนี่ ดัลกลิช และผมก็ว่า บอร์ดบริหาร ทั้งชุดเก่า และชุดใหม่ ของทีม ให้โอกาส ฮอดจ์สัน มามากเกินพอแล้ว และก็จริงอย่างนั้น เคนนี่ ดัลกลิช ก็คุมทีมแล้วผลงานของทีมก็ดีขึ้น เล่นดูมีอนาคต และอันดับก็ไต่เต้าขึ้นมาอยู่หัวตารางได้ ฉะนั้น ในความรู้สึกผม ฮอดจ์สัน ควรอยู่นิ่งๆดีกว่า พูดอะไรไปก็เข้าตัวเองหมด

อะ ขอเกาะกระแสหน่อยละกัน ตอร์เรสๆๆๆๆๆ
หลายคนอาจจะเบื่อ แต่ถ้าไม่รู้สิ ผมยังอยากพูดอ่ะ เรื่องทรยศทีม เรื่องเข้าใจในความเป็นมืออาชีพ เรื่องบาดหมางที่เขาย้ายทีมไปเหล่านั้น ทิ้งไว้ละกัน มาดูกันที่แค่ความสามารถของเขากันดีกว่า

ความคิดส่วนตัวของผม ผมว่า ตอร์เรส เริ่มหมดสภาพแล้วล่ะ สปีดความเร็ว ที่ไม่สามารถวิ่งแซงกองหลังได้อย่างสบายๆเหมือนแต่ก่อน แถมร่างกายก็ไม่ค่อยจะปะทะได้สักเท่าไหร่ ความทุ่มเทที่ขาดหายไป เพราะว่าเกรงว่าจะบาดเจ็บอีก หลังจากที่บาดเจ็บหนักๆเรื้อรังมาหลายครั้ง สิ่งเหล่านี้ ทำให้ความเป็นยอดดาวยิงของ ตอร์เรส ขาดหายไป นี่ยังไม่นับ ความคม ในการทำประตูอีกนะ หลายต่อหลายครั้งในซีซั่นนี้ ตอร์เรสจับบอลแล้วทำหมูหกหลายต่อหลายครั้ง (ซึ่งเกมล่าสุดที่เชลซีเตะกับฟูแล่มก็เป็นหนึ่งในนั้น) เหมือนความมั่นใจของเขา มีน้อยลง การจะคิดทำอะไรก็ดูช้าๆไป เพราะขาดความมั่นใจ ยิ่งจังหวะเลี้ยงบอลจี้ทางซ้าย หลอกจะหักเข้าในด้วยเท้าขวาแล้วกระชากออกซ้ายต่อ เดี๋ยวนี้ กระชากทีไร หายวับออกหลังทุกที หรือไม่ก็ วิ่งแซงไม่ทัน ไหนจะลูกที่เลาะตัดเ้ข้าในแล้วยิงปั่นเสาสอง เดี๋ยวนี้ ก็ลอยไปดาวอังคารโน่น ยังไม่พอ โดนกระแทกนิด กระแทกหน่อย ตอร์เรสก็พร้อมจะล้ม เพราะไม่ต้องการฝืน เรียกเอาฟาล์วดีกว่า ซึ่งบางครั้งมันก็ดู หน่อมแน้ม เกินไป

บางที การขายตอร์เรสไปด้วยราคาเป็นประวัติศาสตร์ของเกาะอังกฤษ 50 ล้านปอนด์ อาจจะเป็นอะไรที่คุ้มค่ากับทีมอย่างมากก็ได้ (นั่นหมายความว่า เชลซี โดนเราย้อมแมว) เพราะการคว้า ซัวเรส มา อาจจะเวิร์คกว่าตอนที่ตอร์เรสย้ายมาใหม่ๆซะด้วยซ้ำ เทคนิค ความเร็ว ความคม ไม่ต่างกัน สิ่งหนึ่งที่ซัวเรสมีมากกว่าคือ ทีมเวิร์ค ขณะที่ ตอร์เรส จะมีทีมเวิร์คให้กับ เจอร์ราร์ด คนเดียวเสียมากกว่า แถมยังไม่พอ เรายังได้ แคร์โรลล์ มาเพิ่มมิติในการทำเกมรุกอีกคนหนึ่งอีกด้วย



เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์