ความหวังกับทีมเยาวชน

พอดีวันก่อนเข้าไปอ่านในเว็ปฝรั่ง เห็นบทความดีๆเขาเขียเกี่ยวกับดาวรุ่ง และเยาวชน เลยอยากแปลให้คนที่สนใจนักเตะเด็กๆได้อ่าน

อังเดร วิสดอม

ในช่วงตลอด ปีครึ่งที่ผ่าน มันเป็นช่วงเวลาที่ไม่ค่อยจะเพลินกับการดูบอลของแฟนบอลลิเวอร์พูลซักเท่าไหร่ เรื่องวุ่นวายที่เกิดขึ้นตลอดระยะเวลา 18 เดือน ไม่ว่าจะเป็นการจากไปของ ราฟาเอล เบนิเตซ, คริสเตียน เพิร์สโลว์ ทำตัวมีปัญหากับผจก.ทีม สงครามในการบริหารทีม และอนาคตของทีมจึงเกิดขึ้น เพิร์สโลว์คนนี้เองที่เป็นคน แต่งตั้งยอดกุนซือในฝัน รอย ฮอดจ์สัน ซึ่ง พณฯ ท่าน เต่าล้านปี ก็ได้จัดการเซ็นยอดนักเตะในฝันอย่าง พอล คอนเชสกี้ และ คริสเตียน โพลเซ่น ซึ่งน่าประหลาดใจอย่างที่สุด ยอดกุนซือถูกปลดออกจากตำแหน่งที่ตัวเอง ฝันที่จะทำมาทั้งชีวิต และในเวลาต่อมา ก็ได้มีการแต่งตั้ง คิง เคนนี่ การมาของ เดอะ คิง ในครั้งนี้ มาพร้อมกับ ความหวัง ของเดอะค็อปทั้งโลก

และแน่นอนมันคือการ เริ่มต้นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของ ลิเวอร์พูล ฟุตบอล คลับ

ในช่วงเวลาที่มืดหม่น สิ่งที่เกิดขึ้นในความมืดย่อมมีบางสิ่งที่ทำให้เรารู้ว่า ถ้าเราไม่ยอมแพ้ ซักวันเราจะได้เจอแสงสว่าแน่นอน สำหรับผมและผมก็มั่นใจด้วยว่า หลายคนก็คิดเช่นเดียวกัน คือให้ความสนใจไปยังสิ่งอื่นที่ดูโดดเด่นขึ้นมาตอนนี้ นั่นคือ ทีมสำรอง และ ทีมเยาวชนของทีม แน่นอนที่สุดมันคงไม่ได้ทำให้เรามีความสุขไปมากกว่าชัยชนะของทีมชุดใหญ่ แต่นักเตะในทีมทั้ง 2 บางคน เราสามารถบอกได้ว่า เขาเล่นได้ดีเกินกว่าอายุ และนั่นถือเป็นแสงสว่าง แสงเล็กสำหรับผม เริ่มต้น
ตรงไหนดี? การได้ มาคุมทีมเยาวชน คงหาการเริ่มที่ดีกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว กรกฏาคม 2009 ถือว่าเป็นปรากฏการณ์ ที่ทำให้พวกเราทุกคนเกิดความหวังอันสูงสุด ลิเวอร์พูลภายใต้การคุมทีมของราฟา นำทีมจบฤดูกาลด้วยคะแนนสุดที่สุดในประวัติศาสตร์ของทีม แต่ แต่ แล้วก็ไม่สามารถคว้าแชมป์ลีก ได้ ตามหลังทีมอับดับ 1 แมนยูฯ เพียง 4 แต้ม ซึ่งต่อมาเราก็ไม่รู้เลยว่า กองกลางที่เล่นได้ดีที่สุดในฤดูกาลนั้น กำลังจัดกระเป๋าย้ายทีมไปรีล มาดริด และเราก็ไม่รู้เลยว่า ครึ่งหนึ่งของเงินในการซื้อตัวนักเตะช่วงซัมเมอร์ ถูกผู้บริหารทีมนำไปใช้ในทางอื่น (แต่เราก็เดากันได้) หลังจากที่เริ่มจะควบคุมสถานการณ์ของทีมได้ ราฟา เบนิเตซ(ที่หลายคนเกลียด ยกเว้นผู้แปล 55) ได้แต่งตั้งอดีตโค้ชทีมเยาวชนของทีม บาร์เซโล่น่า (อ่านไม่ผิดบาร์เซโล่น่า) โรดอลโฟ บอร์เรล ด้วยสัญญาจ้าง 2 ปี และยังมีอดีตผู้อำนวยการด้านเทคนิคของบาร์ซ่า โฆเซ่ เซกูร่า พ่วงมาด้วย ถือเป็นการปฏิวัติครั้งใหญ่ของทีมเยาวชนเลยทีเดียว เพราะเราได้ 2 คนนี้ถือเป็นโค้ชทีมเยาวชนที่ดีที่สุดในโลกฟุตบอล มาอยู่ในทีม พวกเขาเคยฝึกฝน นักเตะอย่าง ฟาเบรกาส, อินิสต้า, อาเตต้า และ ปิเก้ มาก่อน

โรดอลโฟ - ก่อนอื่น ผมไม่ได้มาที่นี่ เพื่อคิดถึงเกี่ยวกับนักเตะสเปนหรือ นักเตะต่างชาติ ผมมาจากทีมที่สนับสนุนการฝึกฝน การเคี่ยวเข็น กับนักเตะเยาวชนในท้องถิ่น ที่สามารถทำให้ทีมประสบความสำเร็จได้ หลังจากอ่านบทความของคนโค้ชผู้นี่แล้ว ทำให้เราอดคิดไม่ได้ว่า นักเตะเยาวชนคนไหนจะก้าวผ่านบททดสอบ ขึ้นมาเล่นในทีมชุดใหญ่อย่าง เจอร์ราด หรือ มาร์ติน เคลลี่

ภายในเวลาไม่กี่เดือนที่ โรดอลโฟ มาคุมทีม คำพูดหวานๆ ที่ไม่เคยเกิดขึ้น จากปากผู้ชายคนนี้ ก็ยังคงไม่เกินขึ้นเช่นเดิม 55

ความจริงที่ผมเห็นในทีมลิเวอร์พูล มันรับไม่ได้จริงๆ
ทีมเยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปีไม่มี กองหน้าตัวเป้า, ไม่มีความสมดุลย์ในทีม พวกเขาไม่มีเทคนิคในการเล่น และไม่มีความเข้าใจในเกมเลย
เรากำลังฝึกซ้อมอย่างหนัก แต่ว่า คุณไม่สามารถเปลี่ยนแปลงทีมในชั่วข้ามคืน
ผมคิดว่า เราพัฒนาขึ้นมาก ในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา แต่ถ้าต้องการจะเล่นให้ทีมชุดใหญ่หละก็ ยังคงต้องปรับปรุงอีกเยอะ
ผมคิดว่าถ้าเรายังฝึกซ้อมหนักแบบนี้ ภายใน 2 ปีคงจะมีนักเตะบางคนได้ขึ้นไปเล่นในทีมชุดใหญ่


เราสามารถพูดได้ว่า โรดอลโฟ ไม่พอใจกับทีมในอคาเดมี่ในตอนที่เขามารับตำแหน่งใหม่ๆนัก ความสำเร็จที่เกิดขึ้นหลังการคุมทีมเขา เลยทำให้เรารู้สึกยิ่งประทับใจมากขึ้นไปอีก

-ใครคือนักเตะที่โด่ดเด่นและเป็นความหวังของทีมในอนาคตมากที่สุดตอนนี้หนะหรอ????
- มีนักเตะที่จะสามารถทะลุขึ้นไปเล่นชุดใหญ่ ในระยะ 2 -3 ปีข้างหน้ากี่คน??

มันเป็นคำถามที่ตอบได้แน่นอน แต่ผมคิดว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดตอนนี้คือ การทำทีมของโรดอลโฟ และการฝึกฝนเทคนิค การเล่นของนักเตะแต่ละคนในทีมเยาวชน การเล่นของทีมเยาวชนตอนนี้ ยังไม่เป็นบาร์ซ่า ซะทีเดียว แต่โครงสร้างและแบบแผนของทีมนั้นพิมพ์เดียวกัน อย่างไม่ต้องสงสัย ลิเวอร์พูลตอนนี้เริ่มที่จะซื้อนักเตะแต่ในสไตร์ที่เข้ากับการทำทีมเช่นนี้ หลายๆคนที่เราเพิ่งซื้อมาผมจะเริ่มวิเคราะห์ให้ฟัง แต่ตอนนี้เราสามารถพูดได้เลยว่า ถ้าวันนึงเด็กพวกมีได้รับโอกาสในการเล่นกับทีมชุดใหญ่ พวกเราจะมีเบสิค ในการเล่นในรูปแบบที่เราต้องการ นักเตะทุกคนถูกสอนให้เล่นสไตร์ pass แล้ว move (จ่ายแล้วเคลื่อนที่ไปหาที่ว่าง) และนักเตะหลาย คนเล่นได้หลายตำแหน่งในทีม อีกด้วย ซึ่งในทางทฤษฏี แล้วพวกเขาจะมีโอกาสในการเล่นในทีมชุดใหญ่มากขึ้น มันเป็นแนวคิดเดียวกับระบบการทำทีมของเยาวชนของทีม อาแจกซ์ ที่ประสบความสำเร็จอย่างมากที่ยุค 90 นักเตะที่ทีมอาแจซ์ได้ผลิตออกมานั้น เช่น Clarence Seedorf, Patrick Kluivert, Kanu, Dennis Bergkamp, Edwin Van Der Sar, Marc Overmars, และสองพี่น้อง De Boer

ปรัชญาที่อาแจ็กซ์ใช้สามารถสรุปออกมาเป็น 4 ตัวอักษร ปรัชญานี่ถ้าคิดถึงจำนวนนักเตะที่พวกเขาผลิตออกมาแล้วคุณแทบหาข้อโต้เถียงพวกเขาไม่ไ
ด้เลย อักษร 4 ตัวที่พวกเขาใช้เป็นปรัชญาคือ T.I.P.S.

T Technique คือ เทคนิค

I Insight คือ การเข้าใจอย่างลึกซึ้ง

P Personality คือ บุคลิกภาพ

S Speed คือ ความเร็ว



ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งแรกที่เหล่าโค้ชทั้งหลาย ตอกย้ำ พร่ำสอน แก่นักเตะเยาวชน และนักเตะที่เป็นตัวเลือกของทีมก็ต้องถูกพิจารณาจาก[color=#FF0000] T.I.P.S. เป็นสำคัญ สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างในระบบการทำทีมเยาวชนของอาแจ็กซ์คือ แมวมองของทีมไม่เคยต้องเดินทางไปหาผู้เล่นเกิน 60 กม. จากอาร์สเตอร์ดัม พวกเขาเชื่อว่ามีนักเตะที่เก่งๆมากเกินพอในท้องถิ่น อีกครั้ง มันอาจจะดูเหลือเชื่อไปหน่อยแต่พวกเขาก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่ามันเป็นไปได้ จวบจนกระทั่ง อายุ 12 ปี เด็กในทีมอาแจ็กซ์จะเล่นในระบบ 3-4-3 นักเตะทุกคนจะได้เล่นทดสอบตัวเอง โดยการลงเล่นในทุกตำแหน่งเพื่อหาว่าตำแหน่งไหนเหมาะสมกับตัวเองที่สุด พอพวกเขาอายุได้ 12 ปี ระบบของทีมจะเปลี่ยนเป็น 4-3-3 ผู้อำนวยการอเคดามีได้กล่าวว่า ถึงแม้แบบการฝึกจะเป็น 4-3-3 แต่การฝึกซ้อมของทีม ระบบสามารถ ปรับให้เหมาะได้

ถ้าเรามีกองหน้าที่ยอดเยี่ยม 2 คน เราก็สามารถ ปรับมาเล่น 4-2-2 ได้ เรามีนักเตะที่มีความสามารถในการเล่นในทุกๆตำแหน่ง ทุกอย่างที่เล่นในเกมฟุตบอล มันขึ้นอยู่กับเราที่เราใช้ลูกบอลในเกมอย่างไรมากกว่า การที่ทีมของเราเป็นทีมที่มีลักษณะพิเศษนั้นมันมีรายละเอียดมากกว่าที่เห็น เช่นการปิดช่องทางการบุกของคู่ต่อสู้ ,สามารถเล่นได้หลายตำแหน่ง และการเคลื่อนที่ไปกับบอล หลายๆอย่างที่เราฝึกฝนมันทำให้เราแตกต่างออกไป

ดังนั้น แผนการเล่นเราสามารถเปลี่ยนแปลงได้ แต่หลักการปฏิบัติพื้นฐานยังคง ใช้ T.I.P.S. ถ้าเราจำกันได้ Patrick Kluivert เคยเล่นตำแหน่ง เซนเตอร์ แบ็ค และ ฟูลแบ็คในช่วงที่เขาเป็นเด็กด้วย เขาพูดว่าเพราะเขาเคยเล่นในตำแหน่งดังกล่าว ทำให้เขารู้วิถีการวิ่งของกองหลังเป็นอย่างดีในตอนที่เขาเล่นตำแหน่ง กองหน้า -,

ผมไม่ได้บอกว่า โรดอลโฟ นั้นกำลังก็อปปี้ใช้ระบบการทำทีมของทีมอาแจ็กซ์ เนื่องจากว่าทีมเยาวชนของเรา เริ่มที่จะพัฒนา เราควรเริ่มต้นทำทีมใช้มีระบบ และปรัญชาอย่างที่อาแจ็กซ์ทำ เรานำมาปรับประยุกต์ ให้เข้ากับระบบการเล่นในอังกฤษ ตอนนี้เรามีคนที่จะเป็นคนทำให้ทีมเราพัฒนาถูกคนแล้ว

ตอนนี้ผมจะพูดถึงนักเตะที่ผมคิดว่า จะมีโอกาสได้สวมเสื้อลิเวอร์พูล และเล่นต่อหน้าแฟน 45000 คน พวกเขาไม่ใช่นักเตะที่จะเป็นเพียงแค่ ตัวสำรอง 2-3 เกม และถูกขายทิ้ง ให้ทีมปลายตาราง นักเตะเหล่านี้ ถ้าพวกเขายังคงฝึกซ้อมอย่างหนัก และเรียนรู้จาก 2 โค้ชให้มากที่สุด

ตรูบอกแล้วว่า มันไม่ได้เรื่องหรอก แกบอกมาตลอดว่ามันเก่งๆ มันต้องเป็นตัวจริงแน่ แล้วเป็นไง ใครหละคราวนี้?

หลายคนกระแทกแดกดันผมแบบนี้มาตลอด ผมก็ไม่แน่ใจว่าทำไมนักเตะอย่าง Krisztian Nemeth, Lauri Dalla Valle, Mikel San Jose, Adam Pepper ,Gary Mackay Steven ถึงไม่ประสบความสำเร็จ แต่คราวนี้ผมมีความรู้บางอย่างที่ทำให้ ความคิดเกียวกับเด็กๆเหล่านี้ต่างออกไป

และนี่เป็นเหตุผลว่าทำไมถึงต่างออกไป


อังเดร วิสดอม เซ็นสัญญาจาก แบรดฟอร์ด ในปี 2007 เขาสร้างความประทับใจให้กับสต๊าฟโค้ชของทีมลิเวอร์พูลไม่น้อย เข้าย้ายมายังลิเวอร์พูลในวัยเพียง 15 ปีเท่านั้น แฟนส่วนใหญ่ที่เคยเห็นตัวจริงของเขาต้องถามขึ้นมาทันทีว่า หะ อายุ 15 ปี จริงหรอ? ไม่ใช่สูงอย่างเดียว แต่เขายังมีรูปร่างที่ ผู้เล่นเซ็นเตอร์แบ็คพึงมี หน้าอกแน่นไปด้วยกล้ามเนื้อ พร้อมทั้งเต็มเปี่ยวไปด้วยทักษะการเล่นบอล เขาเปลี่ยนตำแหน่งไปเล่นในหลายๆตำแหน่งในช่วง 3 ปีแรกกับทีมลิเวอร์พูล จากเซ็นเตอร์แบ็ค ไปยัง แบ็คขวา บางครั้งเล่นเป็นกองกลางตัวเก็บบอล โดยปกติแล้วไม่ว่า วิสดอม จะเล่นในตำแหน่งใด ก็ตามในสนามเขาดูเหมือนจะเอาชนะ ตัวประกบของเขาได้เสมอ นิตยาสาร FourFourTwo เปรียบเทียบเขากับ กองหลังที่มีรูปร่างเหมือนกับ โซล แคมเบล และการเล่นบอลเหมือน ริโอ เฟอร์ดินาน ถือเป็นคำเยินยอที่ยอดเยี่ยมสำหรับดาวรุ่งวัยเพียง 17 ปี

พฤษภาคม ปีที่ถือเป็นชั่วเวลาที่ดีที่สุดในอาชีพค้าแข้งของ วิสดอม นอกจากจะเล่นให้กับทีมลิเวอร์พูลแล้วเขา เขายังเป็นนักเตะคนสำคัญที่นำทีมชาติอังกฤษยู 17 ปี เข้าชิง กับยักษ์ใหญ่สเปน เขาเริ่มเกมได้อย่างหน้าผิดหวัง ด้วยการทำเข้าประตูตัวเองในนาทีที่ 22 อย่างไรก็ดีเขาโหม่งตีเสมอให้กับทีมใน 7 นาทีต่อมา วิสดอม ถือว่าเป็นกองหลังยอดเยี่ยมตลอดทัวนาเมนท์ เขาต้องประกบนักเตะอย่าง ปาโก อัลคาเซอร์ และ อิสโก้ ของบาเลเซีย, เกราร์ด ดูอูโลฟู ของบาร์เซโลน่า ซึ่งทำยังไงก็ไม่ผ่าน วิสดอม ตำแหน่งไหนหละที่เหมาะสมสำหรับ อังเดร วิสดอม?? ถ้าถามผมแน่นอน ต้อง เซ็นเตอร์แบ็ค เด็กหนุ่มคนนี้ ผมมั่นใจอย่างมากว่าภายใน 2 ปี เขาจะได้ลงเล่นให้ทีมชุดใหญ่ ผมหวังว่าเขาจะตัดสินใจในเร็ววันนี้ว่าตำแหน่งไหนที่เขาจะต้องเล่นตลอด 20 ปีข้างหน้า และแน่นอนการตัดสินใจครั้งนี้ก็ต้องปรึกษาโค้ช ทีมสำรองก่อน

กองหลังอนาคตไกลอีกคน คือ แดนนี่ วิลสัน เซ็นสัญญา เรนเจอร์ ในซันเมอร์ที่ผ่าน ค่าตัว 2.5 ล้านปอนด์ กองหลังชาวสก๊อต ผู้นำมาเปรียบเทียบกับอดีตยอดกองหลังของลิเวอร์พูล อย่าง อลัน เฮนเซ่น
ไม่ต้องสงสัยมันเร็วเกินไปที่จะเปรียบเทียบเขาเช่นนั้น หนุ่มน้อยถนัดซ้ายคนนี้ด้วยการเล่นบอลเยือกเย็น บวกกับความคิดที่จะผ่านบอลให้เพื่อนตลอดเวลา เขาอาจจะเปรียบเทียบได้กับ แอ็คเกอร์ หรือ
เวอร์แมเล่น ไม่ยากนัก เข้าลงเล่นเกมแรกให้กับ เรนเจอร์ ในวัยเพียง 17 ปี เท่านั้น และเขายังได้รับยกย่องให้เป็น MOTM ในเกมนั้นอีกด้วย และยังได้คำชมจากปากกัปตันทีมแรนเจอร์ เดวิด เวียร์
เขาไม่ใช่นักเตะที่หลงไปกับคำชื่นชม เยินยอ หรือเริ่มคิดว่าตัวเป็นมีชื่อเสียงแล้ว เขามีความคิดที่ติดดินมาก, เขาฟังคำแนะนำทุกๆอย่าง ผมหวังว่า เขาจะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ถามผมว่า แดนนี่ พร้อมหรือยังกับเวทียุโรป? แน่นอนเขาพร้อมแล้ว

เขาถูกเรียกไปรับใช้ทีมชาติสก๊อตแลนด์ และในเกมแรกเขาโหม่งทำประตู 1 ลูก และจ่ายให้เพื่อนยิงอีก 1 ลูก ผมไม่แปลกใจเลยว่าวันนึงเขาจะก้าวขึ้นไปเป็นกัปตันทีมชาติสก๊อตแล้ว ปัญหามันคือเขาจะทำได้เช่นนั้นกับลิเวอร์พูลหรือไม่??

ผมได้เข้าร่วมอบรมโค้ช เมื่อ 2 ปีที่แล้ว และก็ได้เจอมันคนๆนึง(เดวี่) ที่รู้จักมักจี่ กับ โค้ชของแดนนี่ ที่แรนเจอร์ โค้ชชื่อ(เคิร์กวูด) ตอนนั้น แรนเจอร์ มีวันเดอร์คิดชื่อว่า จอห์น เฟลค ผมถามเขาว่าเคิร์กวูด คิดว่านักเตะอย่าง เฟลค นั้น เก่งแค่ไหน แล้วจะไปไกลแค่ไหน???? ระหว่างสนทนาอยู่นั้น เดวี่ได้พูดขึ้นมาว่า มีเด็กอยู่คนนึงเล่นเซ็นเตอร์แบ็ค ชื่อ แดนนี่ วิลสัน คุณต้องไปดู เขาเล่นได้ดีกว่า เฟลค ที่หลายคนกำลังพูดถึงอีก

ตั้งแต่วันนั้น ผมติดตามดูผลงาน และการเล่นของเด็กที่ชื่อ แดนนี่ วิลสัน มาตลอด และเขาก็จรดน้ำหมึกกับทีมที่ผมรัก ลิเวอร์พูล ระยะแรกในชีวิตข้าแข่งที่ลิเวอร์พูลเขาถูก มาร์คไว้ว่าเป็นนักเตะเกรด บี
และถูกส่งกลับไปเล่นให้กับทีมสำรองเท่านั้น ต้องขอบคุณพระเจ้า ที่พณฯ ท่านไดโนเสาร์ที่คิดแบบนั้น ได้ถูกขับพ้นทีมออกไปแล้ว และคนที่เข้ามานั่งคุมบังเหียนแทนผู้นี้คือ คนที่ทำให้แดนนี่ตัดสินใจย้ายจากแรนเจอร์ มาลิเวอร์พูล

เกมสุดท้ายของฤดูกาลที่แล้ว เป็นเกมที่ลิเวอร์พูลต้องแข่งกับ ฮัลล์ ซิตี้ และยังเป็นเกมสุดท้ายในการคุมทีมของ ราฟา ในเกมนั้นได้โชว์เครื่องหมายในแง่บวกบางอย่างให้กับแฟนลิเวอร์พูลได้เห็น
สถิติในถิ่นแอนฟิลด์ได้ถูกทำลายลง จากการที่ แบ็คซ้าย เด็กที่เกิดลิเวอร์พูล แจ็ค โรบินสัน กลายเป็นนักเตะที่อายุน้อยที่สุด ที่ได้ลงเล่นให้กับสโมสรลิเวอร์พูล ในวัยเพียง 16 ปี กับอีก 250 วัน
นักเตะฟูลแบ็คหัวใจ สเก๊าซ์ ถูกเปลี่ยนตัวลงไปแทน ไรอัน บาเบิล และเกือบจะทำแอสซิส ให้กับตัวเองได้ มันเป็นช่วงเวลาที่เซอร์ไพรซ์ที่สุด ในชีวิตค้าแข้งของเขา บางคนเปรียบเทียบเขากับ สตีเฟ่น วอร์นอ็ค อย่าเอาไปเปรียบเทียบให้เสียเวลา แจ็ค โรบินสัน เร็วกว่า วอร์น็อค มาก, เขาวิ่งขึ้น - ลง ในสนามได้อย่างรวดเร็ว และ ฉลาด, เขาลงเล่นให้ทีม ยู 18 ปี ในวัยเพียง 16 ขวบเท่านั้น เขาเป็นหนึ่งในนักเตะที่อายุน้อยที่สุดในทีม และเป็นหนึ่งในนักเตะที่พัฒนาฝีเท้ามากที่สุดในทีมด้วย

ในปีนี้ได้เห็น โรบินสัน ขยับขึ้นมาเล่นให้กับทีมสำรอง ในวัย 17 ปี ในการที่เขาได้เล่นข้างๆกับกองหลังที่ดีๆ ไม่ต้องสงสัยเลย มันช่วยเหลือเขาได้มาก บ่อยครั้งเราจะเป็นเขาเล่นด้านซ้ายถัดจาก แดนนี่ วิลสัน ที่มีระดับการเล่นเหนือกว่านักเตะระดับทีมสำรอง การที่เล่นเคียงข้าง วิลสัน ทำให้ โรบินสันไม่ต้องกังวลกับแนวรับมากนัก สามารถใช้ความเร็ววิ่งขึ้นไปช่วยในแนวบุกได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ญหามันอยุ่ตรงที่ว่าเขาต้องใช้เวลานานเท่าไหร่ที่จะสามารถทะลุขึ้นไปเล่นให้ทีมชุดให
ญ่ได้???


พูดถึง แจ็ค โรบินสัน ยังมีอีกหนึ่ง สเก๊าซ์ ฟลูแบ็ค จอห์น ฟลานาแกน, มีสไตร์การเล่นคล้ายๆ โรบินสัน บางทีอาจจะดุดันมากกว่า และไม่ค่อยเติมเกมบุกมากเท่า โรบินสัน การที่ไม่ชอบเติมเกมบุกไม่ได้หมายความเด็กคนนี้ไม่มีดี ฟลูแบ็คที่เน้นเกมรับ ก็สามารถทำให้บ่อน้ำมัน ตื้นขึ้นได้ สไตร์การเล่นในทีมสำรอง ฟลานาแกน จะประกบตัวบุกของคู่แข่งแบบ กันไม่ปล่อย เบียด กระแซะ ทำให้ตัวประกบรำคาญ อยู่ตลอดเวลา ด้วยความเร็วที่เขามี สามารถรับหน้าที่กองหลังตัวสุดท้ายอย่างสบาย เขาอาจจะไม่ใช่นักเตะที่เล่นได้ตื่นตาตื่นใจ หรือเป็นที่จดจำง่าย อย่าง โรบินสัน นัก แต่คุณสามารถรู้สึกได้เลยว่า เด็กคนดีไม่ยอมแพ้ที่จะเป็นตัวจริงของลิเวอร์พูล ฟุตบอล คลับ ง่ายๆแน่ ผลจากการฝึกฝน, ความตั้งใจ ที่เขาทำอยู่ตอนนี้ จนถึงช่วงอายุ 19-20 ปี จะบอกเราได้ว่าเขาจะกลายเป็น Stephen Darby หรือ Stephen Warnock, หรือ Steven Gerrard เอาหละ เปรียบเทียบกับคนหลังอาจจะไม่ค่อยเหมาะนัก ดูจากความทุ่มเทของเขาแล้ว Carra น่าจะเหมาะกว่า ที่สำคัญดูเหมือนตอนนี้ โค้ชทีมสำรองอย่าง จอห์น แม็ค มาฮอน จะชื่นชอบการเล่นของเขาเอามากๆซะด้วยซิ

เขาจะสามารถขึ้นมาเล่นให้กับทีมชุดใหญ่ได้หรือไม่นั้น ยังต้องขึ้นอยู่กับปัจจัยอีกหลายอย่าง เช่น เคลลี่จะเปลี่ยนมาเล่นเป็นเซ็นเตอร์หรือป่าว? หรือ เคลลี่ยังคงจะเล่นแบ็คขวาอยู่หรือป่าว? เกล็น จอห์นสัน จะยังคงเล่นให้กับทีมลิเวอร์พูลอยู่มั๊ย? ฟลานาแกนยังต้องผ่านอีกหลายด่าน แต่ด้วยทัศนคติที่ ยอดเยี่ยม บวกกับแรงปราถนาที่จะเล่นให้กับลิเวอร์พูลของเขาแล้ว คุณจะกล้าพูดหรือว่าเขาจะทำไม่สำเร็จ
(ผู้แปล- เคยดูเด็กคนนี้เล่นในทีมสำรองแล้วต้องยอมรับว่าเกมรับเน้นมากๆ เกมรุกก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรแต่พี่แกไม่ค่อยชอบขึ้น แต่ขอบอกว่าขึ้นไปแต่ละครั้งได้ลุ้นตลอด)


สิ้นเดือนพฤษภาคม ปีที่แล้ว เยาวชนทีมชาติอังกฤษสามารถคว้าแชมป์ ยู -17 ปี มาครองได้ครั้งแรกในรอบ 17 ปี หนุ่มน้อยที่เดินขึ้นไปชูถ้วยรางวัลนั่นคือกัปตันทีมชาติยู-17 ปี และ เป็นนักเตะทีมลิเวอร์พูล ชื่อว่า โคเนอร์ คัวดี้ กองกลางตัวรับ และหัวใจหลัก ของทีมชาติอังกฤษยู-17 ปี ในทัวนาเม้นท์นั้นคำยกย่องส่วนใหญ่ตกไปอยู่กับ โคเนอร์ วิคแฮม จากทีมอิปสวิช และ จอช แม็คอิชแรน จากทีมเชลซี คัวดี้ รับหน้าที่ดูแลกลางสนาม และช่วยเซ็นเตอร์ให้เล่นง่ายขึ้น อีกทั้งจะหาจังหวะจ่ายบอลสวยๆให้กับเพื่อนในเกมบุก ไม่ว่าจะเป็นการเล่น one - two หรือจ่ายบอลยาวไปยังปีกทั้ง 2 ข้าง
สมาชิกบางคนในเว็ปบอร์ดเปรียบเทียบ คัวดี้ กับ เซอร์จิโอ้ บุสเกทส์ และ อเล็กซ์ ซง, มันเลยทำให้ผมกลับมานั่งคิด และ ตอบกับตัวเองว่า ไม่เห็นจะเหมือนตรงไหนเลย ผมวิเคราะห์ว่า ทั้ง ซง และ บุสเกทส์ รู้ถึงขอบเขตความสามารถของตัวเอง พวกเขารู้ว่าผู้เล่นในเกมบุกของทีมพวกเขานั้น เก่งกว่าพวกเขา ดังนั้นพวกเขาเพียงแต่ รับบอล และก็จ่ายไปยัง นักเตะที่สร้างเกมบุก Busquets จ่าย Xavi หรือ Iniesta, และ Song จ่าย Fabregas หรือ Nasri ผมไม่คิดว่า คัวดี้ เป็นนักเตะประเภทนั้นนะ เขาเชี่ยวชาญในการวิ่งไปช่วยในเกมบุกบริเวณ กรอบเขตโทษ ซึ่งเขาสามารถยิงประตูในระยะนั้นได้อย่างดี ถ้ามีชื่อ คัวดี้ เป็น 1 ในผู้ทำประตูของเกมหละก็ คุณพนันได้เลยว่า ลูกที่เขายิงนั้นใกล้เส้นกลางสนาม มากกว่าใกล้กรอบเขตโทษ

จากการยิงแบบนี้ คัวดี้ ยังถูกนำมาเปรียบเทียบกับ กัปตันทีมคนปัจจุบัน เจอร์ราด แต่ผมไม่คิดว่าเขาไม่มีพรสวรรค์ในการเล่นระดับเจอร์ราดมี แต่สิ่งที่เขามีคล้ายคือ ความเป็นผู้นำของทีม เขาสื่อสารได้ดี, เขาจะคอยกระตุ้นลูกทีมให้ขึ้นไปบุก เขาจะตะโกนด่า เสียๆหายๆ กับพวกที่เล่นปีกแล้วขี้เกียจ ไม่วิ่งช่วยทีม เขาเป็นนักเตะตัวอย่างของทุกคน


1 ในนักเตะที่ราฟา เซ็นสัญญาด้วย คือนักเตะสเปนที่มีอายุเพียง 16 ปี ชื่อว่า เฆซุส ซุโซ เฟอร์นานเดส การซื้อตัวครั้งนี้มีความสำคัญแค่ไหน เวลาจะเป็นตัวตอบคำถามนี้ แต่ตอนนี้ ดูเหมือนว่าการซื้อตัว ซุโซ เป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมมากๆ ครั้งหนึ่งเขาตกเป็นเป้าหมายของทั้ง รีล มาดริด และ บาร์เซโลน่า แต่ซุโซ เลือกที่จะเซ็นสัญญากับทีมลิเวอร์พูล ในเดือน มกราคม 2010 แต่เขาต้องรอถึงซัมเมอร์ เพื่อเล่นเกมแรกกับทีม ซึ่งก็ไม่ทำให้ตัวเขา และโค้ช ผิดหวังแม้แต่น้อย การเล่นของเขามีส่วนช่วยทีมอย่างเห็นได้ชัด เขาเล่นในตำแหน่ง เพลย์เมกเกอร์, สาดบอลไปทั่วสนาม ด้วยเท้าซ้ายชั่งทองของเขา การเล่นของ ซุโซ ทำให้ผมคิดถึง กูตี สมัยที่เขาเล่นในตำแหน่งนี้
การเล่นของเขาบางครั้งอาจจะดูว่า เด็กคนนี้อวดดี, -จะเป็นไงวะ- แบบชอบโชว์เทพ กับตัวประกบ กูแหละเป็นคนคุมจังหวะของเกมนี้ ถ้าพวกคุณอย่างเล่นบอลหรอ..... วิ่งตามกันเอาเองแล้วกัน (เปรียบเปรยอะ) ถ้าคุณยืนประกบห่างจะเขา เขาจะจ่ายบอลไปทั่วสนาม และถ้าคุณเขาไปประกบใกล้ๆ เขาจะหนีคุณแบบ อะไรแว็ปๆ เลยที่เดียว 555 เขาตกเป็นเป้าสายของทุกคน เขาถือว่าเป็น เพชรเม็นงามบนมงกุฏ ของทีมเยาวชนลิเวอร์พูล ถามนักเตะเยาวชนทุกคนในทีมลิเวอร์พูล ใครเป็นนักเตะที่มีทักษะมากที่สุดในทีม พวกเขาจะตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า ซุโซ ทุกคนที่ได้เห็นเขาเล่นต่างประทับใจการเล่นของเขา และต้อนนี้เขาเป็นนักเตะที่ทุกคนเฝ้ามอง และทุกคนไม่เคยถามว่าเขาจะทะลุขึ้นมาเป็นตัวจริงได้หรือไม่ เพราะคำถามคือ เมื่อไหร่ เท่านั้นเอง

ถ้า ซุโซ ได้รับโอกาสให้เล่นตำแหน่งกองหน้า เขาจะเล่นเหมือนกับกระดาษก็อปปี้จาก เดวิด ซิลวา ออกมาเลย ยอดเยี่ยมในการการพื้นที่ว่าง ที่คนอื่นไม่เห็น และก็ใช้ประโยชน์ของมันได้อย่างดี, ยอดเยี่ยมในการเลี้ยงบอล และลากบอลผ่านกองหลัง ด้วยสายตาอันแหลมคมในช่วงวินาทีสุดบ่อยครั้งจะเห็นเขาผ่านบอล ไปให้ สเตอร์ลิ่ง, ซิลวา, เอมู หรือ อิคเคิลสตัน ยิงง่ายๆ

หลายคนเคยคาดหวังแบบนี้กับ เกอร์ราโด้ บรูนา ช่วงกว่าปีที่ผ่าน จริงอยู่ บรูนา คล้ายกับ ซุโซ ตรงที่ เป็นเพลย์เม็กเกอร์รูปร่างเล็ก และ ถนัดซ้ายเหมือนกัน และขึ้นมาเล่นทีมสำรองตั้งแต่ 16 ปี แต่ดูเหมือนว่า บรูนา จะไม่สามารถทะลุขึ้นมาในทีมชุดใหญ่ได้ในตอนนี้ ซึ่งซุโซ ในวัย 17 ปี อะไรก็เกิดขึ้นได้ในอาชีพค้าแข้งของเขา ถ้าเขายังรักษาระดับการเล่นอยู่อย่างนี้ แน่นอนที่สุดเขาจะกลายเป็นนักเตะที่ดีที่สุด ต่อจาก เจอร์ราด จอห์น ฟลานาแกน กล่าวถึง ซุโซว่า ถึงเขาจะเป็นเด็ก แต่เราเล่นได้ดีมากๆ และเขาฝึกซ้อมอย่างหนักทุกวัน

อัพเดท เผื่อใครไม่รู้ เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา เคนนี่ ดัลกลิช ได้ไปดูทีมสำรองฝึกซ้อม ตอนขากลับ เคนนี่ หนีบเอา คัวดี้ และ ซุโซ ขึ้นรถตัวเองกลับมาด้วย เพื่อมาซ้อมที่ เมลวู้ด และเมื่อวานมีเกมสำรองซึ่ง โจ โคลได้ลงเล่น 45 นาที ซึ่งไม่เกี่ยว 555 ในทีมสำรองไม่มีชื่อทั้ง คัวดี้ และ ซุโซ นั่นอาจจะหมายความว่า ทั้ง 2 อาจมีชื่อในม้านั่งสำรองในเกมเจอ วูฟฟี่

ถ้าคุณเคยดูเกมลิเวอร์พูล ยู-18 ปี หละก็ คุณต้องเคยเห็นนักเตะชาวโปรตุเกส ขายาวๆ ที่เคลื่อนที่อย่างรวดเร็วทางปีกขวา เขาชื่อว่า โทนี่ ซิลวา ถือว่าเป็นเรื่องโชคดีของทีมลิเวอร์พูลที่ได้ตัวนักเตะ คนนี้มา ซิลวา เล่นให้ทีมเบนฟิก้าตั้งแต่เด็กจนอายุได้ 15 ปี เขาย้ายมาร่วมทีมในเกาะอังกฤษ เดิมทีเดียว ซิลวา ได้รับความสนใจจาก เชลซี ถึงกับเคยมาทดสอบฝีเท้าแล้ว อย่างไรก็ดี ซิลวา ไม่ต้องการที่ย้ายไปยังสโมสร ที่เขาไม่ได้รับโอกาสพัฒนาฝีเท้า นั่นเป็นความกลัวที่จะย้ายไปเชลซีของเขา ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะไปฟูแล่มแทน และในเกมแรกกับฟูแล่ม เขาต้องเดินทางมาแข่งกับ ลิเวอร์พูลที่ เมลวูด ซึ่ง ผู้อำนวยการอคาเดมีของลิเวอร์พูล แฟรงค์ แม็คพาร์แลนด์ ทันทีที่เห็น ปีกชาวโปรตุเกส ก็ประทับใจทันที และ 1 วันหลังจากนั้น เอเย่นต์ ของเขาก็ได้บอกเขาว่า ลิเวอร์พูลต้องการเซ็นสัญญากับเขา ซึ่งเป็นเรื่องง่ายมากในการตัดสินใจสำหรับซิลวา เขาอายุเพียง 15 ปี เกือบจะ 16 ปีในตอนนี้ ถูกส่งไปเล่นในทีมยู 16 ปี แต่เพียงแค่2-3 เกมเท่านั้น เพราะเขาแสดงให้โค้ชเห็นว่า เขาพร้อมแล้วสำหรับทีมยู 18 ปี ความประทับใจแรกจากเขาคือ เกมปะทะ ดาร์บี้ เคาน์ตี้ ลิเวอร์พุล ตามหลังอยุ่ 1-0 ช่วงพักครึ่ง โรดอลโฟ บอร์เรล บอกกับซิลวา ว่าถึงเวลาโชว์ฝีเท้าแล้ว เขาลงมา ซัดคนเดียวไป 2 ประตู ซึ่ง 45 นาทีหลังจากนั้น โทนี่ ซิลวา เป็นชื่อที่เรียกติดปากของทุกคน

เดฟ อัชเชอร์ ลิเวอร์พูลแฟนและนักข่าวอคาเดมี่ ประจำ Liverpool Way website ที่ได้ดูเกมนั้นด้วย เปรียบเทียบ โทนี่ ซิลวา กับ คริสเตียนโน โรนัลโด้ --- ซิลวาเองชื่อชอบและมี หลุยส์ นานี และริคาร์โด้ ควอเรสมา เป็นต้นแบบ ถึงอย่างไรก็ดี ส่วนตัว ผมค่อนข้างเอียงไปข้าง อัชเชอร์ มากกว่า ซิลวา เล่นบอลได้ direct มากกว่า นานี่ หรือ ควอเรสม่า เขาเหมือน โรนัลโด้ ตรงที่ชอบที่จะไปอยู่บริเวณกรอบเขตโทษ ของคู่ต่อสู้ ให้เร็วที่สุด คุณจะไม่เห็น flicks หรือ tricks มากนักในตัวซิลวา เขาเป็นประเภทกระหายประตู ประตูข้าใครอย่าแตะ

เขาจะได้รับโอกาสในทีมชุดใหญ่มั๊ย คำตอบคือ เป็นไปได้ทั้ง 2 หน้า เพราะผมคิดว่าเขายังไม่เก่งเท่า ซุโซ และ สเตอร์ลิ่ง แต่เขามีร่างกาย และ ความสามารถ ในตัวที่พร้อมจะพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ เขายังต้องขัดเกลาเรื่อง เทคนิค และปรับปรุงเรื่องการตัดสินใจในการเล่น

ทุกคนที่เคยดูเกม ควีนปาร์ค แรนเจอร์ ในฤดูกาลนี้ จะต้องรู้ว่า ดาวดังของทีม คือมาเวอร์ริค เอเดล ทาแรบท์ ไม่ต้องสงสัยเขาคือตัวหลักในการเลื่อนชั้นของ QPR แต่ช่วงท้ายฤดูกาลที่แล้ว ทาแรบท์เกือบจะโดนเด็กหนุ่มวัยเพียง 16 ปีชิงตำแหน่งตัวจริงไป ซึ่งถ้าไม่ใช่เพราะลิเวอร์พูล ราฮีม สเตอร์ลิ่ง น่าจะลงเล่นในเวทีแชมเปี้ยนชิฟเป็นนักเตะตัวจริงของทีม QPR ไปแล้ว ตอนที่ลิเวอร์พูล เซ็นสัญญา 200,000 ปอนด์ กับปีกดีกรีทีมชาติอังกฤษ โค้ช QPR ยอมรับว่าเขากำลังจะส่ง สเตอร์ลิ่งค์ ลงเล่น แฟนบอลลิเวอร์พูล ต่างขาดหวังและภาวนาว่า เขาจะเล่นได้ดีอย่างที่หลายคนเยินยอ เวลาผ่านไปแล้ว เกือบ 1 ปี ผลคือ สเตอร์ลิ่งค์ เล่นได้ดีเกินกว่าคำเยินยอ กล่าว

ถ้า ซุโซ เป็น เพชรในมงกุฏ หละก็ สเตอร์ลิ่งค์ คือเพชร เม็ดที่สองในมงกุฏ มันคงเร็วเกินไปที่จะพูดว่า 2 คนนี้ในอนาคต ใครจะเก่งกว่ากัน ถ้าเขายังเล่นให้ลิเวอร์พูล คงไม่มีใครแคร์กับคำถามนั้นแน่ๆ แนวทางการเล่นของทั้ง 2 คนในตอนนี้ เกือบรับประกันได้ว่า พวกเขาจะทะลุขึ้นไปเล่นในทีมชุดใหญ่ได้แน่ สเตอร์ลิ่งค์ สร้างความประทับใจให้กับแฟนและโค้ช ได้อย่างรวดเร็วในทีม ยู 16 ปี ลงเล่นในเกมปะทะ เอฟเวอร์ตั้น ยิงไป 1 ประตู และเล่นได้ดีตลอดทั้งเกม เขาเล่นในตำแหน่งปีกขวา แต่ครั้งที่เราจะเห็นเขาตัดเข้าใน และจ่ายบอลสวยๆ หรือแม้แต่ยิงประตู และก็ไม่นานเช่นเดียวกับ ซิลวา เขาถูกเลื่อนขั้นถึงมาเล่นให้ทีมยู 18 ปี เพราะเขาฉีกแนวรับของทุกทีมในยู 16 ปี ออกเป็นเสี่ยงๆ

ตอนนี้ สเตอร์ลิ่งค์ ได้ลงเล่นทั้งตำแหน่ง ปีกซ้าย และขวา ในทีม แต่ระยะหลังหลังนี้เขาจะเล่นอยู่ทางซ้ายมากกกว่า ความสามารถในการเลี้ยงออกซ้ายและขวา ของคู่ต่อสู้ทำให้เขา ยากต่อการประกบ เปรียบเทียบกับ เลนน่อน หรอ? สำหรับผมแล้วดูไม่เหมาะสมนัก อย่างแรกนะ เลนน่อนไม่เคยที่จะเล่นตำแหน่งปีกซ้ายได้ดี สไตร์การเล่นของเลนน่อนนั้น มีแต่เลี้ยงบอลกับความเร็ว และตัดเข้าหลังกองหลัง เขายังไม่ได้โชว์ผลงานให้เห็นว่าเขาทำได้ดีในตำแหน่งอื่นเลยนอกจากปีกขวา

เอฟเอ ยูธคัพ เกมล่าสุด สเตอร์ลิ่งค์ คือนักเตะที่ทำให้คู่แข่งฝั่งซ้ายหวาดผวาตลอดทั้งเกม เคลื่อนที่ด้วยเท้าซ้ายที่เขาไม่ถนัด แล้วเปิดบอลมาให้ เอ็มมิลล์สัน และ อชอร์ราน บางจังหวะเลี้ยงตัดเข้าในแล้วยิงด้วยเท้าขวาข้างถนัด , ตัวประกบแทบไม่รุ้จะทำยังไงถึงจะจับเขาอยู่ เขาสามารถที่จะไปกับบอลได้แม้มีเพียงช่องแคบๆให้ไป

สัญญาณที่บอกอยู่ตอนนี้คือ เด็กคนนี้ อีกไม่นานจะย้ายไปเล่นให้ทีมสำรอง และทีมชุดใหญ่ตามลำดับ

คนต่อไปส่งเข้าประกวดด้วยความสูง 6 ฟุต 4 นิ้ว ไมเคิล เอ็นกู แต่เขาไม่ได้เล่นสไตร์ที่เราหลายคนคาดกันไว้ ศูนย์หน้าร่างโย่งคนนี้การเล่น จะออกไปแนว คานู มากกว่า ดร็อกบ้า ในเกมที่เอ็นกูเล่นในถ้าสังเกตุดีๆ บอลที่เขาได้รับจากเพื่อนร่วมทีมนั้นส่วนใหญ่แล้ว จะมาในรูปแบบบนพื้น มากกว่าบนอากาศ จริงๆแล้ว โนเอล เบล็ค โค้ชทีมชาติอังกฤษยู 19 ปี พยายามจะให้เขาเล่นในตำแหน่งที่เบอร์ 10 เล่น คือ เล่นห่างจากกองหน้าตัวเป้านิดหน่อย - ตำแหน่งที่ทำให้ คานูเต้ โด่งดังมาแล้ว- เล่นต่ำ จ่ายบอลออกไปยังปีกทั้ง 2 ข้าง แล้ววิ่งเข้าในกรอบเขตโทษเพื่อโหม่งทำสกอร์ เอ็นกูเล่นคล้ายกับ คานู เพราะว่าเขาชอบเล่นบอลด้วยเท้าทั้ง 2ข้าง และเคลื่อนที่ได้อย่างคล่องแคล้ว ถ้าเทียบกับรูปร่างของพวกเขา และพวกเขาสามารถปรับเปลี่ยนมาเล่นเป็นตัวเป้าได้อีกด้วย

เอ็นกู ย้ายมาจาก เซาท์เอ็น ในเดือน กันยายน 2009 ด้วยค่าตัว 250000 ปอนด์ เขาเคยร่วมทดสอบฝีเท้ากับทีมอย่าง แมนยูฯ มาแล้วแต่เพราะเกี่ยงด้วยค่าตัว เอ็นกู จริงกลายเป็นเด็กหงส์ ผ่านมาแล้วปีกับอีกนิดหน่อย ช่วงเวลาที่ดีที่สุดของเขาในทีมลิเวอร์พูล เกิดขึ้นเมื่อทำทำประตูในเกมปะทะ สโต๊ก ซึ่งประตูที่เขายิงนั้น LFCTV ยกย่องให้เป็นประตูแบบที่ มาราโดน่า ชอบยิง รับบอลจากกลางสนาม เลี้ยงผ่านคู่ต่อสู้ 3-4 คน ก่อนจะยิงเข้ามุมประตู แค่ประตูนี้ประตูเดียวก็บอกได้เลยว่า เขาเป็นกองหน้าในแบบฉบับของทีมอังกฤษและเอ็นกู ลงเล่นให้ทีมชาติอังกฤษยู 19 ปี มาแล้ว 3 เกม ยิงไป 2 ประตู ในเกมแรกกับ สโลวเกีย และกับ เบลเยี่ยม 2 เดือนถัดมา

แล้วเอ็นกู จะขึ้นชุดใหญ่สำเร็จมั๊ย? ตอบยากมาก โดยส่วนตัวแล้วผมชอบการเล่นของเขามากนะ แต่ผมคิดว่าถ้าเขาต้องการจะเป็นนักเตะตัวจริงในทีมลิเวอร์พูลหละก็ เขาจะต้องเล่นให้ดุดันมากขึ้น มีความกระหายในการทำประตูมากกว่าตอนนี้ เพราะตอนนี้ เขามีความสุขกับการเป็นตัวแอสซิส มากเกินไป เขามีคุณสมบัติในการเป็นนักเตะที่เก่งได้มากกว่านี้

การได้เจ้าของทีมใหม่ครั้งนี้ ถือว่าเป็นข่าวดีมาก ต่อไปนี้ทีมเยาวชนของเราจะมีแต่พัฒนาขึ้นไปเรื่อย เพราะว่า จอห์น เฮนรี่ และพวกต่างมีความเชื่อในการพัฒนาทีมเยาวชนขึ้นมาใช้ และโดยเฉพาะยิ่งในตอนนี้ ลิเวอร์พูลกำลังมีข่าวกับ นักเตะดาวรุ่งอย่าง Conor Wickham, Marvin Sordell, Adam Barton(ได้มาแล้ว) และAlex Oxlade Chamberlain (ตอนนแรกว่าจะ แมนยู แต่ล่าสุดบอกว่ากำลังรอลิเวอร์พูลอยู่ คนนี้ เทพจริงๆ ประเภทไม่ต้อง

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์