กับดักของ มูรินโญ่ และ ความประมาทของหงส์แดง

กับดักของ มูรินโญ่ และ ความประมาทของหงส์แดง

ต้องถือว่า นาทีนี้ ศึกแดงเดือด กร่อย
แต่ ศึกระหว่าง ตาเหม่งราฟา กะ เฮียเครียด นี่เต็มไปด้วยอรรถรสจริงๆ


ก่อนเริ่มเกมบิ๊กแมตซ์เมื่อวันอาทิตย์ ผมมีลางสังหรณ์แปลกๆว่า น่าจะถึงเวลาที่เชลซีจะเอาคืนลิเวอร์พูลได้ซะที

พร้อมกับสังหรณ์ว่านัดนี้ เชลซี ไม่ได้มาอุดแน่ๆ

ทั้งๆที่กระแสคนที่ติดตามฟุตบอล ต่างคนต่างคิดว่า ลิเวอร์พูลจะทำได้ดี และน่าจะ เอาชนะเชลซีในเกมนี้ได้ หลังจากที่โชว์ฟอร์มเด่น ใน UCL กลางสัปดาห์

แต่ฟุตบอล สมัยนี้ ไม่มีอะไรแน่นอนครับ เหมือนกับผลที่ออกมา ไม่มีใครคาดคิดว่า ลิเวอร์พูลที่เล่นเกมรัดกุมมากๆและเชลซีที่ไม่นิยมเปิดเกมบุกแลก จะลงเอยที่ความพ่ายแพ้ของเจ้าบ้าน 1-4

ก่อนอื่นจะขอเท้าความไปถึง UCL นัดที่น่าจะชนะของหงส์แดงว่ามันเกิดอะไรขึ้น และทำไม หงส์แดง เล่นใน UCL อย่างเหนือชั้นกว่า กลับต้องแพ้เละเทะในเกมลีก

เกมกลางสัปดาห์ที่แอนฟิลด์ เชลซี บุกมาเยือนอย่างรัดกุม เนื่องจาก UCL รอบแบ่งกลุ่มมีเกมให้เล่นเพียง 6 นัด ที่จะต้องเจอกับยอดทีมของยุโรปทั้งนั้น โดยเฉพาะเมื่ออยู่ในสายหินที่สุดที่มี รีลเบติส และ ขาประจำบอลยุโรปอย่างอันเดอเลชท์ เป็นทีมร่วมกลุ่ม

แน่นอนว่า สายที่โคตะระหินขนาดนี้ จำเป็นต้องใช้สมาธิและเล่นรัดกุมที่สุดทั้ง 6 เกมที่มี เนื่องจาก หากแพ้ ก็เท่ากับว่า หยิบยื่น 3 คะแนนให้คู่แข่ง ที่พร้อมจะเป็นจ่าฝูงได้ทุกทีม

เกมนั้น เชลซี จึงมาด้วยเกมรับเต็มตัว ถึงขนาดต้องให้ดรอกบ้าลงไปช่วยสกัดบอลหลายครั้ง

ในขณะที่ เกมรุกของหงส์แดงก็ยังคงไร้ประสิทธิภาพเช่นเดิม เมื่อเคราซ์โดดเดี่ยวเกินไปและแบกภาระหนักเกินตัว เมื่อต้องเจอกับแผงกองหลังของเชลซีรุม โดยไม่มีคู่ขาคอยสนับสนุน รวมทั้ง สตีวี่ จี ที่เร่งเกมเกินไป ทำบอลเสียหลายครั้ง และ หลายต่อหลายครั้ง ที่ บักเจิด ที่พล่านไปทั่วสนาม วิ่งไปทับตำแหน่งเพื่อน ทำให้เกมรุก ที่น่าจะเป็นระบบ กลับ เสียระบบ ต้องหวังจากลูกฉาบฉวย และตั้งเตะ ซะส่วนใหญ่ และการพยายามเร่งเกมเกินไปของเจอร์ราร์ด ส่งผลมาถึงความเหนื่อยล้าในนัดต่อมาที่แอนฟิลด์อย่างช่วยไม่ได้

เกมที่เกือบชนะ ของลิเวอร์พูล เมื่อผู้ตัดสินไม่ยอมให้ สองจังหวะน่ากังขา เป็นจุดโทษแก่เจ้าถิ่น ทำให้ ผู้เล่น รวมทั้ง ราฟาเอล เบนิเตซ นายใหญ่ของลิเวอร์พูล มั่นใจว่า ลิเวอร์พูล สามารถชนะเชลซีได้

ซึ่งมันเป็นความประมาทหมายเลขหนึ่ง ของหงส์แดง โดยแท้

เพราะความแตกต่างของ เชลซีใน UCL และ เชลซีใน พรีเมียร์ชิพ ก็คือ
เชลซี จำเป็นต้องเล่นรัดกุมที่สุด สำหรับ 6 นัดมหาหินใน UCL แต่ เชลซี ไม่มีอะไรต้องกังวลในพรีเมียร์ชิพ เพราะถึงแพ้ ก็ยังนำจ่าฝูงห่างอยู่ดี

แล้วเชลซี จะกลัว ลิเวอร์พูล ทำไม

จึง น่าหวั่นใจ มากๆ ถ้าเชลซี ไม่ได้มาเล่นเกมรับเพื่อหวังเสมอ แต่เชลซี จะมาลุยเพื่อ 3 แต้ม

แล้วเกมรับที่ยังเอาแน่เอานอนไม่ได้ของหงส์แดง จะรับมือไหวมั้ย ....??

และแล้ว บิ๊กแมตซ์ประจำวันอาทิตย์ก็มาถึง

เชลซี ได้ เดล ออร์โน่ ลงมาเสริมในแบ็คซ้าย แล้ว โยก กัลล่าส์ ไปปิดเกมรุกหงส์แดงทางฝั่งขวา รวมไปถึง ตัวแสบของหงส์แดง ที่จะมาเป็นทีเด็ด คือ โจ โคล ลงมาแทนรอบเบ้น

ส่วนเบนิเตซยึดผู้เล่นเดิมๆหลายตำแหน่ง โดยปรับแค่ ซิสเซ่ออกไป แล้วเอา รีเซ่ ลงมาเล่นปีกซ้ายแทน ใช้ปีเตอร์ เคราซ์ เป็นหน้าเดี่ยว ( ที่ไร้คู่ขา เช่นเดิม ) ในระบบ 4-5-1

นี่คือความประมาท หมายเลขสอง และสาม

ความประมาทหมายเลขสอง คือ ความสดของผู้เล่น โดยเฉพาะ ฮามันน์ ที่ ชราภาพลงไปมาก และ ทางบอลพื้นๆของตราโอเร่ คิดเหรอว่า มูรินโญ่จะแก้ทางไม่ได้ เกมนี้ ตราโอเร่ โดนโจ โคล หลอกหัวทิ่ม แลมยังลนลาน เมื่อปะทะกับดรอกบ้า

ความประมาทหมายเลขสาม คือ ระบบหน้าเดี่ยว ที่ กินเชลซีไม่ลง แม้จะเกือบได้จุดโทษในเกมก่อน แต่ก็เห็นได้ว่า ทีมไม่มีโอกาส ตั้งเกมเจาะเชลซีได้เท่าไหร่ แม้เบนิเตซ จะยอมรับว่าต้องหาคู่ขาให้เคราซ์ แล้วทำไมยังดันทุรัง ใช้ 4-5-1 อีก

คิดเหรอว่า มูรินโญ่จะไม่มีหมากมาแก้ลำ

ดัฟฟ์ทำลายเกมรับทางฝั่งขวาหงส์แดงคือ ฮามันน์ และ ฟินแนน ซึ่งแน่นอนว่า ฮามันน์ หมดแรงเหม็ง และ ฟินแนน ไม่ใช่กองหลังที่จะตัดบอลได้แน่นอนเท่าไหร่นัก ผลก็คือ รั่ว ...
โจ โคล กับทักษะบอลที่เหนือกว่า ล่อหลอกตราโอเร่ หัวทิ่มหัวตำ ผลก็คือ แบ็คซ้าย ลนลาน และ รั่ว

แผงกลางสามตัวของ เชลซี และลิเวอร์พูล เป็นจุดปะทะที่มูรินโญ่ ไม่อยากหวังผลเสี่ยงมากนัก จึงมักใช้ บอลครอสทะแยงมุม ข้ามแผงกลาง ให้ปีกซ้ายขวา ลากไปจัดการ

แต่ทางลิเวอร์พูล ดูท่าจะมั่นใจว่า ทีมจะเอาชนะเชลซีได้ อลองโซ่ และ เจอร์ราร์ด จึงพยายามเติมเกมรุกจนทำให้ แผงรับ ที่มีฮามันน์คอยค้ำอยู่ข้างหลัง รับมือเกมบุกของเชลซี ไม่ไหว

เมื่อตราโอเร่ ( เป็นบ่อน้ำมันที่มูรินโญ่ สั่งขุดโดยเฉพาะ ) โดนโจ โคล และ ดรอกบ้า สลับกันมาบดบี้ ความลนลาน จึงเริ่มเผยออกมาทีละนิด ตราโอเร่ เตะบอลเคลียร์ไปชนตัวดรอกบ้า เข้าทางหอกไอวอรี่โคสต์ จำต้องตัดบอล จนกลายเป็นจุดโทษ ของทีมเชลซี และเป็น สกอร์นำไปก่อนของ ทีมจากลอนดอน รวมทั้ง ใบเหลือง ของแลมพ์ เมื่อไปดีใจเย้ยเดอะคอป ด้วยท่า จุ๊ย์ๆ ที่ฝึกวิทยายุทธมาจาก มูรินโญ่

แต่ เดอะคอป ก็ได้เฮ อีกไม่นานนัก เมื่อ เจอร์ราร์ดซัดลูกเก็บตกเต็มข้อ ลูกพุ่งเฉียดมือเช็ก เป็นประตูตีเสมอของหงส์แดง เสียงเชียร์ของแฟนเจ้าถิ่นดังลั่นจนแอนฟิลด์แทบแตก

นั่นคือ ความคึก และ แรงฮึด ของหงส์แดง ที่ นำมาซึ่งความประมาทอย่างแรงเมื่อนักเตะลิเวอร์พูล มีความมั่นใจมากขึ้น หลังจาก ยิงประตูเชลซีได้

เมื่อ ทีมอย่างเชลซี ก็เสียประตูได้เหมือนกัน และนักเตะเชื่อว่า วันนี้ จะต้องชนะเชลซีได้แน่ๆ มันคึกไงครับ คึกที่ยิงได้

ผลที่ตามมาคือ เจ้าถิ่นมั่นใจมากเกินไป จนลืมความรัดกุมในเกมรับ จนเป็นสาเหตุให้เสียประตูที่ 2 ก่อนจบครึ่งแรก

บทปิดท้าย

ความพ่ายแพ้( ยับเยิน ) ของลิเวอร์พูล ในนัดนี้ ถือว่าเป็นนิมิตหมายอันดี ( ตรงไหน ) ของหงส์แดง ที่บอกว่า ดี ก็เพราะว่า ลิเวอร์พูล ยังมีจุดต้องแก้ไขอีกเยอะ จึงถือว่าดี ที่ เชลซี ช่วยเผยจุดอ่อนต่างๆให้เห็น

ความพ่ายแพ้ครั้งนี้ จะเป็นแรงกระตุ้นให้ทีม มีความมุ่งมั่นมากขึ้น และอาจจะดลใจ ให้ราฟาเอล เบนิเตซตั้งเป้า เก็บ สามแต้ม ในเกมลีกมากยิ่งขึ้น ( ตอนนี้ตามหลัง เชลซี 17 แต้ม ) และกองหน้าหงส์แดงอาจจะได้เฮ ถ้า เบนิเตซ ยอมปรับแผนมาใช้กองหน้า 2 ตัวเพื่อเสริมเกมบุก ( หลังจากที่จับซิสเซ่ ปงโกลล์ไปยืนปีกขวาตลอด ซึ่งมันผิดธรรมชาติศูนย์หน้า )

ผมคิดว่า จะแพ้ 0-1 หรือ 1-4 ก็คือ 0 คะแนนเหมือนกัน

แต่การเรียนรู้จากความพ่ายแพ้ครั้งนี้ ถือว่าคุ้มค่าสำหรับหงส์แดงมากๆ

ในเมื่อลิเวอร์พูลยังเหลืออีกตั้ง 32 นัดในเกมลีก การเรียนรู้ความพ่ายแพ้เละเทะตั้งแต่เกมที่ 6 นี้ จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ ที่ผมคิดว่า จะทำให้ลิเวอร์พูล เป็นทีมที่แข็งแกร่งขึ้น และยังมีโอกาสที่พอจะกลับมาได้

ครึ่งแรก สำหรับลิเวอร์พูล กับ เชลซี จบไปแล้ว ยังมีครึ่งหลัง ที่บ้านของเชลซี ทั้ง UCL และ พรีเมียร์ชิพ ยังมีโอกาสแก้มือกับมูรินโญ่ อีกคำรบ

หนทางยังอีกไกล อย่าเพิ่งถอดใจกันล่ะเดอะ ค็อป
You´ll never walk alone..... นะครับ

ครึ่งหลัง ลิเวอร์พูลยังยึดผู้เล่นเดิมๆ เบนิเตซไม่มีทางเลือก เมื่อตามอยู่ 1-2 ต้องเปิดเกมบุกเข้าสู้แ

ผงกลางสามคนของเชลซี มีหน้าที่ตัดเกม ส่วนการทำเกม เป็นหน้าที่ของปีกซ้ายขวาตามเดิม รอจังหวะแผงหลังของลิเวอร์พูลต้องดันขึ้นมาช่วยเกมรุก ตรงนั้นเป็นโอกาสของเชลซีที่จะสวนกลับ

เมื่อเสียประตู 3-1 เบนิเตซจึงต้องปรับเกมรุกมากขึ้น โดยถอดฮูเปีย ส่งหน้าสามตัวลงมา เพื่อแลกประตูคืน เชลซี เมื่อนำห่าง ก็เปิดเกมบุกกดดันหงส์แดง จนลิเวอร์พูลรวนไปหมด กองหลังที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ บวกกับเกมรุกที่ติดๆขัดๆของหงส์แดง เนื่องจาก ระบบที่เปลี่ยนไปมา (มั่วไปหมด )และความอ่อนล้าของผู้เล่นตัวหลัก ทำให้ลิเวอร์พูล ทำอะไรเชลซี ได้ไม่มากนัก แถมยังโดน ตอกฝาโลงพร้อมฝังเรียบร้อยด้วยลูกยิงของ เฌเรมี่ เป็นประตู 4-1 จบข่าว

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์