รอคอยทอล์คฯ: นิวบู้ทรูม & โมเดิร์น เร้ด แมชชีน+นัดแรกเอฟเอคัพแพ้เพราะเอฟเอฯจัดฉาก

รอคอยทอล์คฯ: นิวบู้ทรูม & โมเดิร์น เร้ด แมชชีน

“ของดีจริงไม่ต้องใช้เวลานาน” คงเป็นคำจำกัดความที่เหมาะสมกับฝีมือการทำทีมของตำนานหมายเลขเจ็ดที่ยิ่งใหญ่ คิง เคนนี่ ดัลกลิช ครับ นับจากเกมแรกที่แทบจะไม่ได้เริ่มคุมซ้อมจริงจัง คิง เคนนี่ ก็ยังทำให้ทีมบางทีม องค์กรบางองค์กร ดิ้นพราดๆ ผจก ทีมบางคน ออกอาการเครียด เคี้ยวหมากฝรั่งจนฟันปลอมชำรุด สุดท้าย คิง เคนนี่ ประเดิมเกมแรกด้วยการตกรอบเอฟเอคัพในโกงแทรฟฟอร์ด เพราะการถูกจัดฉากให้เสียจุดโทษเร็วชิ-หาย(กรุณาอ่านออกเสียงขึ้นจมูก) และการเสียคีย์แมนอย่าง เจิด กลางคันเพราะไปแสดงอาการเหม็นเขียวหัวล้านใส่กรรมการ ฮา เกมที่สอง คิง เคนนี่ ที่เพิ่งจะได้ลองลูกทีมจริงจังในสนามว่าใครเป็นยังไง ก็ต้องพบความพ่ายแพ้อีกครั้งนอกบ้านกับทีมวิ่งสู้ฟัดอย่างแบล็คพูล ทั้งนี้เชื่อได้ว่านี่ยังเป็นอาฟเคตอร์ช็อคจากยุคก่อนหน้านี้ที่ฟอร์มนอกบ้านมักล่มปากอ่าว เอ๊ย ออกทะเลเสมอ พอมาถึงเกมที่สาม ดาร์บี้แม็ทช์ในแอนฟิลด์ คิง เคนนี่ ได้ใส่อะไรบางอย่างลงไปในทีมเดิมจนเล่นดีขึ้นมาก แต่ก้ยังไม่ดีพอจะชนะ เพราะเวลาอันจำกัดในการที่จะปลี่ยนแปลงพันุกรรมชนะไม่เป็นของทีม แต่เมื่อมีเวลาพอประมาณในการฝึกสอน และฝึกซ้อมลูกทีมในสไตล์ที่ตัวเองถนัด คิง เคนนี่ และ สตีฟ คล้าก ได้ช่วยกันปรับปรุงคาแรกเตอร์ และ วิธีการเล่นของนักเตะชุดเดิม จนสามารถเอาชนะทีม หมูป่า เอ๊ย หมาป่า วูลฟ์ นอกบ้านได้ถึง 3:0 ด้วยฟอร์มการเล่นที่ผิดหูผิดตามากมาย ผมคงไม่บรรยายข้อแตกต่างที่ดุดีขึ้นมากในเกมนั้นอีกในบทความนี้นะครับ เพราะมีคอลัมนิสต์เก่งๆในเว็ปนี้หลายท่านเขียนถึงไว้หมดแล้ว และผมก็คงบรรยายไม่ดีไปกว่าท่านเหล่านั้นแน่นอน แต่สิ่งที่ผมอยากแสดงความคิดเห็นในมุมมองของผมก็คือ สิ่งที่เกิดขึ้นในสนามเมื่อวันเสาร์ มันคือสัญยาณการเริ่มต้นอีกครั้งของ ระบบบู้ทรูม และ สไตล์การเล่นแบบ เร้ด แมชชีน เพียงแต่ถูกปรับเปลี่ยนไปตามยุคของฟุตบอลสมัยนี้เท่านั้นครับ เริ่มจากระบบบู้ทรูมสต๊าฟยุคใหม่ คิง เคนนี่ คือหัวเรือใหญ่คนเดิมในระบบนี้ รวมทั้ง แซมมี่ ลี ที่เป็นสต๊าฟบู้ทรูมยุคก่อนมาตลอด ที่เปลี่ยนแปลงไปคือ โค้ชชุดใหญ่ทีมนี้ คิง เคนนี่ เลือก สตีฟ คล้าก ที่ไม่ได้เป็นลูกหม้อแอนฟิลด์ แต่เป็นสก๊อตแมนเหมือนกันมาร่วมงานทันทีที่เขาเข้ามา ด้านฝีมือการโค้ชชิ่งนั้น สตีฟ คล้าก คืออดีตมือขวามุริณโญ่ ชุดที่ เชลซี กวาดแชมป์เป็นว่าเล่นนั่นแหละครับ คือการันตี และการที่มี สตีฟ คล้าก เข้ามาเสริมนี่เองที่ทำให้บู้ทรูมยุคใหม่มีความร่วมสมัยมากขึ้นครับ ต่อมาคือสไตล์การเล่นที่บางคนมองว่านี่แหละคือ เร้ด แมชชีน คืนชีพ แต่บางท่านที่ทันในยุค เร้ด แมชชีน ขนานแท้อาจบอกว่ามันยังไม่ใกล้เคียงยุคนั้นสักนิด อันนี้ก้แล้วแต่มุมมองครับ แต่สำหรับผม สิ่งที่นักเตะหงส์แดงชุดนี้แสดงออกในสนามเกมล่าสุด มันมีกลิ่นอาย Pass & Move ที่นักเตะเคลื่อนที่ช่วยกันต่อบอลตลอดเวลา ซึ่งเป็นหัวใจหลักในยุคเครื่องจักรสีแดง ต่ขณะเดียวกันก็มีสไตลืรับแล้วสวนกลับแบบมีโอกาสลุ้นประตูทุกครั้ง ไม่ได้เดินหน้าบุกใส่ตลอดเกม คล้ายกับสไตลืของ เชลซี ยุคมูริณโญ่ ซึ่งนี่อาจเป็นการผสมผสานระหว่างสไตล์ เร้ด แมชชีน ดั้งเดิมของ คิง เคนนี่ กับสไตล์การโค้ชชิ่งทีมแบบโมเดิร์นของ สตีฟ คล้าก เพราะจังหวะที่ ตอเรส มีบทบาทลงมาเชื่อมเกม พักบอล แล้วตวัดบอลให้เพื่อนพาเข้าเขตโทษ แล้วตัวเองไปรอเข้าฮอส มันทำให้ผมนึกถึงภาพการเล่นของ ดิดิเย่ ดร็อกบา ช่วงพีคสุดขีดในยุค มุริณโญ่ คุม เชลซีมากครับ แต่ไม่ว่าจะเป็นสไตล์การเล่นแบบใดก็แล้วแต่ ไม่ว่ามุมมองของผมจะถูกหรือไม่ แต่มีสิ่งหนึ่งที่มั่นใจได้กับสไตล์การคุมทีมของ คิง เคนนี่ ครับ ว่าเขาทำทีมเพื่อชัยชนะทุกนัดทเท่านั้นครับ และนี่คือจุดเริ่มต้นของการ “ก้าวถอยหลัง” ของหงส์แดงชุดนี้ครับ………………………………………………. แต่มันเป็น การก้าวถอยหลังบนตารางคะแนนครับ! นับจากนี้ คิง เคนนี่ และ นิวบู้ทรูมของเขาจะนำพาหงส์แดงชุดนี้ ไต่อันดับตารางคะแนนพรีเมียร์ลีกขึ้นไปเรื่อยๆครับ และสุดท้าย มันอาจดีเกินคาดหมายก็เป็นได้นะครับ