หัวใช้เท้า โดย... เปาผี

ขออภัยนะครับ ที่ซ้ำอันของโจ โคล อันนี้ไม่ซ้ำเเน่นอน



การ ขอสอง ของ น้องหมู ในค่ำคืนยุโรปกับ เอซี มิลาน เท่ากับกับว่า ณ บัดนาว จำนวนประตูรวมของ เวย์น รูนี่ย์ พุ่งปรี๊ดแตะหลัก 30 เม็ดเรียบร้อยแล้วนะครับ



ใคร และใครต่างพากันพูดถึงประตูเปิดแผล ที่เป็นการใช้หัวกระแทกลูกตุงตาข่ายเป็นครั้งที่ 10 ในฤดูกาลนี้ 



แต่ผมว่าประตูที่สองน่าสนใจกว่า 



ลูกเปิดแบบดีดไซด์ของ นานี่ ว่าสวยแล้ว แต่ต้นหญ้าทุกต้นใน โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ต้องโค้งคำนับให้กับการปิดบัญชีที่สุโค่ยมั่กๆ ของ รูนี่ย์



สมมตินะครับ สมมติว่า ถ้าเป็น โรนัลโด้ (อ้วน) ก็อาจโชว์ทักษะดูดบอลลงแล้วล่อหลอกนายประตูจนหัวทิ่มบ่อแล้วค่อยยิงเหมือนสมัยรุ่งๆ กับ บาร์เซโลน่า 



หากเป็น เบเบโต้ ก็อาจฮาล์ฟวอลเล่ย์แบบไม่จับเหมือนตอนที่ทำในศึก เวิลด์ คัพ 1994 กับ ฮอลแลนด์
 


เฟร์นานโด ตอร์เรส คงเกี่ยวแล้วสับสปีดเข้าไปกระทุ้งเท็มทีน



ถ้าเป็น ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ ...เอ่อ ไม่ต้องคิดต่อหรอกครับ เพราะเบิร์บ คงวิ่งมาไม่ทันตั้งแต่แรกแล้ว อิอิ



แต่สิ่งที่ รูนี่ย์ ทำคือใช้กีบเท้าสะกิดแผ่วเบาให้ลูกเปลี่ยนเฉียบพลัน ชนิดที่คริสเตียน อับเบียติ ได้แต่ป้องกันด้วยสายตาละห้อย



แบบนี้นี่เองที่เค้าเรียกกันว่า สัมผัสมรณะ 



แต่ผมเรียก หัวใช้เท้า อิอิ



เพราะคุณต้องมีมันสมองด้านฟุตบอลที่ไวมากๆ ในการใช้ให้เท้ากระทำเช่นนั้นได้ 



ไม่ใช่แค่นั้นครับ คนที่มั่นใจเท่านั้นนะครับที่จะกล้าทำแบบนี้ และไม่ใช่มั่นใจธรรมดา แต่ต้องมั่นใจโคตรๆ ด้วย



จึงไม่น่าแปลกใจแต่อย่างใดครับที่มีรายงานว่า ผู้นิยมการได้เสียหอบเงินไปเดิมพันว่า รูนี่ย์ จะทุบสถิติ 42 ประตูที่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เคยทำไว้ในชุด ปีศาจแดง เมื่อฤดูกาล 2007/08 จนต้องมีการหั่นราคาอุตลุต



ไม่รู้ว่า ดาวยิงพ่อลูกอ่อนจะทำสำเร็จหรือเปล่านะครับ เพราะเจ้าตัวก็เพิ่งให้สัมภาษณ์ว่า ไม่อยากตั้งเป้าหมายไว้พุ่งชน 



แต่ที่แน่ๆ ถ้า รูน เกิดทำได้ขึ้นมา มันจะเป็นการสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้วงการลูกหนังทันที 


ทำไมหรือครับ? 



โรนัลโด้ ทำประตู 42 ลูกในฤดูกาลเดียวโดยปราศจากความกดดันใดๆ ซึ่งต่างจาก รูนี่ย์ ที่ต้องใช้บ่าตันๆ แบกความหวัง และความกดดันก้อนมหาศาลตั้งแต่วันแรกที่ซีซั่นเปิด หลัง ยูไนเต็ด สูญเสียพลังการทำลายล้างระดับ 80 ล้านปอนด์อย่าง โรนัลโด้ ไป 



กระนั้น ต้องยอมรับครับว่า การเสีย โรนัลโด้ ไป ทำให้เหมือนกับ ยูไนเต็ดได้นักเตะใหม่เข้ามาร่วมทีมอีกคนเฉยเลย



ครับ, เขาคนนั้นชื่อ เวย์น รูนี่ย์ 



หาก โรนัลโด้ ยังอยู่ เกมกับ มิลาน เมื่อกลางสัปดาห์ เราก็คงได้เห็น รูนี่ย์ถูกถ่างไปเล่นเป็นตัวริมเส้น ปล่อยให้ โรนัลโด้ รอกระทุ้งประตูในฐานะตัวเป้าเหมือนอย่างที่เคยเห็นในเกมยุโรปหลายๆ นัดของ ปีศาจแดง 



นั่นเพราะ เฟอร์กูสัน ไม่เชื่อว่า โรนัลโด้ จะมีวินัยมากพอในการทำหน้าที่ปีกอย่างไม่มีบิดพลิ้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การต้องช่วยหยุดฟูลแบ๊กฝั่งตรงข้ามไม่ให้เติมขึ้นไปสนับสนุนเกมรุก



รูนี่ย์ ต้องยอมเสียสละเป็นคนปิดทองหลังพระเพื่อให้ โรนัลโด้ เฉิดฉาย และเขาไม่เคยแม้แต่ปริปากบ่นใดๆ รวมถึงตอนที่ถอยเพื่อให้ปีกทีมชาติโปรตุเกสรับหน้าที่เพชฆาตจุดโทษ 



เมื่อ โรนัลโด้ ไม่อยู่ เราได้เห็น รูนี่ย์ เป็นกองหน้า และทำงานอย่างสมบูรณ์แบบ ทั้งโหม่งพังประตูเหมือนนักเตะสไตล์โบราณ, ใช้ความเร็วเล่นงานกองหลังคู่ต่อสู้แบบนักเตะสมัยใหม่ หรือพล่านลงไปช่วยเกมรับเมื่อมีโอกาส



บางที นี่อาจจะเป็นเคล็ดลับแห่งความสำเร็จฤดูกาลนี้ของ ยูไนเต็ด นะครับ 



จากที่นักเตะ 10 คนต้องปิดทองหลังพระเพื่อให้คนเด่นแค่คนเดียว แต่ตอนนี้ ยูไนเต็ด กลายเป็นทีมที่มีผู้ปิดทองหลังพระทั้ง 11 คน



หลังจากที่ แกรี่ เนวิลล์ ครอสให้ รูนี่ย์ โหม่งประตูนำร่องกับ มิลาน แล้ว เราได้เห็นดาวยิงทีมชาติอังกฤษวิ่งมาแชร์ความดีความชอบกับกัปตันทีมวัย 35 ในฐานะคนใส่พาน โดยมีเพื่อนร่วมทีมคนอื่นๆ เข้ามาร่วมแสดงความยินดีด้วย 



ทุกคนอาจมีความแตกต่าง ทั้งตัวเลขอายุ สีผิว เชื้อชาติ ภาษา ตาตี่ หรือความสามารถในเชิงฝีเท้า แต่ทั้งหมดก็ทำงานอยู่ภายใต้ปรัชญาเดียวกัน



ปรัชญาแบบ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ที่ถูกถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่นแบบซึมลึกใน โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด 



และผมไม่แน่ใจเหมือนกันว่า ที่ เรอัล มาดริด บ้านหลังใหม่ของ โรนัลโด้ จะมีเรื่องราวทำนองนี้บ้างหรือเปล่า


เปาผี



 


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์