การคืนเวทีลูกหนังของ คิง เคนนี่

src=http://www.siamsport.co.th/_ImagesColumn/110109E4L71600.jpg




 


เขาคือชายผู้เป็นความหวังของสาวก เดอะ ค็อป ว่าจะนำสิ่งดีๆที่เคยเกิดขึ้นเมื่อวันวาน กลับคืนมาสู่รังแอนฟิลด์อีกครั้ง ในช่วงเวลาซึ่งดูเหมือนทุกสิ่งจะย่ำแย่สำหรับหนึ่งในสโมสรยิ่งใหญ่ของอังกฤษอย่าง หงส์แดง ลิเวอร์พูล



 



เคนน็ธ มาธีสัน เคนนี่ ดัลกลิช กลับสู่บทบาทของการเป็นกุนซืออีกครั้ง เมื่อได้รับแต่งตั้งให้เข้าคุมทัพ เรด แมชชีน จนจบฤดูกาลนี้ แทนที่ รอย ฮ็อดจ์สัน ซึ่งแยกทางกับสโมสรไปแล้ว หลังมีโอกาสทำงานเพียงแค่ 6 เดือนเท่านั้น แต่พาทีมพ่ายในพรีเมียร์ลีกไปแล้ว 9 ครั้งในฤดูกาล และทำให้ หงส์แดง หล่นไปอยู่อันดับ 12 ของตาราง จนแฟนบอลต้องพ่นข้อความบนกำแพงเป็นการขับไล่ หลังจากเคยเรียกชื่อ คิง เคนนี่ กันลั่นสนามมาแล้ว นั่นแสดงว่าชายคนดังกล่าวเป็นตำนานที่ เดอะ ค็อป ยังเคารพ นับถือ และเชื่อใจเสมอแม้กาลเวลาเปลี่ยนไปนานแค่ไหนก็ตาม
 
src=http://www.siamsport.co.th/_PicOther/O110109B8U6P.jpg
สร้างตำนานในแอนฟิลด์ตั้งแต่สมัยเป็นนักเตะช่วงยุคทศวรรษที่ 80-90



ความจริงก่อนหน้านี้ดัลกลิชก็ไม่ได้ลาจากลิเวอร์พูลไปไหน เขากลับมารับตำแหน่งทูตของสโมสร และเข้ามาดูแลศูนย์เยาวชน ตั้งแต่กลางปี 2009 ด้วยการแนะนำของ ราฟาเอล เบนิเตซ อดีตกุนซือชาวสเปน เพราะไม่มีใครอีกแล้วที่เหมาะสมกับการเป็นภาพลักษณ์ และตัวแทนแห่งความยิ่งใหญ่ในอดีต รวมทั้งสร้างแรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่ได้ดีเท่ากับดัลกลิช ผู้นำพลพรรค หงส์แดง ครองแชมป์ลีก 8 สมัย ในเวลา 14 ปีของเขาที่แอนฟิลด์ ทั้งตอนเป็นนักเตะ และกุนซือ จนกระทั่งลาออกไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 1991

src=http://www.siamsport.co.th/_PicOther/O110109A8O9P.jpg
 นับตั้งแต่ดัลกลิชออกไป ลิเวอร์พูลก็ไม่เคยได้สัมผัสแชมป์ลีกอีกเลย



14 ปีดังกล่าวคือช่วงที่แฟนบอลลิเวอร์พูลไม่เคยลืม เป็นเวลาแห่งความสุข และความทรงจำที่ดี เพราะสโมสรไม่เคยประสบความสำเร็จอย่างมากมาย ต่อเนื่อง รวมทั้งสมภาคภูมิอีกเลยนับจากนั้น แม้อาจเคยยิ่งใหญ่มาก่อนหน้าที่ดัลกลิชจะเข้าร่วมทัพด้วยการซื้อมาจาก กลาสโกว์ เซลติก ในราคา 440,000 ปอนด์ (ราว 20.3 ล้านบาท) เป็นสถิติค่าตัวสูงสุดของสหราชอาณาจักรในช่วงเวลาดังกล่าวก็ตาม โดยระหว่างปี 1977-1991 หงส์แดง ครองแชมป์ยูโรเปี้ยน คัพ ปี 1978, 1981, 1984 แชมป์ซูเปอร์ คัพ ปี 1977 แชมป์ลีกอังกฤษฤดูกาล 1978–79, 1979–80, 1981–82, 1982–83, 1983–84, 1985–86, 1987–88, 1989–90 แชมป์เอฟเอ คัพ ปี 1986, 1989, แชมป์ลีก คัพ ปี 1981, 1982, 1983, 1984, แชมป์แชริตี้ ชีลด์ ปี 1977 (ร่วม), 1979, 1980, 1982, 1986 (ร่วม), 1988, 1989, 1990 (ร่วม)

src=http://www.siamsport.co.th/_PicOther/O110109C2P4R.jpg
ชายคนนี้เป็นแชมป์กับลิเวอร์พูล 26 รายการใน 14 ปี



ตอนแรกที่ บ็อบ เพสลี่ย์ อีกหนึ่งตำนานกุนซือ หงส์แดง ซื้อดัลกลิชมานั้น เขาถูกกดดันจากการเป็นตัวแทน เควิน คีแกน ขวัญใจคนเก่าของแฟนบอล ซึ่งย้ายไปอยู่ ฮัมบูร์ก เอสเฟา แถมยังใส่เสื้อหมายเลข 7 เหมือนกันอีก และกองเชียร์เซลติกก็ไม่พอใจเช่นกันที่ดัลกลิชทิ้งพวกเขามาอังกฤษ แมตช์แรกของเจ้าตัวกับลิเวอร์พูล คือการเสมอ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในแชริตี้ ชีลด์ ที่เวมบลียฺ 0-0 หลังจากนั้นเขาก็คือกองหน้าที่ต้นสังกัดขาดไม่ได้ แถมเป็นนักเตะยอดเยี่ยมจากสมาคมนักข่าวฟุตบอลของอังกฤษ (เอฟดับเบิ้ลยูเอ) ประจำฤดูกาล 1978-79 และ 1982-83 รวมทั้งคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมจากสมาคมนักเตะอาชีพของอังกฤษ (พีเอฟเอ) ประจำฤดูกาล 1982-83 ความเป็นผู้นำ และความสามารถของดัลกลิช ทำให้ปี 1985 สโมสรเลือกให้เขารับตำแหน่งกุนซือต่อจาก โจ เฟแกน และยังคงค้าแข้งควบกันจนกระทั่งแขวนสตั๊ดในอีก 5 ปีต่อมา

src=http://www.siamsport.co.th/_PicOther/O110109J8Q6R.jpg
การกลับมาของ คิง เคนนี่ ทำให้ เดอะ ค็อป หวนรำลึกถึงอดีตอันเกรียงไกรอีกครั้ง



ดัลกลิชลงเตะในลีกให้ลิเวอร์พูล 355 แมตช์ ยิงได้ 118 ประตู หรือรวมทุกรายการคือ 515 เกม 172 ประตู นัดสุดท้ายคือตอนเจอ ดาร์บี้ เคาน์ตี้ เมื่อ 5 พฤษถาคม 1990 ตอนนั้นเขาอายุ 39 ปีแล้ว ส่วนการเล่นให้ทีมชาติ ดัลกลิชคือเจ้าของสถิติรับใช้สกอตแลนด์มากสุด 102 แมตช์ ยิงสูงสุด 30 ประตู เท่ากับ เดนิส ลอว์ ดัลกลิชเริ่มงานโค้ชฤดูกาลแรกคือ 1985-86 เขาสามารถพาสโมสรคว้าดับเบิ้ลแชมป์ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ (ลีก กับ เอฟเอ คัพ) ฤดูกาลต่อมากลับแห้วทุกรายการ พอจบฤดูกาล 1989-90 ลิเวอร์พูลก็คว้าแชมป์ลีกหนที่ 3 ใน 5 ปีที่ดัลกลิชคุมทัพ แต่แล้ว 22 กุมภาพันธ์ 1991 เขาลาออกเโดยอ้างว่าเป็นพราะมีความกดดันมากเกินไป โดยผู้มาแทนคือ แกรม ซูเนสส์ อดีตเพื่อนร่วมทีม หงส์แดง ดัลกลิชจบสถิติคุมลิเวอร์พูล 307 แมตช์ หลังจากเสมอ เอฟเวอร์ตัน 4-4 ที่กูดิสัน พาร์ค ในศึกเอฟเอ คัพ รอบ 5 นัดรีเพลย์ เมื่อ 20 กุมภาพันธ์ ต่อมาลิเวอร์พูลตกรอบดังกล่าว เมื่อพ่าย 0-1 ในการเตะรีเพลย์อีกเกม และ อาร์เซน่อล คว้าแชมป์ลีก ดัลกลิชเป็นกุนซือยอดเยี่ยมแห่งปี 3 หนกับลิเวอร์พูลในฤดูกาล 1985-86, 1987-88 รวมถึง 1989-90





เดือนตุลาคม 1991 ดัลกลิชกลับมาคุมทีมอีกครั้ง คราวนี้ไปขุด แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส ขึ้นมาจากดิวิชั่น 2 ด้วยการเตะเพลย์ออฟชนะ เลสเตอร์ ซิตี้ 1-0 ในนัดชิงฯที่เวมบลีย์ เมื่อ 25 พฤษภาคม 1992 กุหลาบไฟ จึงได้เล่นลีกสูงสุดครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1966 จบฤดูกาล 1994-95 ดัลกลิชพาสโมสรซิวแชมป์พรีเมียร์ลีก ซึ่งเป็นการครองตำแหน่งครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1914 ของแบล็คเบิร์น และทำให้เขาทำสถิติกุนซือคนที่ 3 ในประวัติศาสตร์ที่คุมทัพเป็นแชมป์อังกฤษกับ 2 ค่าย ถัดจาก เฮอร์เบิร์ต แชปแมน (อาร์เซน่อล กับ ฮัดเดอร์สฟิลด์ ทาวน์) และ ไบรอัน คลัฟ (ดาร์บี้ เคาน์ตี้ กับ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์) เขายังเป็นกุนซือยอดเยี่ยมแห่งปีอีกหนด้วย หลังจากนั้นถูกเลื่อนไปนั่งแท่นผู้อำนวยการฝ่ายฟุตบอล และ เรย์ ฮาร์ฟอร์ด กุมบังเหียนแทน แต่ฤดูกาลต่อมาก็ลาออกในเวลาใกล้เคียงกับที่ อลัน เชียเรอร์ ย้ายไป นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ซึ่งดัลกลิชได้คุมทัพดังกล่าวแทนคีแกนเมื่อเดือนมกราคม 1997

src=http://www.siamsport.co.th/_PicOther/O110109H9Q8R.jpg
เคยคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกกับแบล็คเบิร์นมาแล้วเมื่อปี 1995



ดัลกลิชพา สาลิกาดง จบฤดูกาล 1996-97 ด้วยการเป็นรองแชมป์พรีเมียร์ลีก แต่ปีต่อมากลับจบด้วยอันดับ 13 ซึ่งเป็นอันดับแย่สุดตั้งแต่พวกเขาเลื่อนชั้นกลับสู่พรีเมียร์ลีกในปี 1993 แต่พวกเขาได้เข้าชิงเอฟเอ คัพ หนแรกในรอบ 24 ปี ก่อนพ่าย อาร์เซน่อล ซึ่งได้ดับเบิ้ลแชมป์ ต้นฤดูกาล 1998–99 กุนซือรายนี้โดนไล่ออกหลังทำงานได้ 20 เดือน เพราะเสมอ 2 แมตช์แรก คนรับช่วงต่อชื่อ รุด กุลลิท ซึ่งเกมแรกที่มาแทนดัลกลิชก็พ่ายลิเวอร์พูลคาบ้าน 1-4 ช่วงนั้นดัลกลิชโดนตำหนิมากเรื่องการซื้อนักเตะผิดพลาดหลายราย เช่น อันเดรียส์ อันเดอร์สสัน, อเลสซานโดร ปิสโตเน่ รวมถึงการนำเอา เอียน รัช กับ จอห์น บาร์นส์ ลูกน้องเก่าสมัยอยู่ลิเวอร์พูล มาร่วมงานในถิ่น เซนต์ เจมส์ พาร์ค ด้วยวัย 35 และ 33 ปี ตามลำดับ กลางปี 1999 ดัลกลิชกลับสกอตแลนด์ เพราะได้เป็นผู้อำนวยการฝ่ายฟุตบอลของเซลติก

src=http://www.siamsport.co.th/_PicOther/O110109D4Q3K.jpg
เคยไปคุมนิวคาสเซิ่ลอยู่ช่วงหนึ่ง แต่ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร



ที่นี่เองดัลกลิชยิ่งเสียชื่อหนักกว่าเดิม เพราะตั้งบาร์นส์เป็นกุนซือ และทำผลงานห่วย หลังตกรอบแรก สกอตติช คัพ เพราะพ่าย อินเวอร์เนสส์ คาเลโดเนี่ยน ธิสเทิ่ล คาบ้าน 1-3 เขาก็โดนไล่ออกในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2000 ดัลกลิชรับงานแทนกระทั่งจบฤดูกาล พาเซลติกคว้าแชมป์ลีก คัพ แต่ก็โดนยกเลิกสัญญาช่วงกลางปีหลังจาก มาร์ติน โอนีล เข้ามาเป็นกุนซือ จึงมีการฟ้องร้องกันในเวลาต่อมา ดัลกลิชถูกทาบทามจากหลายสโมสรหลังจากนั้น รวมถึงลิเวอร์พูล กับทีมชาติสกอตแลนด์ เมื่อปี 2004 แต่ต้องรออีก 5 ปีกว่าจะกลับสู่แอนฟิลด์ด้วยฐานะทูต และผู้อำนวยการศูนย์เยาวชน หลังการพ้นตำแหน่งของเบนิเตซ ก็มีหลายเสียงสนับสนุนให้ดัลกลิชคุมทัพ แต่กลายเป็นฮ็อดจ์สันที่ได้งานแทน อย่างไรก็ตาม 6 เดือนต่อมา หงส์แดง ต้องแต่งตั้งเขามาช่วยกู้สถานการณ์ เพราะเสี่ยงต่อการจบฤดูกาลด้วยอันดับที่แย่สุดตั้งแต่อยู่บนลีกสูงสุดมานาน 49 ปี

src=http://www.siamsport.co.th/_PicOther/O110109F5U3M.jpg
กลับมาเป็นทูตของสโมสร และดูแลศูนย์เยาวชน ตั้งแต่กลางปี 2009



เขาอาจร้างเวทีไปนาน และสภาพแวดล้อมของลิเวอร์พูลตอนนี้ก็ไม่ค่อยเอื้ออำนวยให้กุนซือทำงานได้อย่างง่ายๆ แต่ถึงอย่างไรเกียรติประวัติของชายคนนี้ไม่ใช่ธรรมดา เพราะเขาคือ คิง เคนนี่ แห่งแอนฟิลด์ และแฟนบอลต้องติดตามกันต่อไปว่า คิง คนนี้ จะพาทั้งตัวเอง และสโมสร คัมแบ๊ก กลับมาได้สำเร็จหรือไม่ หรือกลายเป็นกุนซือตกยุค ที่มา คั่นเวลา ก่อนมีการแต่งตั้งโค้ชคนใหม่ช่วงกลางปีกันแน่ แถมความคาดหวังตอนนี้ยังมากกว่าสมัย 20 ปีก่อน หรือช่วงอยู่นิวคาสเซิ่ลหลายเท่า


...ขอต้อนรับกลับสู่เวทีพรีเมียร์ลีกอีกครั้ง สำหรับตำนานผู้ยิ่งใหญ่ของวงการที่ชื่อ เคนนี่ ดัลกลิช

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์