เบอร์ 7 กับ เบอร์ 9

src=http://www.siamsport.co.th/_ImagesColumn/110203A2U02150.jpg


แม้การนำโด่งแบบยังไม่แพ้ใครของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะเป็นที่กล่าวขานกันอยู่ในเวลานี้แต่ประเด็นร้อนของ พรีเมียร์ ลีก ตอนนี้คงไม่พ้นการย้ายทีมของ เฟร์นานโด ตอร์เรส



จากฮีโร่กลายเป็นอะไรไปแล้วก็ไม่รู้ในหมู่แฟนหงส์แต่ดูจากการให้สัมภาษณ์ของดาวยิงทีมชาติสเปนแล้วคงไม่รู้สึกสะสกสะท้านเพราะมีความมุ่งมั่นที่จะประสบความสำเร็จกับทีมสิงห์บลูส์ที่เจ้าตัวมองว่าเป็นทีมที่ใหญ่กว่าสังกัดเก่านั่นเอง


และเรื่องราวก็น่าจะจบลงแค่นั้นหากว่าเกมแรกภายในเสื้อหมายเลข 9 สีน้ำเงินของ ตอร์เรส จะไม่ใช่เกมปะทะกับ ลิเวอร์พูล ในวันอาทิตย์ที่ 6 กุมภาพันธ์ นี้


และ จริงอยู่ที่การย้ายทีมน่าจะเสร็จสิ้นไปตั้งแต่วันจันทร์ที่ 31 มกราคม ทว่าการเคลียร์เอกสารยังไม่เรียบร้อยทำให้ เฟร์นานโด ตอร์เรส ไม่มีชื่ออยู่ในชุดที่ เชลซี บุกชนะ ซันเดอร์แลนด์ 4-2 ทำให้กำหนดการเปิดตัวจึงเป็นเกมในสุดสัปดาห์นี้นั่นเอง


และ ตอนเจรจาขั้นสุดท้ายกันนั้น ลิเวอร์พูล พยายามขอสัญญาลูกผู้ชายจาก เชลซี ว่าอย่าใช้งาน เฟร์นานโด ตอร์เรส ได้ไหมเพราะมันจะเป็นการทำร้ายจิตใจแฟนหงส์มากเกินไป แต่ได้รับการปฏิเสธจากทีมสิงห์บลูส์


และ ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องที่เข้าใจกันได้เพราะลงทุนไปตั้ง 50 ล้านปอนด์แล้วจะเอามานั่งดูในเกมสำคัญได้อย่างไร แต่ที่เป็นการเติมเชื้อไฟให้ลุกโชนขึ้นมาก็คือการออกประกาศว่าจะยิงประตูดับซ่าทีมเก่าของหมายเลข 9 คนใหม่นั่นเอง


และ ชั่วโมงนี้ไม่ต้องสงสัยเลยนะครับว่า เฟร์นานโด ตอร์เรส จะกลายเป็นแปลกหน้าของเหล่าเดอะ ค็อป ไปแล้วหรือยัง


และ ในส่วนของอดีตนั้นนับแต่ย้ายจาก แอตเลติโก มาดริด มาค้าแข้งในถิ่น แอนฟิลด์ เมื่อปี 2007 เฟร์นานโด ตอร์เรส สอยตาข่าย เชลซี ไป 7 ลูก โดยประตูแรกเกิดขึ้นในเกมที่เสมอกัน 1-1 ที่ แอนฟิลด์ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 16 สิงหาคม


และ นอกจากจะเป็นประตูขึ้นนำในเกมวันนั้นแล้วยังเป็นประตูแรกในสีเสื้อ ลิเวอร์พูล ของ ตอร์เรส อีกด้วย


และ และในเกมสุดท้ายที่ ลิเวอร์พูล ดวลกับ เชลซี ซึ่งเป็นการพบกันในลีกนัดแรกฤดูกาลนี้ที่ แอนฟิลด์ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 7 พฤศจิกายน 2010 ตอร์เรส ก็เหมา 2 ให้ทีมหงส์แดงชนะไปแบบสบายๆ 2-0 ด้วย


และ จึงมีคนตั้งข้อสังเกตุว่าจะเกิดอะไรขึ้นหาก ตอร์เรส ยิงประตูได้จริงๆ ในวันอาทิตย์นี้ แต่ปัญหาอยู่ว่าเขาจะได้รับโอกาสจาก คาร์โล อันเชล็อตติ หรือเปล่า


และ เพราะว่าไปแล้วเกมของทีมสิงห์บลูส์ก็ลงตัวอยู่แล้วแถมบรรดาแนวรุกเจ้าประจำก็อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ดีทั้ง ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา, นิโกล่าส์ อเนลก้า และ ฟลอร็องต์ มาลูด้า รวมไปถึง ซาโลมง กาลู ด้วย


และ ที่สำคัญเริ่มมีการเปิดประเด็นว่าหากจะใช้งานทั้ง ตอร์เรส และ ดร็อกบา พร้อมกัน อันเชล็อตติ ต้องปรับใช้แท็คติกไหน ซึ่งมีทั้ง 4-4-2, 4-1-2-1-2, 4-3-1-2 และ 4-3-3 เหมือนเดิม


และ ในระบบ 4-4-2 นั้น ตอร์เรส จับคู่กับ ดร็อกบา ในแดนหน้า ขณะที่แผงกลางอาจต้องโยก ไมเคิ่ล เอสเซียง ไปเล่นด้านขวา ขณะที่ ฟลอร็องต์ มาลูด้า ขึ้นเกมฝั่งซ้ายแล้วใช้ จอห์น โอบี มิเคล กับ แฟร้งค์ แลมพาร์ด ยืนเป็นมิดฟิลด์คู่กลาง


และ ขณะที่ 4-1-2-1-2 ก็ไม่ต่างกันมากนักเพียงแต่ปรับให้ แลมพาร์ด ขึ้นมายืนสูงอยู่หลังคู่หน้า ขณะที่ มิเคล ก็ถอยต่ำลงไปอยู่หน้าแผงหลัง


และ ส่วน 4-3-1-2 ดูเหมือนจะทดลองใช้ไปแล้วด้วยในเกมบุกชนะ ซันเดอร์แลนด์ ด้วยการถอย อเนลก้า ไปยืนเป็นกลางรุกแต่เป็น ซาโลมง กาลู ที่จับคู่กับ ดร็อกบา โดย ฟลอร็องต์ มาลูด้า หลุดเป็นสำรอง


และ ซึ่งมีความเป็นได้สูงที่ ตอร์เรส จะลงเสียบแทน กาลู แล้วที่เหลือเป็นชุดเมื่อกลางสัปดาห์ ซึ่งถ้าเป็นจริงโฉมหน้า 11 คนแรกของ เชลซี ในวันอาทิตย์นี้ก็จะเป็นดังนี้ ปีเตอร์ เช็ก - โชเซ่ โบซิงวา, บรานิสลาฟ อิวาโนวิช, จอห์น เทอร์รี่, แอชลี่ย์ โคล - ไมเคิ่ล เอสเซียง, จอห์น โอบี มิเคล, แฟร้งค์ แลมพาร์ด - นิโกล่าส์ อเนลก้า - เฟร์นานโด ตอร์เรส, ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา


และ ทว่าอย่าลืมว่า เชลซี คว้า ดาวิด หลุยส์ ปราการหลังทีมชาติ บราซิล มาจาก เบนฟิก้า อีกคนจึงอยู่ในข่ายเป็นตัวเลือกเช่นกัน แต่เชื่อว่าไม่เป็นที่สนใจมากนั้น


และ ขณะที่หากเป็น 4-3-3 เหมือนเดิมก็อาจจะเป็น อเนลก้า ที่หลุดโผแม้จะเล่นดีมากในเกมกลางสัปดาห์แล้วโยก ดร็อกบา ไปเล่นด้านขวา ตอร์เรส ยืนตรงกลางแล้วใช้ มาลูด้า เล่นฝั่งซ้าย


และ ไม่ว่า คาร์โล อันเชล็อตติ จะจัดทีมยังไงสายตาทุกคู่จับจ้องไปที่ ตอร์เรส แน่นอนว่าจะได้ลงเล่นไหม และเป็นตัวจริงหรือสำรอง


และ ขณะเดียวกัน ลิเวอร์พูล ที่ต้องกลายเป็นอดีตไปแล้วสำหรับ ตอร์เรส จะรับมือยังไง เพราะก่อนไปเยือนถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ ของ เชลซี ในช่วงหลังก็กระอักกลับมาเสมอ


และ อย่างไรก็ดีมองในมุมหงส์บ้าง การจากไปของ เฟร์นานโด ตอร์เรส น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นการสร้างทีมใหม่ซึ่งผ่านการพิสูจน์ไปแล้วในเกมกลางสัปดาห์ที่เอาชนะ สโต๊ค ซิตี้ 2-0 


และ เคนนี่ ดัลกลิช เป็นคนที่รู้ดีที่สุดว่าควรจะทำอย่างไรเพราะเขาเข้าใจทั้งสโมสรและตัวนักเตะ เพราะในอดีตเขาก็เคยทำอย่าง ตอร์เรส มาแล้วตอนที่ย้ายจาก กลาสโกว์ เซลติก มาอยู่กับ ลิเวอร์พูล ด้วยค่าตัว 440,000 ปอนด์ เมื่อปี 1977 เพื่อแทน เควิน คีแกน ที่ย้ายไปอยู่กับ ฮัมบูร์ก 


และ ตอนนั้น ดัลกลิช ยังเป็นเด็กหนุ่มที่แววดีซึ่งแน่นอน จ็อค สตีน ผู้จัดการทีมม้าลายเขียวขาวในตอนนี้ก็พยายามรั้งตัวเขาไว้สุดฤทธิ์แต่ก็ไม่สำเร็จซึ่งก็คล้ายๆ กับที่สุดท้ายเขาก็ปล่อย ตอร์เรส ไปให้ เชลซี เมื่อประเมินแล้วว่านักเตะหมดใจกับทีมไปแล้ว


และ ด้วยประสบการณ์ที่ผ่านมาแล้วทั้งสมัยเป็นนักเตะและผู้จัดการทีมทำให้ ดัลกลิช รู้ซึ่งถึงสัจจธรรมของฟุตบอล พร้อมกับประกาศลั่นว่าสโมสรต้องใหญ่กว่าผู้เล่นเสมอ


และ นักฟุตบอลมีเข้ามาแล้วก็จากไปแต่สโมสรยังยืนหยัดอยู่ทำให้ ดัลกลิช ไม่ลังเลที่จะสร้างทีมขึ้นมาใหม่ โดย แอนดรูว์ แคร์โรลล์ กองหน้าดาวรุ่งวัย 22 ปีจาก นิวคาสเซิ่ล ถูกดึงเข้ามาแทนด้วยราคาที่สูงลิ่งถึง 35 ล้านปอนด์ จนถูกมองว่าแพงเกินจริงหรือเปล่า


และ ซึ่งประเด็นนี้คงต้องให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์เพราะต่างก็มุมมองที่ต่างกันไปออกไป 


และ ทว่าสาระสำคัญคือแผนที่ต้องเปลี่ยนไปในเมื่อเป้าประสงค์ในการซื้อ หลุยส์ ซัวเรซ เข้ามาก็เพื่อมาจับคู่กับ เฟร์นานโด ตอร์เรส แต่ก็ไม่ได้แม้แต่จะลงซ้อมด้วย


และ อาจจะเทียบกันไม่ได้ระหว่างการมาของ หลุยส์ ซัวเรซ กับการจากไปของ เฟร์นานโด ตอร์เรส แต่กับการเปิดตัวนักแรกเมื่อกลางสัปดาห์ก็ส่งให้กองหน้าทีมชาติอุรุกวัยเข้าไปนั่งอยู่ในหัวใจแฟนหงส์ทั่วโลกได้แล้ว


และ ประตู 2-0 ไม่ว่าจะให้เครดิต ซัวเรซ หรือเป็นการทำเข้าประตูตัวเองของ แอนดี้ วิลกินสัน ก็ถือเป็นการเปิดตัวที่ยอดเยี่ยมของอดีตกองหน้า อาแจ๊กซ์ อัมสเตอร์ดัม


และ และทำให้ประเด็นที่หลายๆ คนวิตกกับอาถรรพ์หมายเลข 7 ดูจะคลายไปพร้อมกับมองไปในมุมบวกว่า ซัวเรซ น่าจะยิ่งใหญ่ภายใต้หมายเลขนี้เหมือนกันตำนานเก่าๆ อย่าง เควิน คีแกน, เคนนี่ ดัลกลิช และ ปีเตอร์ เบียร์ดสลี่ย์


และ หากย้อนกลับไปตั้งแต่ เควิน คีแกน ที่กลายเป็นจุดเริ่มต้นของตำนานหมายเลข 7 ตั้งแต่ปี 1971 นั้นมีหลายคนที่ได้สวมหมายเลขนี้ไล่ตั้งแต่ เคนนี่ ดัลกลิช, ไนเจล สแป็คแมน, จอห์น อัลดริดจ์, ปีเตอร์ เบียร์ดสลี่ย์, เดวิด สปีดี้, ดีน ซอนเดอร์ส, ไนเจล คลัฟ, สตีฟ แม็คมานามาน, วลาดิเมียร์ ซมิเชอร์, แฮร์รี่ คีเวลล์ และ ร็อบบี้ คีน


และ นอกจาก คีแกน, ดัลกลิช, อัลดริดจ์ และ เบียร์ดสลี่ย์ แล้วดูเหมือนว่าจะมีแค่ แม็คมานามาน เท่านั้นที่ได้รับยกย่อง ขณะที่ 3 คนหลัง ซมิเชอร์, คีเวลล์ และ คีน ไม่มีปัญหาบาดเจ็บรบกวนก็เล่นได้ต่ำกว่ามาตรฐานจนทำให้ โจ โคล ไม่กล้าใช้หมายเลขนี้พร้อมกับเลือกใส่เบอร์ 10 แทน


และ การให้เบอร์ 7 กับ หลุยส์ ซัวเรซ เชื่อว่า เคนนี่ ดัลกลิช ต้องเล็งเห็นอะไรในตัวของดาวเตะทีมชาติอุรุกวัยและมีแผนการอะไรบางอย่าง


และ เชื่อว่าแฟนหงส์รุ่นเก่าคงจะรู้และรอดูว่า คิง เคนนี่ จะพลิกฟื้นความยิ่งใหญ่ในสไตล์ เรด แมชีน หรือเครื่องจักรสีแดงที่มี เบอร์ 7 เป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญได้หรือไม่


และ ซึ่งนั่นก็อยู่ที่การตัดสินใจของเจ้าของทีมชาวอเมริกันด้วยว่าจะให้สัญญาถาวรกับเขาหรือไม่เมื่อจบฤดูกาลนี้


และ อย่างไรก็ดีเอาแค่เกมกับ เชลซี สุดสัปดาห์นี้ก่อน เคนนี่ ดัลกลิช มีงานหนักและสุดท้าทายรออยู่ เพราะนอกจากต้องรับมือกับเด็กเก่า ตอร์เรส แล้วจะทำทำยังงัยให้ลูกทีมเดินออกจากสนามแบบผู้ชนะ


และ ในฤดูกาล 1985-86 ที่ตัวเขาต้องขึ้นดำรงตำแหน่งผู้เล่น-ผู้จัดการทีมก็เคยมีความทรงที่ดีในเกมที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ มาแล้วเพราะเป็นผู้ยิงประตูชัยให้ ลิเวอร์พูล เฉือนชนะ 1-0 พร้อมกับคว้าแชมป์ ดิวิชั่น 1 มาครองได้สำเร็จ


และ นั่นเป็นเกมสุดท้ายของฤดูกาลที่ ลิเวอร์พูล เดินลงสนามด้วยความมั่นใจเพราะพลิกสถานการณ์จากที่ตามหลัง เอฟเวอร์ตัน คู่ปรับร่วมเมืองถึง 13 แต้มจนแซงกลับมาขึ้นมานำสำเร็จ


และ หลังพาทีมเก็บชัยชนะมาได้ 11 จาก 12 นัดหลังสุด ดัลกลิช เลือก 11 คนแรกซึ่งประกอบไปด้วย 1. บรูซ กร็อบเบลลาร์, 2. แกรี่ กิลเลสพี, 3. จิม เบ็กลิน, 4. สตีฟ นิโคล, 5. รอนนี่ วีแลน, 7. เคนนี่ ดัลกลิช, 8. เคร๊ก จอห์นสตัน, 9. เอียน รัช, 10. แจน โมลบี้, 11. เควิน แม็คโดนัลด์ โดยมี สตีฟ แม็คมาน เป็นสำรอง 


และ เป็นเบอร์ 7 เคนนี่ ดัลกลิช ที่ซัดประตูชัยในนาทีที่ 23 ให้ ลิเวอร์พูล เฉือนชนะ 1-0 เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 1986 ซึ่งส่งผลให้ทีมคว้าแชมป์แถมยังไปเอาชนะ เอฟเวอร์ตัน ได้อีก 3-1 ใน เอฟเอ คัพ รอบชิงชนะเลิศเลย


และ กลายเป็นฤดูกาลที่ยิ่งใหญ่ของ เคนนี่ ดัลกลิช และ ลิเวอร์พูล ไปเลย


และ จริงอยู่นั่นเป็นเรื่องในอดีตและเป็นคนละยุคกันแต่นั่นก็ทำให้พลพรรคเดอะ ค็อป แอบฝันว่าในวันที่มี คิง เคนนี่ เป็นหัวเรือใหญ่ทีมจะทำได้อีก


และ ความกดดันในวันนั้นคือถ้าแพ้ก็ไม่ได้แชมป์ซึ่งน่าจะหนักกว่าวันอาทิตย์ที่ 6 กุมภาพันธ์ นี้อีก


และ ไม่ว่า 11 คนแรกจะเป็นใคร และไม่มีหมายเลข 9 แน่ๆ เพราะ แอนดรูว์ แคร์โรลล์ ยังเจ็บต้นขา ทว่าสายตาทุกคู่ของแฟนหงส์คงจับจ้องไปที่หมายเลข 7


และ ทุกคนหวังจะเป็น หลุยส์ ซัวเรซ เดินลงสนามตั้งแต่ต้น แล้วมันจะคลาสซิคขนาดไหนถ้าเขาทำได้เหมือนเจ้านายใหญ่คนปัจจุบันเมื่อ 25 ปีที่แล้ว


และ น่าสนใจมากครับว่า เฟร์นานโด ตอร์เรส จะเบิกประตูแรกในยูนิฟอร์มของ เชลซี ได้ หรือ หลุยส์ ซัวเรซ จะยิงได้ที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์


และ เชื่ออย่างหมดหัวใจเลยครับว่าชั่วโมงนี้สำหรับเดอะ ค็อปแล้ว เบอร์ 7 ยิ่งใหญ่และสำคัญกว่า เบอร์ 9 ครับ


พิราบขาว

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์