3 ปีนรก โดย เอกราช เก่งทุกทาง

ความวุ่นวายในทีมลิเวอร์พูลถือเป็นเรื่องใหญ่ของ วงการฟุตบอลอังกฤษ ไม่ว่าผลการพิจารณาคดีว่าจะขายสโมสรได้-ไม่ได้ จะออกมาอีท่าไหน มันก็ยังมีประเด็นให้พูดกันต่ออีกนานว่า ทีมอย่างหงส์แดงปล่อยให้ตัวเอง ตกที่นั่งลำบากขนาดนี้ได้ยังไง อนาคตข้างหน้าจะดีขึ้นอย่างที่หวังหรือเปล่า

แน่นอนว่าจุดเริ่มต้นยุคมืดย่อมถูกมองว่าสตาร์ตจากการเข้ามาเทกโอเวอร์ของทอม ฮิคส์-จอร์จ ยิลเลตต์ สองมหาเศรษฐีอเมริกัน เมื่อปี 2007 คู่นี้ซื้อทีมไปด้วยราคาประมาณ 218.9 ล้านปอนด์ หลังจากคู่แข่งดูไบ อินเตอร์เนชั่นแนล แคปปิตอล ขอถอนตัว

ตอนนั้นใคร ๆ ก็คาดหวังว่า ฮิคส์กับยิลเลตต์จะเป็นฮีโร่ และแทบจะไม่มีความคิดเลยว่า สถานการณ์จะกลับตาลปัตรสู่ความ เลวร้ายภายในเวลาเพียง 3 ปี

สองเศรษฐีพลาดได้ยังไง ในเมื่อแต่ละคนต่างก็มีประสบการณ์ทำธุรกิจมาโชกโชน ทอม ฮิคส์ เคยเป็นเจ้าของทีมฮอกกี้น้ำแข็ง เท็กซัส เรนเจอร์ส กับดัลลัส สตาร์ ยิลเลตต์เคยซื้อทีม มอนทรีออล แคนาเดี้ยนส์ และรุ่งกับธุรกิจการสื่อสาร มีสถานีโทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ รวมทั้งลงทุนตั้งบริษัทผลิตอาหารร่วมกับฮิคส์ ก็ไปได้ดีแท้ ๆ

นักธุรกิจระดับนี้ไม่น่าจะทำทุกอย่างพังภายใน 3 ปี

มันคงมีเหตุผลหลายอย่างประกอบกัน ทั้งเรื่องแนวทางการบริหาร บวกผลงานในสนามที่ไม่เข้าเป้า

ฮิคส์กับยิลเลตต์กู้เงินจาก RBS รอยัล แบงก์ ออฟ สกอตแลนด์ มาซื้อทีม โดยหวังจะทำกำไรได้ในอนาคตจากธุรกิจในสนามและนอกสนาม

ถ้าลิเวอร์พูลรุ่ง ผลงานดีในพรีเมียร์ลีกกับแชมเปี้ยน'ส ลีก ตัวเลขส่วนแบ่งจากลิขสิทธิ์ทีวี ค่าผ่านประตู การขายสินค้า ย่อมมาเป็นกอบเป็นกำ แต่นับจากปี 2007 ที่ฮิคส์กับยิลเลตต์เข้ามาเทกโอเวอร์ หงส์แดงกลับไม่ได้แชมป์อะไรเลย แม้จะเข้าชิงแชมเปี้ยน'ส ลีกก็แพ้คู่ปรับเก่า เอซี มิลาน พรีเมียร์ลีกฤดูกาล 08-09 อาจจะได้รองแชมป์ แต้มแพ้แมนฯ ยูฯ สูสี แต่รวม ๆ แล้ว ทั้งหมดก็เหมือนสูญเปล่า ไม่เข้าเป้าอย่างที่หวัง

ที่สำคัญ ฮิคส์กับยิลเลตต์ดันมีปัญหากับกุนซือราฟา เบนิเตซ รวมทั้งริค แพร์รี่ ผู้บริหาร ซึ่งเป็นสองคนที่แฟนบอล ให้ความเชื่อถือมาตลอด

แฟนลิเวอร์พูลค่อย ๆ สะสมความเกลียดชังเจ้าของทีม เมื่อบวกกับความผิดหวังที่ทั้งคู่ไม่ทำตามสัญญาที่ให้ไว้ เรื่องจะสร้างสนามใหม่และจะไม่เข้ามาก่อหนี้สินให้สโมสร สุดท้ายมันก็เลยบานปลายจนจบแบบวงแตกอย่างที่เห็น

ฮิคส์กับยิลเลตต์ล้มเหลว แต่หากเปลี่ยนเจ้าของเป็นนิวอิงแลนด์ สปอร์ตส เวนเจอร์ (NESV) ทุกอย่างจะดีขึ้นจริงหรือ ?

โอเคว่า NESV มีเงินสดเข้ามาอัดฉีด ตัวเลขที่ซื้อ 300 ล้านปอนด์ ก็ถือว่าใช้ได้ แถมยังเคยบริหารทีมบอสตัน เรดซ็อกซ์ คว้าแชมป์เบสบอลเวิลด์ซีรีส์ 2 หน ในรอบ 6 ปีหลังมาแล้ว

แต่แฟน ๆ บางส่วนก็เสียวอยู่ดี เพราะมันก็บริษัทอเมริกันเหมือนกัน คนอเมริกันบริหารทีมฟุตบอลอังกฤษไม่เคยไม่มีปัญหา กระทั่งตระกูลเกลเซอร์ที่ทำแมนฯ ยูไนเต็ด ก็ก่อหนี้มากมาย ถ้าไม่ได้เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ค้ำทีมไว้ อาจจะเละตุ้มเป๊ะ ส่วนแรนดี้ เลิร์นเนอร์ ของแอสตัน วิลล่า ก็เขี้ยวจนกุนซือมาร์ติน โอ'นีล ต้องลาออกไปเมื่อเร็ว ๆ นี้

อนาคตของลิเวอร์พูลคงอึมครึมไปอีกซักพักแหละครับ


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์