เงินซื้อความสำเร็จไม่ได้ สามล้อเลยโดนคว่ำคาบ้าน 1-0

โอ้ยฮากลิ้ง!ตอร์เรสง่อยกินหงส์บุกคว่ำเชลซี1-0

เงินซื้อแชมป์ไม่ได้ หอยคว้าน้ำเหลว พ่ายคาบ้าน 1-0

เด็กหอยแทบลงรูไม่ทัน เด็กหงส์คงโม้ข้ามปีข้ามชาติ เด็กผีเด็กปืนแอบดีด้า

ลิเวอร์พูลยุคไร้ตัวถ่วงทำผลงานชิ้นโบแดงอีกแล้วหลังบุกคว่ำเชลซีถึงสแตมฟอร์ดบริดจ์จากประตูโทนของราอูล เมเรเลสนำทีมคว้าชัย 4 นัดรวดขยับอันดับขึ้นมาอยู่อันดับ 6 ส่วนเฟร์นานโด ตอร์เรสเล่นไม่ออกถูกเปลี่ยนตัวออกหน้าแตกกันไป

วันอาทิตย์ที่ 6 กุมภาพันธ์ 2554

เชลซี 0 - 1 ลิเวอร์พูล

ประตู : 0-1 ราอูล เมเรเลส น.69


ซูเปอร์บิ๊กแม็ตช์เกมนี้แน่นอนว่าไฮไลท์อยู่ที่จูดาสอย่างเฟร์นานโด ตอร์เรสที่ประเดิมสนามเกมแรกก็มีชื่อเป็นตัวจริงทันทีเป็น 3 ประสานตอร์เรส-ดร็อกบา-อเนลก้าโดยเบียดฟลอร็องต์ มาลูด้าไปเป็นสำรองเช่นเดียวกับเดวิด ลูอิซแข้งใหม่จากเบนฟิก้า

ขณะที่ทีมเยือนลิเวอร์พูลยังไม่ส่งหลุยส์ ซัวเรซที่เพิ่งเปิดซิงประตูแรกไปในนัดกลางสัปดาห์โดยวางเดิร์ค เค้าท์เป็นหอกเดี่ยวขณะที่แผงหลังก็ส่งเจมี คาร์ราเกอร์ที่หายไปร่วม 3 เดือนจากอาการบาดเจ็บกลับมาเป็นตัวริงทันที

ครึ่งแรก

เดือดแต่หัววัน!มิเกลสอยขิงร่วง
เกมผ่านไปไม่กี่วินาทีเกมส่อเค้าเดือดเมื่อมิเกลรับใบเหลืองอย่างรวดเร็วจากการไปฟาวล์ใส่เจอร์าร์ด

มักซี่ขี้ลืมใส่พานตอร์เรสซะงั้น
2 นาทีแรกมักซี่ที่อาจจะเบลอนึกว่าตอร์เรสยังอยู่ทีมเดียวกันจ่ายพลาดให้ตอร์เรสฉกบอลไปยิงแต่บอลเหินข้ามคานออกไป

20 นาทีแรกไม่มีใครผลีผลาม
ผ่าน 20 นาทีแรกเชลซีได้ครองเกมซะเป็นส่วนใหญ่แต่ก็ยังหาจังหวะจบงาม ๆ ไม่ได้ขณะที่ลิเวอร์พูลรอจังหวะพลาดของเจ้าถิ่นซะเป็นส่วนใหญ่ โอกาสทำประตูของทั้ง 2 ทีมแทบไม่มี

ใครแทงแอ๊กเกอร์รอรับตังค์
นาที 26 เสียงเฮจากแฟนในสนามดังสนั่นเมื่อทราบผลว่าแอ๊กเกอร์คือผู้ทำฟาวล์ตอร์เรสเป็นคนแรกจากที่มีบ่อนพนันตั้งราคาให้คาร์ราเกอร์นั้นเป็นตัวเต็ง

เอ๋ออย่างหล่อบล็อคลูกยิงเพื่อนเก่า
นาที 31 เดอะค็อปได้ถอนหายใจยาว ๆ เป็นครั้งแรกของเกมเมื่อดร็อกบาได้บอลจากความผิดพลาดของลูคัสไหลให้ตอร์เรสกดเน้น ๆ แต่คาร์ราเกอร์ยังเก๋าวิ่งเข้าบล็อคได้ทัน

โล่ง ๆ 3 หลาแต่มักซี่แปไม่เข้า!!
ถัดมา 2 นาทีลิเวอร์พูลชวดได้ประตูขึ้นนำแบบสุด ๆ เมื่อเจอร์ราร์ดกึ่งยิงกึ่งผ่านเข้ามาที่เสาสองแล้วมีมักซี่ยืนอยู่หน้าประตูโล่ง ๆ คนเดียวระยะแค่ 3 หลาแต่แข้งอาร์เจนไตน์กลับแปบอลโดนหน้าแข้งเฉี่ยวคานบนไปแบบน่าเขกกบาลเป็นที่สุด

เล่นไปหงส์ชักดีกว่า
เกมผ่านไปเรื่อยๆ กลายเป็นทีมเยือนเริ่มเซ็ตเกมกันได้ดีกว่าเชลซีที่ยังเล่นได้ไม่สมกับเป็นเจ้าบ้านเท่าไหร่

ท้ายเกมสิงห์เกือบฟาดกันเอง
นาทีสุดท้ายเจ้าถิ่นหวิดวางมวยกันเองเมื่อเคลลี่ได้เปิดจากริมเส้นเข้าไปแต่อิวาโนวิชกับเช็คเหมือนไม่เข้าใจกันพยายามจะแย่งกันเล่นจนเช็คโมโหโวยอิวาโนวิชแต่สุดท้ายทั้งคู่ก็ไม่มีลงไม้ลงมือกันแต่อย่างใด ทำให้จบครึ่งแรกไปด้วยสกอร์ 0-0

ครึ่งหลัง

GJขอลองกะซวก
ผ่านไป 8 นาทีเกมของเชลซีก็ยังไม่ดีขึ้นและก็เป็นทีมเยือนกลับส่องได้ก่อนจากจังหวะที่เค้าท์ไหลให้จอห์นสันยิงไกลระยะ 20 กว่าหลาบอลโด่งข้ามคานออกไปไม่ไกล

เคลลี่เข้าพรวดเกือบบรรลัย
นาทีถัดมาเป็นเชลซีได้โอกาสบ้างจากลูกที่เคลลี่เหมือนจะไปเข้าพรวดใส่โคลแต่ผู้ตัดสินไม่เป่าจุดโทษทำให้ดร๊อกบาเก็บบอลไปยิงเองแต่บอลก็ยังไปติดบล็อกออกหลังไป

สิงห์หันมาส่องไกล-หมดเวลาตอร์เรส
นาที 65 อเนลก้าได้โอกาสลองสับไกนอกกรอบเขตโทษดูบ้างแต่บอลก็เฉี่ยวเสาออกหลังไปอีก และนาทีถัดมาอันเช่จัดการส่งกาลูลงมาแทนตอร์เรสที่ทำอะไรไม่ค่อยเป็นชิ้นเป็นอันเท่าไหร่ อีก 2 นาทีถัดมาเอสเซียงได้ลองยิงระยะเดียวกับอเนลก้าอีกครั้งแต่บอลก็ข้ามคานออกไปอีก

เมเรเลสGOAL!!!!,อีกเรสนั่งจ๋อย
และแล้วนาทีที่รอคอยของเดอะค็อปก็มาถึงในนาทีเลขสวย 69 เมื่อเจอร์ราร์ดได้เปิดบอลจากริมเส้นเข้ามาให้เค้าท์แต่เค้าท์เข้าไปถึงบอลทำให้บอลหลุดไปที่เสาสองและก็เป็นเมเรเลสได้กดผ่านเช็กเข้าไปเป็นประตูขึ้นนำ 1-0 และเป็นประตูที่ 4 ในการเล่น 5 นัดหลังสุดของมิดฟิลด์โปรตุกีสหัวเหม่งรายนี้

มาลูด้าหวิดทวงคืน
สามนาทีถัดมาเจ้าถิ่นเกือบทวงคืนได้จากมาลูด้าที่ได้หลุดขึ้นไปซัดมุมแคบแต่เรน่าปิดมุมไว้ดีทำให้พี่โจ้ยิงไปติดออกหลังไป

สิงห์ชวดจุดโทษ-เช็กเซฟช่วยชีวิต
นาที 80 เกิดเหตุการณ์สำคัญ 2 เหตุการณ์เริ่มจากบอลไปโดนแขนของลูคัสแต่อังเดร มาริเนอร์ไม่เป่าให้ท่ามกลางเสียงประท้วงของเจ้าถิ่นก่อนที่ลิเวอร์พูลจะโต้กลับโดยเค้าท์จ่ายให้ออเรลลิโอล็อคเข้าขวาก่อนกดเต็มข้อแต่เช็คยังไวปัดทิ้งไปได้

หงส์ช่วยกันบี้สิงห์ไปไม่เป็น
ท้ายเกมเชลซีพยายามลุยแหลกแต่วันนี้ผู้เล่นทีมเยือนสวมหัวใจสิงห์ช่วยกันเล่นช่วยกันไล่ตลอด ถึงแม้จะทดเจ็บ 4 นาทีแต่เชลซีก็ไม่สามารถทำอะไรได้เป็นชิ้นเป็นอันมากนัก จบเกมลิเวอร์พูลยุคไร้ตอร์เรสเก็บ 3 แต้มไปกลับเหนือเชลซีได้สำเร็จพร้อมกับทำสถิติชนะ 4 นัดรวดขณะที่เชลซีตามหลังจ่าฝูงแมนฯยูไนเต็ด 10 แต้มเท่าเดิม

รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม

เชลซี :
ปีเตอร์ เช็ก, โชเซ่ โบซิงวา(ลูอิซ น.73), บรานิสลาฟ อิวาโนวิช, จอห์น เทอร์รี่, แอชลี่ย์ โคล, มิคคาแอล เอสเซียง, แฟร้งค์ แลมพาร์ด, จอห์น โอบี มิเกล (มาลูด้า น.71), นิโกล่าส์ อเนลก้า, เฟร์นานโด ตอร์เรส(กาลู น.66), ดิดิเย่ร์ ดร๊อกบา

ลิเวอร์พูล : โฆเซ่ เรน่า, มาร์ติน สเคอร์เทล, ดาเนี่ยล แอ๊กเกอร์, เจมี่ คาร์ราเกอร์, สตีเฟ่น เจอร์ราร์ด, มาร์ติน เคลลี่, ลูคัส เลว่า , เกล็น จอห์นสัน, มักซี่ โรดริเกซ(ออเรลลิโอ น.75 ), ราอูล เมเรเลส(โพลเซ่น น.84 ), เดิร์ค เค้าท์






























_________________
สนับสนุนข่าวโดย www.lentee.com เล่นที่ดอทคอม ประกาศซื้อขายที่ฟรี พบที่ดินแปลงสวย ตลอด 24 ชม.

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์