ไม่อยากเอา...หรือไม่เก่งจริง โดย.. นาร์ซีส์ซัส

 หลังจากผ่านเกม คาร์ลิ่ง คัพ รอบ 3 เราก็เห็นว่ามีสโมสรใหญ่หลายแห่งต่างกระเด็นตกรอบไปตามๆกัน ไม่ว่าจะเป็น เชลซี, แมนเชสเตอร์ ซิตี้, ท็อตต์แน่ม ฮ็อตสเปอร์, เอฟเวอร์ตัน และ ลิเวอร์พูล ทั้งๆที่การคว้าแชมป์สักรายการเป็นหนึ่งในเป้าหมายของพวกเขา 


 



เรามักอ้างได้ว่ายักษ์ใหญ่พวกนี้ไม่เอาจริง เพราะไม่อยากกรำศึกหลายรายการมากเกินไป เนื่องจากมีโปรแกรมฟุตบอลยุโรปอยู่ด้วย บ้างก็ว่าต้องการมุ่งมั่นกับการทำอันดับในลีกให้ดีมากกว่าไปลุ้นแชมป์รายการเล็กๆอย่าง คาร์ลิ่ง คัพ หรือไม่ก็เลี่ยงการจ่ายโบนัสพิเศษให้กับนักเตะบางคน ตามจำนวนนัดที่ลงเล่น หรือประตูที่ทำได้ ทั้งๆไม่ว่าจะเป็นการเจอกับใคร แฟนบอลก็ต้องจ่ายเงินเข้าชม และพวกเขาก็ได้ค่าสปอนเซอร์ รวมถึงลิขสิทธิ์ถ่ายทอดเช่นกัน แถมเป็นเวทีที่จะให้ดาวรุ่ง หรือตัวสำรองได้ลงยืดเส้นยืดสาย




เอฟเวอร์ตันพลิกล็อกพ่าย เบร้นท์ฟอร์ด คู่แข่งระดับลีก วัน จากการดวลจุดโทษ 3-4 หลัง 120 นาทีเสมอกัน 1-1 เมื่อ 21 ก.ย. ซึ่งความจริงเกือบแพ้ตั้งแต่ในเวลาปกติด้วยซ้ำ หาก ชาร์ลี แม็คโดนัลด์ หัวหอกเจ้าบ้าน สังหารจุดโทษไม่พลาดในนาทีที่ 60 จะบอกว่า ทอฟฟี่สีน้ำเงิน ไม่จริงจัง คงฟังไม่ขึ้น เพราะพวกเขาส่งทั้ง ฟิล ยากีลก้า, ฟิล เนวิลล์, ยาคูบู อเย็กบินี่, มารูยาน เฟลไลนี่, ดินิยาร์ บิลยาเล็ตดินอฟ กับ เลห์ตัน เบนส์ ซึ่งเป็นตัวหลัก และผ่านประสบการณ์ระดับทีมชาติมาแล้ว ลงสนามกันอย่างถ้วนหน้า ถึงแม้มีการพัก สตีเว่น พีนาร์, ทิม ฮาวเวิร์ด หรือ มิเคล อาร์เตต้า ก็ตาม



 



แต่ไม่ว่าจะอย่างไร เอฟเวอร์ตันก็ควรจะผ่านด่านเบร้นท์ฟอร์ดให้ได้ เพราะคู่แข่งทีมนี้แทบไม่มีนักเตะที่แฟนบอลทั่วไปรู้จักกันเลย ยกเว้น ริชาร์ด ลี ผู้รักษาประตู แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส กับ วัตฟอร์ด, ทูมานี่ ดิยากูราก้า อดีตมิดฟิลด์ วัตฟอร์ด รวมถึง พิม บัลเคสไตน์ กองหลังที่เคยอยู่ ฮีเรนวีน ส่วนกุนซือ แอนดี้ สกอตต์ เพิ่งอายุ 38 ปี ไม่เคยผ่านลงเล่นให้สโมสรระดับแถวหน้ามาก่อน ฤดูกาลนี้ก็เพิ่งคว้าชัยเมื่อทำศึกลีก วัน แค่นัดเดียวจาก 7 นัด จนหล่นไปอยู่อันดับ 19 และมีสถิติทำประตูน้อยสุดในลีกดังกล่าว ขณะ ทอฟฟี่สีน้ำเงิน ฤดูกาลนี้ยังคงไม่ชนะใครต่อไป สมกับการเป็นรองบ๊วยพรีเมียร์ลีกจริงๆ



เพื่อนร่วมเมืองอย่าง ลิเวอร์พูล ก็เล่นแย่พอกัน เพราะเจ้าของสถิติเป็นแชมป์ลีก คัพ มากสุด 7 สมัย จากการเข้าชิงฯมากสุด 10 ครั้ง พ่าย นอร์ธแฮมป์ตัน ทาวน์ คาบ้าน ในการดวลลูกจุดโทษ 2-4 หลัง 120 นาทีเสมอ 2-2 ทีมรองบ่อนรายนี้อยู่อันดับ 17 ของลีก ทู เพิ่งชนะเกมเดียวจาก 7 นัดเช่นกัน หงส์แดง เคยถล่ม 5-0 มาแล้วเมื่อฤดูกาล 1965-66 แต่คราวนี้แม้จะส่งทั้ง ดาวิด เอ็นก็อก, โซติริออส คีร์เกียคอส, ลูคัส เลว่า, ดาเนี่ยล แอ็กเกอร์, มิลาน โยวาโนวิช กับ ไรอัน บาเบล ลงสนาม และขึ้นนำตั้งแต่นาทีที่ 9 ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ แถมต้องไล่ตีเสมอในนาทีที่ 116



 



มันก็เป็นข้อพิสูจน์เช่นกันว่านักเตะดาวรุ่งอย่าง มาร์ติน เคลลี่, ดาเนี่ยล ปาเชโก้, แดนนี่ วิลสัน หรือ เจย์ สเปียริ่ง อาจขึ้นมาเป็นตัวหลักให้ลิเวอร์พูลลำบาก เพราะประกบคู่แข่งอย่าง บิลลี่ แม็คเคย์, ไมเคิ่ล จาค็อบส์, เลียม เดวิส หรือ อับดุล ออสแมน ไม่ได้ หรือเจอแท็กติกของกุนซือ เอียน แซมป์สัน สกัดไว้หมด แล้วจะเอาตัวรอดเมื่อเจอนักเตะระดับพรีเมียร์ลีกกันอย่างไร มันอาจเป็นแค่เกมๆเดียว แต่นี่คือการเล่นในบ้าน และไม่ใช่บททดสอบที่ยากเย็นเลย เพราะเพื่อนร่วมทีมหลายรายก็เป็นผู้เล่นชื่อดัง ประสบการณ์สูง ไม่สงสัยเลยว่าทำไมโค้ช รอย ฮ็อดจ์สัน จึงอยากซื้อแข้งใหม่มาเสริมอีกหลายตำแหน่ง




ส่วนกรณี เชลซี, สเปอร์ส หรือแมนฯซิตี้ ยังพอทำใจรับได้บ้าง เพราะเป็นการพ่ายคู่แข่งซึ่งอยู่ในลีกสูงสุดเช่นกัน สิงโตน้ำเงินคราม ตกเป็นฝ่ายตามหลังในบ้าน 1-3 แต่ยังไล่มาตีเสมอ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด 3-3 ก่อนโดนยิงช่วงต่อเวลา จึงแพ้ 3-4 อย่างไรก็ตาม ดาวรุ่งที่ลงสนามอย่าง พาทริค ฟาน อานโฮลท์ หรือ เจ๊ฟฟรี่ย์ บรูม่า สองนักเตะดัตช์ ถือว่าสอบผ่าน อย่างน้อยก็ทำให้ จอห์น เทอร์รี่ ได้เปลี่ยนออกไปพักในครึ่งหลัง และเชลซียังคงความเป็นทีมที่เกมรุกดุดัน ยิงถึง 16 ประตูใน 5 แมตช์สุดท้าย และเสาร์นี้แมนฯซิตี้ก็จะรู้เพราะเจอกันในพรีเมียร์ลีก



 



ล่าสุดแมนฯซิตี้เพิ่งแพ้ เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน เจ้าถิ่น 1-2 เพราะโดนยิง 2 ประตูใน 2 นาทีของครึ่งหลัง แต่วัดอะไรไม่ค่อยได้เพราะ เรือใบสีฟ้า ขนสำรองลงเพียบ ทั้ง เดดรีค โบยาต้า, อับดิซาลัม อิบราฮิม, ยาวาน วิดัล, เกร็ก คันนิ่งแฮม, จอห์น กีเด็ตติ และ เบน มี ซึ่งหลายคนอาจไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพวกเขาอยู่ฝั่งแมนฯซิตี้ เพราะดูชื่อน่าจะเป็นของเจ้าบ้านมากกว่า แต่เวสต์บรอมวิชก็เหมือนไม่ค่อยเอาจริงเช่นกัน เพราะใช้นักเตะสำรองอย่าง ไซม่อน ค็อกซ์, ไจลส์ บาร์นส์, เกรแฮม ดอร์แรนส์, อดัม เบ็ดนาร์ และ โซเมน โชยี่




สเปอร์สอาจตกรอบแบบเจ็บใจมากกว่าใคร เพราะเป็นการพ่าย อาร์เซน่อล คู่ปรับตลอดกาล ด้วยสกอร์ 1-4 คาบ้าน ทั้งสองฝ่ายต่างพักตัวหลักพอกัน แต่ที่ลงมาก็เป็นแข้งชั้นยอด และสูสีกันจนถึงขั้นต้องต่อเวลา จุดเปลี่ยนคือการเสีย 2 จุดโทษใน 4 นาที และ ปืนใหญ่ ใช้โอกาสให้เป็นประโยชน์ งานนี้ ซานโดร มิดฟิลด์บราซิล ที่เพิ่งลงสนามให้สเปอร์สเกมแรก เริ่มต้นได้ไม่ค่อยสวย สตีเว่น คอลเกอร์ ก็ทำเสียจุดโทษ โจวานนี่ โดส ซานโต๊ส เท้าบอดเหมิอนเดิม แต่ ไคล์ นาฟตัน คงมีโอกาสได้เล่นมากขึ้น เช่นเดียวกับ เฮนรี่  ลันส์บิวรี่ ดาวรุ่งที่นัดอาร์เซน่อลส่งลงมาเป็นตัวจริง



 



อย่าไปคิดว่าสโมสรใหญ่จะไม่เน้นไปเสียหมด เพราะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คงต้องการคว้าแชมป์รายการนี้ 3 ปีซ้อน เพราะถล่ม สคันธอร์ป ยูไนเต็ด อันดับ 15 ร่วมจากแชมเปี้ยนชิพ 5-2 พวกเขาเอาจริงแค่ไหน พิสูจน์ได้จากการส่ง ไมเคิ่ล โอเว่น, ริโอ เฟอร์ดินานด์, ฮาเวียร์ เอร์นานเดซ, เวส บราวน์, อันแดร์สัน และ พาร์ค ชี ซอง ลงสนาม เบเบ้ คนที่แฟนบอลส่วนใหญ่ถามหา เพราะอยากเห็นฟอร์ม ก็ยังเป็นสำรองเหมือน คอร์รี่ อีแวนส์, แม็กนุส ไอเครม กับ ริทชี่ เด เล็ต แอสตัน วิลล่า รองแชมป์เก่า ก็ผ่านเข้ารอบหลังยิงรวดเดียว 3 ประตู ก่อนชนะ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส ผู้มาเยือน 3-1 ทำให้ยังมีโอกาสล้างตากับ ปีศาจแดง



 



อย่างน้อยพวกเขาก็เล่นให้คุ้มค่าตั๋วที่แฟนบอลซึ่งไม่ได้ร่ำรวยเท่านักเตะ รู้สึกชื่นใจที่ต้องเข้าสนาม และกลับบ้านดึกช่วงกลางสัปดาห์


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์