ไก่แสบ!เลนน่อนซัดแซงดับหงส์ทดเจ็บ2-1

       อารอน เลนน่อน ซัดประตูชัยช่วงทดเจ็บ ให้ สเปอร์ส แซงเอาชนะ ลิเวอร์พูล 2-1 มาร์ติน สเคอร์เทล ซัดให้ลิเวอร์พูล รวมทั้งทำเข้าประตูตัวเอง ศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อคืนที่ผ่านมา


ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ
สเปอร์ส 2 - 1 ลิเวอร์พูล



สนาม : ไวท์ ฮาร์ทเลน


 
     สงครามแข้งของสองสัตว์ปีกที่ไวท์ ฮาร์ทเลน สเปอร์สได้ราฟาเอล ฟาน เดอร์ ฟาร์ทดาราตัวเก่งที่วืดศึกแชมเปี้ยนส์ลีกนัดขยี้เบรเมนฟิตลงเล่น แต่เจอร์เมน เดโฟที่ต้องเช็คฟิตก่อนเกมเช่นกันถูกจับนั่งเป็นตัวสำรองให้ปีเตอร์ เคราช์ลงสนาม
 
     ด้านลิเวอร์พูลยังไม่มีสตีเว่น เจอร์ราร์ดที่บาดเจ็บ แต่ลูคัสพ้นโทษแบนกลับมาแย่งตำแหน่งคืนไปจากคริสเตียน โพลเซ่น
 
     สเปอร์สอาศัยลูกเจ้าถิ่นเปิดเกมลุยก่อน และได้เสียวในนาทีที่ 5 จากการลากเลื้อยขึ้นกราบขวาของอาร่อน เลนน่อนที่หนีพอล คอนเชสกี้ได้แล้วตักบอลจากเส้นหลังเข้าเขตโทษให้ลูก้า โมดริชวอลเลย์ระยะ 15 หลา ทว่าบอลตกพื้นก่อนจะกระดอนไปให้โฆเซ่ เรน่ารับ
 
     จากนั้นในนาทีที่ 9 ก็เป็นโอกาสของลิเวอร์พูลบ้างเมื่อกองหลังตราไก่เล่นกันหละหลวมทำให้มักซี่ โรดริเกซสบช่องเข่นในกรอบเขตโทษด้านซ้าย ส่งบอลพุ่งหลุดเสาไกลไปอย่างน่าเสียวไส้
 
     ผ่านมาอีกสามนาที เจ้าบ้านก็เจอข่าวร้าย ฟาน เดอร์ ฟาร์ทมีอาการบาดเจ็บกำเริบเล่นต่อไม่ไหว จำต้องเดินเข้าอุโมงค์ให้เดโฟลงไปบู๊แทน
 
     หลังจากนั้นในนาทีที่ 14 โมดริชก็อาศัยทีเผลอที่แนวรับหงส์แดงยืนขาตายกันหมดไม่ไล่บอล ตามไปตวัดจากเส้นหลังด้านซ้ายเข้าเขตโทษให้เดโฟเอี้ยวตัววอลเลย์จาก 14 หลา แต่ไม่เหนือบ่ากว่าแรงที่เรน่าจะรับได้
 
     สถานการณ์โดยรวมยังสูสีสุดขีดสามารถออกได้ทุกหน้า และนาทีที่  18 ก็เป็นเร้ด แมชีนที่น่าจะนำเช่นกันจากการกระชากบอลขึ้นทางซ้ายของเฟร์นานโด ตอร์เรสก่อนจะป้ายเข้ามาหน้าเขตโทษให้มักซี่กดเต็มข้อ ถูกเอเรลโญ่ โกเมซพุ่งปัดหลุดเสาสองได้อย่างเฉียดฉิว
 
     นับจากนั้นก็เป็นทีมเยือนที่กดดันเจ้าบ้านเป็นระลอก ทำเอาแนวรับตราไก่ต้องเตะทิ้งเตะขว้างหลายต่อหลายครั้ง กระทั่งนาทีที่ 24 ราอูล เมยเรเลสกองกลางลิเวอร์พูลก็โดนจดชื่อในจังหวะสไลด์ใส่แกเร็ธ เบลที่เตรียมควบบอลหนีเล่นลูกโต้กลับ
 
     จวบจนนาทีที่ 29 เบลก็ได้โชว์สปีดควบบอลจากกลางสนามขึ้นมาจนถึงหน้าเขตโทษด้านขวา ทำให้คอนเชสกี้ต้องรวบล้มพร้อมรับใบเหลือง แต่ทีมตราไก่ก็ใช้ประโยชน์จากลูกฟรีคิกไม่สำเร็จ
 
     ล่วงมาอีกสองนาที สเปอร์สน่าจะสอยตาข่ายได้เมื่อโมดริชรับลูกทุ่มจากด้านขวาแล้วตวัดจากเส้นหลังเข้ามาโดยเรน่าพลาดล้มตัวรับหลุดมือ เดโฟจึงวิ่งเข้าซัดจากหกหลา แต่เจมี่ คาร์ราเกอร์พุ่งเข้าบล็อคได้เยี่ยม
 
     ดวลกันมาถึงนาทีที่ 36 เจ้าบ้านก็โชคร้ายอีกเมื่อยูเนส กาบูลเข้าบล็อคลูกยิงของตอร์เรสจากหน้าเขตโทษแล้วมีอาการบาดเจ็บ แถมเล่นต่อไม่ได้เลยเดินออกไปอีกคนโดยมีเซบาสเตียน บาสซงถูกส่งลงเล่นเป็นตัวสำรองรายที่สอง
 
     นาทีที่ 40 หงส์แดงเกือบนำอีกครั้งจากลูกยิงไกลของเมยเรเลสที่โกเมซทิ้งตัวปัดหลุดกรอบไปแบบเส้นยาแดงผ่าแปด
 
     กระนั้นในนาทีเดียวกันนี้ เจมี่ คาร์ราเกอร์ก็ต้องสังเวยใบเหลืองเมื่อเข้าเหนี่ยวโมดริชล้มในจังหวะที่มิดฟิลด์เจ้าถิ่นควบบอลโต้เร็วขึ้นมาจากแดนกลาง
 
     ในที่สุดอีกสองนาทีต่อมา สาวกไก่ก็คอตกจนได้เมื่อลิเวอร์พูลได้ลูกฟรีคิกเลยกึ่งกลางสนามขึ้นมาเล็กน้อย เมยเรเลสจึงรับหน้าที่ตักเข้าเขตโทษโดยมาร์ติน สเคอร์เทลขึ้นโขกไปกระทบดาวิด เอ็นก๊อกพวกเดียวกันเอง แต่กลายเป็นดีบอลตกมาให้เซ็นเตอร์ฮาล์ฟเร้ด แมชีนซัดจากสิบหลาไม่เหลือพาทีมจากเมอร์ซีย์ไซด์บุกมานำ 1-0
 
     เท่านั้นไม่พอ ช่วงทดเวลาเจ็บทีมเยือนน่าจะหนีไปอีกเม็ดเมื่อตอร์เรสหมุนตัวผ่านบอลคืนให้มักซี่หลุดเดี่ยวเข้าเขตโทษ แต่ดาวเตะอาร์เจนไตน์เงื้อง่าราคาแพงพยายามดึงจังหวะหลอกให้โกเมซทิ้งตัวก่อน แต่สุดท้ายตัวเองกลับทำบอลหลุดเท้าเลยชวดสับไก โดนโกเมซพุ่งมาตะปบแทบเท้า
 
     อย่างไรก็ดี เกมทะลุทะลวงของลิเวอร์พูลอันตรายกว่าแล้ว และถัดมาตอร์เรสสบโอกาสควบบอลหลุดเดี่ยวเข้าเขตโทษด้านซ้าย แต่จังหวะง้างไกถูกบาสซงไล่กวดมาสไลด์ทิ้งได้อย่างหวุดหวิด จบครึ่งแรกทีมเยือนจึงนำหน้า 1-0
 
     เปิดฉากครึ่งหลังมาได้สองนาที โมดริชครองบลหลวมแถวกลางสนาม เลยโดนลูคัสแทงจังหวะเดียวให้ตอร์เรสกระชากหลุดเข้าเขตโทษทางขวา แต่ก่อนที่หอกสแปนิชจะได้เผด็จศึกก็ถูกบาสซงตามมาสไลด์ทิ้งอีก
 
     นับจากนั้น สเปอร์สก็โหมบุกหนัก และน่าจะตีเสมอได้ในนาทีที่ 52 จากการวางบอลยาวทางกราบขวาของเลนน่อนที่เรน่าขยับออกมาปัดไม่ขาด เลยโดนเบลกระทุ้งสวน แต่เมยเรเลสที่คุมเส้นประตูอยู่โขกทิ้งออกมาได้
 
     กระนั้นนาทีที่ 61 ทีมตราไก่ก็มาได้ลูกฟรีคิกระยะ 28 หลาจากจังหวะที่เดโฟโดนคาร์ราเกอร์ขวางทางไป  เบลจึงวิ่งเข้าซัดแล้วเอ็นก๊อกที่ยืนเป็นกำแพงอยู่ในเขตโทษยกสองแขนขึ้นบล็อค ทำให้ทีมเมืองกรุงได้ลูกโทษ และสเคอร์เทลที่โวยวายใส่ผู้ตัดสินได้ใบเหลือง แต่เดโฟทำเสียของสังหารออกนอกกรอบไปเอง
 
     เกมยังมีลุ้นต่อไปด้วยกันทั้งคู่ แต่นาทีที่ 65 โมดริชอาศัยความคล่องลากบอลขึ้นทางซ้ายแหวกเข้าเขตโทษได้จึงจิ้มต่อมาหน้าประตูหมายให้เคราช์เข้าฮอส แต่สเคอร์เทลทิ้งตัวสกัดผิดเหลี่ยมทำให้บอลตุงตาข่ายตัวเองที่เสาแรกเป็นประตูตีเสมอ 1-1 ของเจ้าบ้าน
 
     ถึงตรงนี้ ทั้งสองฝ่ายต่างเน้นบุกหวังเก็บสามแต้มให้ได้ทำให้กองเชียร์ของทั้งสองทีมได้ลุ้นพอกัน และถึงนาทีที่ 74 เร้ด แมชีนก็เปลี่ยนเอ็นก๊อกที่เริ่มเดี้ยงออกให้ฟาบิโอ ออเรลิโอลงไปแทน
 
     นาทีสุดท้าย สเปอร์ส น่าได้ประตูชัย อารอน เลนน่อน ขึ้นชงให้ เดโฟ ซัดแสกหน้า เรน่า เข้าไป แต่ว่าล้ำหน้าไปก่อน
 
     แต่แล้วในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ แฟนเจ้าถิ่นก็ได้เฮลั่น เมื่อ อารอน เลนน่อน หลุดเขาไปซัดให้เจ้าถิ่นแซงนำ 2-1 แล้วก็เป็นประตูชัยให้ สเปอร์ส เอาชนะ ลิเวอร์พูล ไป 2-1
 
     รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

     สเปอร์ส :
เอเรลโญ่ โกเมส, อลัน ฮัตตัน, วิลเลี่ยม กัลลาส, ยูเนส กาบุล, เบอนัวต์ อัสซู-เอก็อตโต้, อารอน เลนน่อน, วิลสัน ปาลาซิออส, ลูก้า โมดริช, แกเร็ธ เบล, ราฟาเอล ฟาน เดอร์ ฟาร์ท, ปีเตอร์ เคร้าช์

     สำรอง :
คาร์โล คูดิชินี่, โรมัน พาฟลิวเชนโก้, เจอร์เมน เดโฟ, เซบาสเตียง บาสซง, นิโก้ ครานชาร์, เวดราน ชอร์ลูก้า, ซานโดร
 
     ลิเวอร์พูล :
โฆเซ่ เรน่า, เกล็น จอห์นสัน, เจมี่ คาร์ราเกอร์, มาร์ติน สเคอร์เทล, พอล คอนเชสกี้, ราอูล เมยเรเลส, ลูคัส เลว่า, มักซี่ โรดริเกซ, เดิร์ค เค้าท์, เฟร์นานโด ตอร์เรส, ดาวิด เอ็นก็อก

     สำรอง :
แบร๊ด โจนส์, ฟาบิโอ ออเรลิโอ, มิลาน โยวาโนวิช, โซติริออส คีร์เกียคอส, ไรอัน บาเบิล, คริสเตียน โพลเซ่น, จอนโจ เชลวี่ย์ 
 
     ผู้ตัดสิน :
มาร์ติน แอ็ตกินสัน

ขอบคุณข่าวสยามกีฬา


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์