หงส์แดงซึม! ช่างปั้นหม้อตามแบ่งตาม 1:1

 

ลิเวอร์พูล ทำแต้มหล่นไปอย่างน่าเสียดาย หลังจากเป็นฝ่ายนำช่างปั้นหม้อ ไปก่อน แต่แล้วในช่วงท้ายเกม โรเบิร์ต ฮูธ ก็มาพังประตูให้ สโต๊ค ตามเสมอเป็น 1:1


ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ 2009-10


วันเสาร์ที่ 16 มกราคม 2553


สโต๊ค ซิตี้ 1:1 ลิเวอร์พูล


      สนาม : บริตทานเนีย สเตเดี้ยม
      ผู้ตัดสิน : ลี มาร์สัน
      เวลาเตะ : 19.45 น.
      สภาพอากาศ : อาจมีฝนตก, อุณหภูมิ 1-8 องศาเซลเซียส, ความชื้น 87%
      ผู้ชม :
      ใบเหลือง :

      ผู้ทำประตู :

     สโต๊ค ต้องรอเช็คความฟิตของตุนกาย ซานลี่ ดาวยิงตุรกีที่มีปัญหาอาการบาดเจ็บบริเวณเอ็นร้อยหวาย โทนี่ พูลิส กลังตัดสินใจในตำแหน่งของผู้รักษาประตูระหว่างมือ1อย่างโธมัส โซเรนเซ่น และสตีฟ ไซมอนเซ่น ในการลงเฝ้าเสาครั้งนี้ หลังจากนายทวารชาวเดนมาร์กหายจากอาการบาดเจ็บที่นิ้ว

     ทางด้านลิเวอร์พูลจะไม่มีสามประสานอย่าง เฟอร์นานโด ตอร์เรส, กัปตันทีมสตีเว่น เจอร์ราร์ด, และยอสซี่ เบนายูน ที่ได้รับบาดเจ็บจากเกมแพ้เรดดิ้งเมื่อกลางสัปดาห์

     แต่จะได้ ฮาเวียร์ มาสเชราโน่กองกลางตัวรับกลับมาหลังจากพลาดโอกาสลงถึง 4 เกม และมักซี่ โรดริเกวซ แข้งอาร์เจนติน่าที่เพิ่งเซ็นสัญญาใหม่ๆสดๆร้อนๆ แต่จะได้ลงสนามให้แฟนบอลได้ดูฟอร์มหรือไม่นั้น ก็ต้องอยู่ที่ราฟาเอล เบนิเตซ

      ครึ่งแรก
     เริ่มเกมในครึ่งแรก เจ้าถิ่นได้ทักทายก่อนจากลูกเตะมุมในนาทีที่ 3 เอเธอริงตัน เปิดหน้ามาประตู แต่ก็โดนผู้เล่นของ ลิเวอร์พูล เคลียร์บอลออกมา

     นาทีที่ 7 สโต๊ค ได้ลุ้นประตูจากลูกตั้งเตะจากระยะประมาณ 30 หลา ก่อนที่ โรเบิร์ต ฮูธ จะซัดด้วยขวาไปติดบล็อคอย่างน่าเสียดาย

     อีก 2 นาทีถัดมา ลิเวอร์พูล เกือบมาเสียประตู จากลูกทุ่มไกลของ ดีแล็ป แต่ยังโชคดีที่ ออเรลิโอ เตะทิ้งออกหลังไปได้อย่างหวุดหวิด

     นาทีที่ 14 ลิเวอร์พูล สวนเกมกลับและมีลุ้นจากจังหวะที่ เดเก้น ลากเลื้อยขึ้นมาจากทางริมเส้นก่อนที่จะโยนข้ามฟากมาให้ ออเรลิโอ ซัดด้วยขวา แต่ โซเรนเซ่น ก็พุ่งเซฟเอาไว้ได้

     นาทีที่ 23 สโต๊ค ต้องถอด รอรี่ ดีแล็ป ออก เนื่องจากได้รับบาดเจ็บน่อง และส่ง เลียม ลอว์เรนช์ ลงมาเล่นแทน

     และในนาทีที่ 25 ลิเวอร์พูล พลาดลูกจุดโทษไปอย่างน่าเสียดาย จากจังหวะที่ เดเก้น ทำชิ่งกับ ลูคัส ก่อนที่ ฮิกกิ้นบอตแฮ่ม กองหลังทีมเจ้าถิ่นจะเข้าไปสะกิดขาของ ลูคัส ล้มลงในกรอบเขต แต่ผู้ตัดสินมองว่าดาวเตะเลือดแซมบ้าเจตนาพุ่งล้มพร้อมกับแจกใบเหลืองและเป็นใบแรกของเกมนี้อีกด้วย

     เข้าสู่ช่วงท้ายเกมทั้งสองทีมยังคงแลกเกมกันอยู่กลางสนามเสียเป็นส่วนใหญ่ ก่อนที่เสียงนกหวีดหมดเวลา 45 นาทีแรกจะดังขึ้น สกอร์ยังอยู่ที่ 0:0


ครึ่งหลัง
     ลงมาลุยกันต่อในครึ่งหลัง ทั้งสองทีมไม่พูดพร่ำทำเพลงต่างเปิดเกมรุกเข้าใส่กันทันที ก่อนที่ ลิเวอร์พูล จะมาเสียฟรีคิกจากระยะหวังผลในนาทีที่ 50 จากจังหวะที่ มาสเคราโน่ เข้าไปกระแทกด้านหลังของ ไวท์เฮด และเป็น ลอว์เรนช์ ที่ซัดไปแฉลบกำแพงออกหลังไป สโต๊ค ได้ลูกเตะมุม

     และในนาทีที่ 57 ลิเวอร์พูล คลายความกดดันไปได้บ้างเมื่อมาได้ประตูแรกจากจังหวะลูกฟรีคิกของ ออเรลิโอ ซัดด้วยซ้าย โซเรนเซ่น รับกระเฉาะบอลมาเข้าเท้าของ คีร์เกียกอส เข้าซ้ำไม่มีเหลือ ลิเวอร์พูล ขึ้นนำ 1:0

     นาทีที่ 60 สโต๊ค เกือบมาได้ประตูตีเสมอจากลูกทุ่ม คาร์ราเกอร์ โหม่งบอลไม่ขาด บอลมาถึง ตุนกาย โขกซ้ำข้ามคานออกไปอย่างน่าเสียดาย

     นาทีที่ 74 โอกาสตกเป็นของ สโต๊ค ที่เกือบจะมาได้ประตูตีไข่แตกจากลูกเตะมุม ฟูลเลอร์ ขึ้นโขกเสาแรก แต่ เรน่า จอมหนึบ ลิเวอร์พูล ก็ยังไม่มีพลาด

     นาทีที่ 77 มักซี่ ได้ประเดิมสนามเป็นนัดแรก หลังจากที่ เบนิเตซ ตัดสินใจถอด เดเก้น ออกมานั่งพักที่ข้างสนาม

     10 นาทีสุดท้ายก่อนทดเวลาบาดเจ็บ เจ้าถิ่นเร่งเครื่องบุกอย่างหนักหวังตามตีเสมอให้ได้ แต่ก็ยังไม่ผ่านแนวรับของทีมเยือน

     เกมดูเหมือนจะจบด้วยผลดังกล่าว แต่แล้วในนาทีที่ 90 สโต๊ค ตามตีเสมอได้สำเร็จ จากลูกเตะมุมของ เอเธอริงตัน มาเสาสองผู้เล่นของ ลิเวอร์พูล เคลียร์บอลไม่ขาด ก่อนที่ โรเบิร์ต ฮูธ จิ้มด้วยขวาเข้าประตูไป หมดเวลาการแข่งขัน สโต๊ค ซิตี้ ตามแบ่งแต้มจาก ลิเวอร์พูล ได้สำเร็จด้วยสกอร์ 1:1



รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
สโต๊ค ซิตี้ : ระบบ 4-4-2
ผู้รักษาประตู : โธมัส โซเรนเซ่น
กองหลัง : อับดูลาย ฟาย (น.26 วิลคินสัน), ไรอัน ชอว์ครอสส์, โรเบิร์ต ฮูธ, แดนนี่ ฮิกกิ้นบอตแฮ่ม
กองกลาง : รอรี่ ดีแล็ป (น.23 ลอว์เรนช์), ดีน ไวท์เฮด, ซาลิฟ ดิเยา, แม็ทธิว เอเธอริงตัน
กองหน้า : ตุนกาย ซานลี่, มามาดี้ ซิดิเบ้ (น.65 ฟูลเลอร์)
ตัวสำรอง : สตีฟ ไซมอนเซ่น, เกล็น วีแลน, เลียม ลอว์เรนช์, ริคาร์โด้ ฟูลเลอร์, แดนนี่ พิวจ์, แดนนี่ คอลลินส์, แอนดี้ วิลคินสัน

ลิเวอร์พูล : ระบบ 5-4-1
ผู้รักษาประตู : โฆเซ่ เรน่า
กองหลัง : ฟิลิปป์ เดเก้น (น.77 มักซี่), เจมี่ คาร์ราเกอร์, มาร์ติน สเคอร์เทล, โซติริออส คีร์เกียกอส, เอมิเลียโน่ อินชัว
กองกลาง : ลูคัส เลว่า, ฟาบิโอ ออเรลิโอ, เดิร์ก เค้าท์, ฮาเวียร์ มาสเชราโน่
กองหน้า : ดาวิด เอ็นก็อก (น.87 อาควิลานี่)
ตัวสำรอง : ดิเอโก้ คาวาเลรี่, อัลแบร์โต้ อควิลานี่, เจย์ สเปียริ่ง, สตีเฟ่น ดาร์บี้, ปาเชโก้, มักซี โรดริเกรซ


เครดิต RAKBALL.NET

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์