ลิเวอร์พูล VS เชลซี....”สู้ด้วยศักดิ์ศรี” โดย..แจ๊คกี้



ขอมองข้ามเกม ยูโรปา ลีก และไม่ต้องไปสนใจว่าสเปอร์สจะได้ดีมากน้อยขนาดไหนในวันเสาร์ ด้วยเพราะลิเวอร์พูล จะลงสนามท่ามกลางสายตาชาวโลกนับพันล้านคน พร้อมทั้งข้อสงสัยที่ว่า “จะชนะเชลซีเพื่ออะไร”



ผลของการชนะหรือแม้กระทั่งเสมอตัดแต้ม “สิงห์บลู” ได้ อาจเป็นการปูทางสู่การครองแชมป์สมัยที่ 19 ให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คู่ปรับตลอดกาลได้ในเปอร์เซ็นต์ที่มากมายกว่าปกติ และผลจากการคว้าแชมป์ครั้งนี้ (ถ้าผีทำได้) จะทำให้พวกเขากลายเป็นแชมป์ประวัติศาสตร์ทีมแรกของเกาะอังกฤษ 



ด้วยการคว้าแชมป์ 4 ปีติดต่อกัน และคือทีมอันดับหนึ่งของอังกฤษอย่างไม่ต้องมีใครมาโต้แย้งด้วยการคว้าแชมป์ลีกสูงสุด 19 สมัย



สมดังเจตนารมณ์ของ “ป๋า” เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ที่ตั้งเป้าน็อคลิเวอร์พูล ตกจากบัลลังก์ราชันแห่งลูกหนังผู้ดีให้ได้ 



เงื่อนไขทำร้ายจิตใจ “เด็กหงส์” ขนาดนี้จึงนำมาซึ่งการโต้เถียง วิพากษ์ วิจารณ์ กันอย่างหลากหลาย



บ้างก็ว่า ราฟาเอล เบนิเตซ จะเล่นแบบเซฟๆ จัดตัวเพื่อให้เล่นได้แค่นั้น ก่อนแพ้เชลซี เพื่อไม่ให้ผีแดงได้แชมป์ เพราะไหนๆตัวเองก็ไม่ได้แล้วอย่าหวังว่าคนอื่นจะมีความสุขเลย....  



อีกกลุ่มหนึ่งมองว่า “ไม่มีทาง” ที่ลิเวอร์พูลจะยอมแพ้ ถอดใจและไร้ศักดิ์ศรีที่จะทำเช่นนั้น ลิเวอร์พูล ต้องเล่นเต็มที่เพื่อสปิริตแห่งเกม และเพื่อสปิริตของตัวเอง ส่วนผลออกมาแบบไหนนั้นมันอีกเรื่องหนึ่ง แต่ไม่มีทางที่ลิเวอร์พูลจะทำอะไรไร้สาระอย่างทัศนคติในประเทศสารขันธ์ ที่นัดไหนไม่มีลุ้น ก็เดินเล่น โดยไม่สนใจหัวอกแฟนบอลและวงการฟุตบอลว่ามันคือการเล่นที่อัปลักษณ์ 



แม้ไม่ล้มเล่นแบบนี้ก็เหมือนล้มบอล ด้วยเพราะมันล้มตั้งแต่ความคิดแล้ว



ด้วยเกียรติของเดอะ คอป คนหนึ่งที่มองเห็น “สปิริต” และตัวตนของทีมลิเวอร์พูลมาตั้งแต่จำความได้ ผมยังไม่เคยเห็นลิเวอร์พูล ไร้ศักดิ์ศรีอย่างนั้นมาก่อน



นรกไม่ต้องเป็นพยานก็ได้.... ในฤดูกาล 1994-95 ระหว่างการลุ้นแชมป์ของ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส ภายใต้การคุมทีมของ ไอดอลและขวัญใจเด็กหงส์ตลอดกาลอย่าง เคนนี ดัลกลิช กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่มี“ป๋า” ดำเนินงานบุกไปลุย เวสต์แฮม ยูไนเต็ด



เงื่อนไขตอนนั้นคือ...ถ้าแบล็คเบิร์น ชนะที่แอนฟิลด์ ทุกอย่างจบ “กุหลาบไฟ” แชมป์ ไม่ต้องสนว่าผีแดงสอยขุนค้อนไปกี่ลูก แต่ถ้าแบล็คเบิร์น แพ้ หรือเสมอ ขณะที่ผีแดงชนะ ทีมของเซอร์ อเล็กซ์ จะครองแชมป์ทันที นั่นคือแชมป์ 3 สมัยติดต่อกันเป็นครั้งแรกของพวกเขา



วันนั้นผมนั่งทำงานและดูไปด้วยที่โรงพิมพ์สยามกีฬา สมัยนั้นออฟฟิศอยู่คลองเตยโดยมี บอ บู๋ นั่งลุ้นอยู่ข้างๆ ด้วยความกระสับกระส่าย ผุดลุกผุดนั่ง ตลอดทั้งเกม เพราะทำยังไง...แอนดี้ โคล มันก็ไม่ยอมยิงสักกะที 



ไม่ต้องเท้าความเยิ่นเย้อ บทสรุปเกมนั้นคือ ลิเวอร์พูล ที่มีทั้ง จอห์น บาร์นส์, เจมี เร้ดแนปป์, สตีฟ แม็คมานามาน จัดการคว่ำแบล็คเบิร์น อย่างง่ายดาย ลิเวอร์พูลเล่นดีเหลือเกิน ตรงกันข้าม แมนฯยูฯ กลับไม่สามารถเจาะตาข่าย ขุนค้อนได้มากกว่าผลเสมอ 1-1  (แสบกว่านั้นอีกสัปดาห์ให้หลังก็โดน เอฟเวอร์ตันชนะในเอฟเอ คัพนัดชิงอีก 555) 



แต้มเดียวของผีแดงไม่พอ แม้แบล็คเบิร์นแพ้ แต่พวกเขากลับได้ฉลองแชมป์ในแอนฟิลด์ หน้าตาเฉย วันนั้น คิงเคนนี บอกว่ามีความสุขมาก เพราะได้ฉลองแชมป์ ในสังเวียนแข้งที่เขารักมากที่สุดในชีวิตแม้จะเป็นกับทีมแบล็คเบิร์น ก็ตาม....ส่วนเด็กหงส์ฝั่งเมนสแตนด์ หลายพันคนถอดเสื้อลิเวอร์พูลออกแล้วใส่เสื้อแบล็คเบิร์น ร่วมฉลองแชมป์



มันสะใจที่ ศักดิ์ศรียังมีอยู่จริงในบอลอังกฤษ แถมแมนฯยูฯ  ยังไม่ได้แชมป์อีก...เรียกว่าเหมือนได้โบนัส 24 เดือน



มาเที่ยวนี้อาจไม่ใช่นัดสุดท้ายแต่เขาก็มองกันว่ามันน่าจะเป็นนัดที่ส่งผลต่อการลุ้นแชมป์ หากเชลซี และ แมนฯยูฯ ทีมหนึ่งทีมใดพลาด เนื่องด้วยนัดสุดท้ายเล่นในบ้าน เชลซี พบ วีแกน ส่วน แมนฯยูฯ พบสโต๊ค...ซึ่งถูกมองว่ามันคือนัดฉลองแชมป์ของทีมใดทีมหนึ่งและเป็นโบนัสหลังผ่านเกมยากลำบากมาแล้ว



ต่างกรรม ต่างวาระ ต่างเงื่อนไข แต่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่คนจะพูดถึง



เกมนัดนี้ผมมีความคิดไม่แตกต่างจากเมื่อ 15 ปีก่อน ลิเวอร์พูลโดย ราฟา เบนิเตซ จะทำหน้าที่เขาอย่างดีที่สุด ลิเวอร์พูลเล่นเพื่อชนะเชลซี เหมือนเกมปกติทั่วไป ที่เน้นเป็นพิเศษคือมันเป็นนัดสุดท้ายของทีมในแอนฟิลด์ และอาจเป็นนัดสุดท้ายของ ราฟา กับทีมหงส์แดงก็ได้ 



ดังนั้นทุกอย่างเต็มที่ สู้แน่นอน ไม่มีอย่างอื่น



ถ้าจะแพ้คงเป็นเพราะลิเวอร์พูลห่วยแตกเอง เล่นสู้ไม่ได้เอง ถามว่ามีมุมนี้มั้ย ต้องยอมรับว่ามีค่อนข้างมาก ด้วยเพราะ เกมรุกเชลซีจัดจ้าน เร็ว, แกร่ง โจมตีน่ากลัว ขณะที่กองหลังหงส์แดง ช้า....อ่อนชั้น พลาดง่าย โดยเฉพาะ เจมี คาร์ราเกอร์ เจอกับ ดิดีเยร์ ดร็อกบา ทีไรโดนหลอกล่อตลอด อย่าไปคิดว่าคืองูกับเชือกกล้วย 



เพราะ ดร็อกบามีค่ามากกว่าเชือกกล้วย เปรียบแบบนี้หมายถึงคนหนึ่งน่ากลัวแต่ตายเพราะสิ่งที่ไม่น่ากลัว แต่เคสนี้ คาร์ราเกอร์ มันไม่ได้เรื่องได้ราว ต้องเปรียบว่า คาร์รา-ดร็อกบา เหมือน เด็กประถมเตะบอลกับเด็กมัธยม เจอกันกี่ครั้งก็เอาไม่อยู่....



กระนั้นก็เถอะครับในเหลี่ยมของการชนะเป็นของเชลซีมากกว่า ด้วยศักยภาพทั้งเกมรุก ทั้งส่วนตัวและส่วนทีม แต่ลิเวอร์พูลไม่มีความจำเป็นต้องไปกลัว ก็เล่นไปเต็มที่ แค่ไหนก็แค่นั้น



แต่จะมาคิดเล่นเหยาะแหยะ หรือไม่สู้นั้นคงเป็นไปไม่ได้ ผมไม่เชื่อแน่นอน 



อย่าเอาวิถีคิดแบบคนในประเทศสารขันธ์และยังไม่พัฒนาความคิดไปเปรียบเทียบกับฝรั่ง ไม่ใช่พวกนั้นวิเศษกว่าเรา แต่พวกเขาสร้าง...จิตสำนึกเป็นพื้นฐานมานานแล้ว ความสวยงามในเกมกีฬายังมีอยู่จริง



เพื่อความสวยงามในเกม เพื่อสปิริตและศักดิ์ศรีแห่งความเป็นลิเวอร์พูล เอฟซี



ผมเชื่อมั่นว่าหงส์เต็มที่และตัวเองอยากเห็นลิเวอร์พูลชนะเชลซี ด้วยแม้ว่ามันจะทำให้เราต้องเจ็บปวดหากมันไปมีผลทำให้แมนฯยูไนเต็ด กรุยทางสู่แชมป์ประวัติศาสตร์



ก็ยังอยากเห็นลิเวอร์พูล ขยี้ เชลซี ให้ราบคาบ.......อยู่ดี 


Jackie


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์