ผิดหวังอาควิลานี่ โดย .. ยักษ์ดอยเเดง



ห้วง มิสเตอร์ ไนซ์กาย แกรี่ ลินิเกอร์ ออกโรงแทงใจดำว่า การดึง อัลแบร์โต้ อาควิลานี่ เข้ารังแอนฟิลด์ด้วยค่าตัว 20 ล้านปอนด์ เป็นการลงทุนล้มเหลวระดับหลายสิบริกเตอร์สำหรับซีซั่นนี้

 



ผมสวมบท ผู้พิทักษ์ ด่าเปิงตำนานกองหน้าทีมสิงโตคำรามรายนี้ไว้พอสมควร 
 


คนเพิ่งหายเจ็บ ให้โอกาสกันหน่อย(โว้ย!) เกลียดนักเชียวพวกมือไม่พายเอาเท้าราน้ำ ชอบปิดกั้นอนาคตคนอื่นเนี่ย 
 


หลุมดำ ของ ชาบี อลอนโซ่ คือปริศนาระดับคดีเอ๊กซ์ไฟล์ ราฟาเอล เบนิเตซ เชื่อว่าลูกหม้อในนามเจ้าชายน้อยหมาป่าคนนี้ทดแทนได้ 
 


ผมเฝ้ารอ ตีสนิทกับความอดทนพอสมควรเพื่อลุ้นให้ อาควา พิสูจน์ตัวเอง 
 


สี่ซ้าห้าเดือนผ่านไป กองกลางอิตาเลี่ยน มีบทบาทในทีมชุดใหญ่มากขึ้น ทว่าเหมือนจังหวะจะโคนไม่สวยหรูเท่าไหร่ 
 


ลงเล่นได้ ตอนทีมชิงตกรอบแชมเปี้ยนส์ลีกไปแล้ว, ผลงานลีกสาละวันเตี้ยลงเรื่อยๆ ไม่ต้องนับฟุตบอลถ้วย คาร์ลิ่ง คัพ ตกรอบด้วยน้ำมืออาร์เซน่อล และ เอฟเอ คัพ ตกรอบด้วยฝีตีนยอดทีมอย่าง เรดดิ้ง
 


โอกาสของเขาเลยมาอยู่บนเวทีพรีเมียร์ลีก ซึ่งห่ำหั่นดุเดือดจนบางครั้งมีเสียงอ้อนวอนขอปรับตัวให้ฟุ้งเฟ้อกันไป 
 


บอลอังกฤษมันเร็ว รออีกสักพัก อาควิลานี่ จะเป็นคีย์แมน ผมบ่นพึมพัมให้กับเงาตัวเองในกระจก
 


กระทั่งสองนัดหลังสุดที่ห้องเครื่องรายนี้ลงโม่แข้ง ความพยายามปลอบประโลมถึงขีดสุด
 


20/01/10 พบ สเปอร์ส เอล บอส เปิดโอกาสให้เต็มที่หลังจากอาควิลงเล่นนัดก่อน (สโต๊ค) แค่สองนาทีสุดท้าย เกมดังกล่าวจัดให้ตัวจริงเลย 
 


ด้วยสภาวะอาการบาดเจ็บ ทั้ง สตีเว่น เจอร์ราร์ด, ยอสซี่ เบนายูน,  หรือเฟร์นานโด ตอร์เรส ก็ตาม อย่างน้อยควรคว้าโอกาสแนบอก 
 


อาควิ เริงระบำบนพื้นที่ หน้าต่ำ โดยมี ฟิลิปป์ เดเก้น อยู่ด้านขวา,อัลเบิร์ต ริเอร่า (ซ้าย) คู่มิดฟิลด์ตัวรับเหมือนเดิม ลูคัส - มาสช์ พร้อมทิ้งเดิร์ค เคาท์ ยืนหอกเป้า 
 


สกอร์ลงเอยด้วยชัยชนะ 2-0 จากการเหมาของเคาท์ ส่วนพระเอกของเรา ตลอด 79 นาทีที่อยู่ในสนาม คะแนนความสามารถอยู่ในเกณฑ์อ่อนด้อย
 


เขาพยายามครับ พยายามโชว์ลูกขยัน เรียกบอลตั้งแต่อยู่กับเท้า คีร์เกียกอส หรือ สเคอร์เทล ด้วยซ้ำ แต่คล้ายๆ ออกลูกลนลานมากกว่า 
 


ช่วงแรกพอพยักหน้าพึงพอใจ รับง่ายจ่ายง่าย ไม่หวงบอล และมีบางครั้งทดสอบสับไกจากกรอบเขตโทษให้เสียววูบวาบ 
 


ประตูแรก ทำชิ่งกับ เดิร์ค เคาท์ จนทำให้ดาวยิงเลือดดัตช์ส่งลูกหนังมุดตาข่าย สมควรคารวะครับ (จะตั้งใจหรือไม่ก็ตามเถิด)
 


กระนั้นเมื่อนาฬิกาเดินหน้าต่อเนื่อง มุมมืดเริ่มเผยตัว พละกำลังถดถอยส่งผลให้ประสิทธิภาพจ่ายบอลโดนบั่นทอนตามคาด 
 


หลายครั้งที่ผมแอบเห็นแววตาท้อแท้จากตัวเขาเอง มันสมองสั่งการว่าสาเหตุเป็นเพราะความคาดหวังมากเกินไปจนแปรสภาพเป็นความกดดัน 
 


อาควิลานี่ มุ่งมั่นเพื่อพิสูจน์ตัวเอง แต่บางครั้งพอมากเกินไป งานหนักตกอยู่บนบ่า จะวิ่งจะเหินทางไหนดูไม่สะดวกกายมากนัก 
 


26/01/10 พบ วูลส์ฟ เสมอ 0-0 เจ้าชายน้อยมีหน้าเพียงอบอุ่นร่างกายข้างสนาม แล้วชำเลืองไปถึงม้านั่งสำรอง 
 


เมื่อไหร่จะเรียกสักทีว้า เขาคงคิดทำนองนี้
 


สิ้นเสียงนกหวีดสุดท้าย เสื้อวอร์มยังปกคลุมร่างหาย อาควิลานี่ ไม่ได้ลงเล่น คิดแง่บวกคือเบนิเตซต้องการรักษาสภาพให้สมบูรณ์กว่านี้ แต่ถ้าคิดแง่ลบ ผลงานจากนัดก่อนไร้ความประทับใจแม้อัดสเปอร์ส 2-0 
 


30/01/10 พบ โบลตัน มาพร้อมวาระเปลี่ยนแปลงสำคัญ 
 


ลุงหนวดเลือดกระทิงคงมองเห็นอะไรบางอย่าง ถึงขั้นยอมเปลี่ยนแท็คติคตัวเองเมื่อสตีเว่น เจอร์ราร์ด กลับมา และ อาควิลานี่ กระสันลงสนาม 
 


พักก่อนนะลูก เอล บอส กระซิบข้างหู ลูคัส เลวา 
 


เจอร์ราร์ด - อาควิลานี่ - มาสเคราโน่ - ริเอร่า 
 


นี่คือภาพลักษ์แผงมิดฟิลด์ระนาบสี่ ที่เราไม่ค่อยเห็นหน้าค่าตามากนักในยุคหงส์-กระทิงแดง น้อยครั้งกับการเล่นระบบ 4-4-2 คะเนเอาเองว่าเบนิเตซคงอยากให้อาควิงัดฟอร์มเต็มเหนี่ยวบนแบบแผนคุ้นเคย 
 


ลิเวอร์พูลเคยชินกับรูปแบบ 4-2-3-1 มากเกินไปรึเปล่า โอเคสิบ-สิบห้านาทีแรก ทุกอย่างดำเนินไปถูกต้อง เจิดยอมรับหน้าที่ริมเส้น ส่วนแดนหน้า เคาท์ กับ เอ็นก็อก ประสานงานต่อเนื่อง 
 


ทว่าหลังจากนั้น จะด้วยอะไรก็แล้วแต่ ทรงบอลกลับมาเหมือนเดิม เคาท์ ถ่างออกขวาสลับกับ เอ็นก็อก , เจอร์ราร์ด กลายเป็นตัวฟรี ปล่อยให้ อาควิ มึนงงพักใหญ่ 
 


แล้วภาพที่เราไม่อยากเห็นก็ทักทายถี่ยิบ ครองบอลไม่ชัวร์, จ่ายเสีย, ออกอาการลนลาน, ทำเกมร่วมกับเพื่อนไม่เนียนตาเท่าไหร่ 
 


หลายจังหวะที่เขาเปิดบอลง่ายๆ ออกเส้นข้าง หรือมัวเงื้อง่าราคาแพงจนโดนฝั่งตรงข้ามฉกบอลไปจากเท้า 
 


ช็อตเด็ดสุดคือการโชว์สปริงข้อเท้า โหม่งชงให้ เคาท์ ทำประตู ส่วนที่เหลือกรุณาเบือนหน้าหนี 
 


ผ่านหนึ่งชั่วโมงไม่เท่าไหร่ คนข้างสนามต้องยอมรบกวน ลูกรัก ลงมาคุมเกม แล้วกระบวนการก็กลับสู่สภาวะปกติอันห่อเหี่ยว 
 


ผมเริ่มสงสัยว่า เบนิเตซ กำลังสับสนการใช้งานดาวเตะอัซซูรี่รายนี้ จับยัดตำแหน่งชาบีเหรอ...ยังไม่นิ่งพอ , เปิดบอลหวังพึ่งได้ไม่เกิน 60% และหลายครั้งทะลุเข้าเขตโทษไปทับตำแหน่งกองหน้า
 


ลองมาเล่นกองกลางสี่คนให้รับบทจอมทัพเน้นๆ แถมกัปตันเจิดให้ความร่วมมืออย่างดีด้วย แต่ไม่เกิดผลอันใดมากกว่าใบหน้าหยาดเยิ้มของเจ้าตัว
 


ผิดมากไหมถ้าหากเดอะ ค็อป คนหนึ่งเริ่มเอนเอียงเห็นด้วยกับ แกรี่ ลินิเกอร์ 
 


อย่างไรก็ตาม เดอะ ค็อป คนนั้นหวังไว้เสมอว่าตัวเขาจะคิดผิด


 
ยักษ์ ดอยแดง



 


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์