10Talk โดย..No.10 : สูงสุดคืนสู่สามัญ


ฤดูกาลนี้ของหงส์แดง จบลงด้วยการส่งบอลคืนหลังแบบไม่ดูตาม้าตาเรือของ สตีเว่น เจอร์ราร์ด ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความล้มเหลวของพวกเขา ในฤดูกาลนี้ได้เป็นอย่างดี


4 ฤดูกาลแล้วที่ ลิเวอร์พูล ต้องจบฤดูกาลด้วยมือเปล่า และถ้าดูจากผลงานการคุมทีมของ ราฟา เบนิเตซ นับตั้งแต่ที่เข้ามาคุมทีมในปี 2004 ก็ดูจะเข้ากับคำกล่าวที่ว่า สูงสุดคืนสู่สามัญ โดยแท้
 
ราฟาเปิดตัวได้อย่างน่าทึ่งกับหงส์แดง ด้วยการพาทีมกลับไปเป็นเจ้ายุโรปได้อย่างเหลือเชื่อในปี 2005 ทั้งๆที่ทีมไม่เคยคว้าแชมป์ลีกมาได้นานกว่า 15 ปี
 
ถือเป็นความสำเร็จแบบก้าวกระโดด ที่ทำให้แฟนหงส์พากันรักและบูชาในตัวของเขา และเป็นเหมือนกับหลักประกัน ที่ทำให้ลิเวอร์พูลยังมีกุนซือชื่อ ราฟา เบนิเตซ มาจนถึงวันนี้
 
แต่ดูว่าความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่กำลังจะเกิดขึ้น หลังจากจบเกมนัดสุดท้ายที่แอนฟิลด์ เพราะราฟาเผยออกมาแล้วว่า ถึงเวลาที่เขาจะต้องพูดคุยถึงเรื่องอนาคตของเขาแบบจริงๆจังๆกันเสียที
 
ราฟาจะเปิดใจคุยกับบอร์ดบริหารของลิเวอร์พูลในสัปดาห์นี้ ซึ่งผมเชื่อว่าน่าจะได้ข้อสรุปที่เป็นรูปเป็นร่างมากขึ้นกับอนาคตของเขา
 
ที่ผ่านมาผมว่า ทั้งสองฝ่ายก็คงจะมีการคุยกันเอาไว้บ้างแล้ว เพราะว่ากระแสที่มาจากทางอิตาลีนั้นดูรุนแรงเหลือเกิน
 
ยูเวนตุส ทีมยักษ์ใหญ่ของอิตาลี ซึ่งตกอยู่ในสถานการณ์ที่ตกต่ำไม่แพ้กันในฤดูกาลนี้ แสดงเจตนาอย่างชัดเจนว่า ต้องการตัวกุนซือสเปนไปช่วยกอบกู้วิกฤต
 
สิ่งที่ทางทีมม้าลาย พยายามนำมาเป็นเหยื่อล่อราฟาคือ งบประมาณให้เขาใช้ช็อปผู้เล่นแบบจุใจ ในตัวเลขระดับ 80 ล้านปอนด์
 



งบประมาณขนาดนี้ถือว่ามากกว่าที่เขาเคยได้รับจากลิเวอร์พูลกว่าเท่าตัว ซึ่งการมีเงินให้ใช้ซื้อนักเตะมากขนาดนี้ ถือว่าเป็นความฝันของกุนซือทุกคนอยู่แล้ว
 


มองแค่ตัวเลขตรงนี้ ผมว่าน่าจะเป็นตัวดึงดูดใจให้เขาตัดสินใจเปลี่ยนงานใหม่ ได้ไม่ยาก
 


แต่ดันมาติดอยู่ตรงที่ว่า ฤดูกาลนี้ทีมม้าลายตกต่ำแบบสุดๆจริงๆ ขนาดโควต้า ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก พวกเขายังรั้งเอาไว้ไม่ได้
 


เดี๋ยวนี้การตัดสินใจย้ายทีมของโค้ชเก่งๆ หรือนักเตะดังๆ การได้ไปเล่นแชมเปี้ยนส์ ลีกถือว่าเป็นปัจจัยที่สำคัญไม่แพ้เรื่องอื่นๆ
 


เพราะเวทีนี้ถือเป็นการวัดระดับฝีมือของนักเตะไปในตัว
 


ดูได้จากการแจกรางวัลความสำเร็จต่างๆ ที่จะไปตกอยู่กับนักเตะที่พาทีมคว้าแชมป์ในรายการนี้มาครองได้
 


ส่วนตัวกุนซือ การได้พาทีมลงแข่งในรายการนี้ ก็เหมือนกับเป็นการได้แสดงความเก่งของตัวเองออกมา ซึ่งดูจากผลงานของราฟาแล้ว ต้องบอกว่าเขาก็ไม่เป็นรองใครเหมือนกันในเวทีนี้
 


สังเกตุได้ว่าเขาจะจริงจัง และดูมีชีวิตชีวาเสมอ เมื่อได้พาทีมลงเล่นในแชมเปี้ยนส์ ลีก
 


ผิดกับในเวลาพาทีมลงเตะในบอลลีก ที่ดูเขาจะทำอะไรขัดหูขัดตาไปหมด ตั้งแต่การจัดตัว,การแก้เกม รวมไปถึงการเปลี่ยนตัวผู้เล่น
 


มาถึงตรงนี้ผมว่าถึงจุดที่จะต้องเกิดความเปลี่ยนแปลง ทั้งกับราฟา และลิเวอร์พูลได้แล้ว เพราะดูจากแนวโน้มแล้ว ราฟาคงจะไม่มีทางทำทีมให้ดีขึ้นไปกว่านี้แล้ว
 


ถ้าเปรียบผลงานของเขาเป็นเส้นกราฟ ก็จะเริ่มจากจุดสูงสุดก่อนกับตำแหน่งแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ตามมาด้วยแชมป์ เอฟเอคัพ ในฤดูกาลต่อมา ก่อนจะตกลงมาเรื่อยๆพร้อมกับความว่างเปล่าในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา
 


หลังจากการเจรจาทั้งสองฝ่ายในสัปดาห์นี้ คงจะทำให้เราเห็นภาพชัดเจนมากขึ้น ถึงทางออกของแต่ละฝ่าย
 


และผมเชื่อว่าน่าจะออกมาแบบที่เรียกว่า แยกทางกันด้วยดี ตามแบบฉบับที่ลิเวอร์พูลชอบใช้กับกุนซือคนก่อนๆของพวกเขา เมื่อเวลานั้นมาถึง!


 
                       No.10


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์