สิ่งที่เดอะ ค็อป เรียกร้อง


 

น่าฉงนกับสิ่งที่ ราฟาเอล เบนิเตซ เคยหล่นคำพูดไว้ว่านับแต่ที่เขาสัมผัสความเป็นลิเวอร์พูลซึมสู่กระแสเลือด เขาเริ่มเรียนรู้ว่าทำไม บิล แชงค์ลี่ย์ ถึงพูดว่าฟุตบอลเป็นยิ่งกว่าความเป็นความตาย
 
ในลมหายใจของ ปรมาจารย์ แชงค์ สื่อความหมายของฟุตบอลก่อนกลั่นออกมาความรู้สึกของท่านได้อย่างทิ่มแทงใจเป็นที่สุด
 

แต่ว่าน่าเสียดายที่ ราฟา คงเรียนรู้ความเป็นแชงค์ลี่ย์ได้ไม่ถึงกระผีกกระมัง เพราะถึงตรงนี้คงยังตีโจทย์คำว่า ลิเวอร์พูล เวย์ หรือสไตล์การเล่นอันเป็นเสน่ห์ของทีมๆ นี้ไม่ออก 
 
ไม่ว่าเสียงเพรียกจากเดอะ ค็อป จะดังก้องเพียงใด ทว่า เบนิเตซ กลับเอามือป้องหูตัวเองพร้อมกับปิดตาโดยยึดมั่นเพียงแค่ว่าสไตล์การทำทีมของเขานำมาซึ่งความสำเร็จของลิเวอร์พูลจนลืมไปว่าแฟนๆ ต้องการอะไร
ใช่ความสำเร็จหนึ่ง  
 

เคยทำให้ชื่นมื่นในวันมหัศจรรย์ที่ อิสตันบูล หนึ่ง 
 
แต่นอกเหนือจากนั้นล่ะ เราแทบไม่ได้เห็นเลยนับแต่ พี่ป๊อด เซ็งเป็ด เข้ามาทำทีมก็คือ ฟุตบอลที่เล่นเพื่อแฟนบอล มันเป็นคำง่ายๆ จะว่าโจทย์ที่ไม่หินเท่าไหร่ก็ได้ ทว่าถึงบัดนี้เขายังไม่สามารถสร้างสิ่งนี้ให้บังเกิดได้ และตราบใดที่ยังทำไม่ได้ ลิเวอร์พูลก็ไม่มีทางเป็นแชมป์ลีกสูงสุดที่ถวิลหามานาน
 

จริงๆ แล้วฟุตบอลไม่ใช่แค่เล่นเพื่อให้ได้รับชัยชนะอย่างเดียว เพราะฟุตบอลของ บิล แชงค์ลี่ย์ มันมีมากกว่านั้น โดยเฉพาะกับการใส่คำว่า พาสชั่น แห่งเกมเข้าไปด้วย 
 
ฟุตบอล กับ แฟนบอล ต้องไปด้วยกันอย่างกลมกลืนเดินไปตามครรลองที่สอดคล้องกันความสำเร็จ จะขาดซึ่งองค์ประกอบหนึ่งใดไม่ได้ 
 
ซึ่งลึกๆ ผมว่าเดอะ ค็อป รู้ดีว่าการจะกลับสู่ความยิ่งใหญ่ต้องใช้เวลา ขนาดปีศาจแดงต้องรอเวลาเป็นยี่สิบกว่าปี ใช่ เดอะ ค็อป รู้
 

และผมก็เชื่อว่าเดอะ ค็อป ทุกคนไม่ได้ถึงกับคิดว่าแพ้ไม่ได้เลยหรอก เพียงแต่สิ่งแรกที่ทีมต้องชนะให้ได้ก่อนมันคือการเล่นที่ ชนะ ใจแฟนบอลมากกว่า
  

ถ้าทีมสามารถเล่นเพื่อชนะใจแฟนบอลได้ ลิเวอร์พูลก็สามารถที่จะเป็นแชมป์ได้เพราะพวกเขาจะมีผู้เล่นคนที่ 12 ลงสนามทุกเกมนั่นเอง
 

ซึ่งนัดกับ อาร์เซน่อล แมตช์ ซูเปอร์ซันเดย์ที่ผ่านมาก็น่าจะบ่งชี้ว่า เบนิเตซ กำลังเดินหลงทางกระมัง เป็นไปได้ที่เขากำลังกดดันกับความล้มเหลวที่คืบคลานเข้ามาจึงทำให้แท็กติกการเล่นในครึ่งหลังทำราวกลับจงใจกระทืบหัวใจของแฟนๆ ให้แหลกสลาย
 

การมาโยนแพะให้กับ เกล็น จอห์นสัน มันไม่ใช่เรื่อง เพราะถ้าถามถึงความรู้สึกของแฟนบอลมันผิดพลาดตั้งแต่วินาทีที่บอลในครึ่งหลังถูกเขี่ยแล้วด้วยซ้ำ 
 

ลิเวอร์พูลในครึ่งแรก กับลิเวอร์พูลในครึ่งหลัง คือลิเวอร์พูลที่มีชีวิต กับ ลิเวอร์พูลที่ไร้จิตวิญญาณ
 

และถึงตรงนี้เรากำลังเรียกร้องลิเวอร์พูลครึ่งแรกให้กลับมา 
 
ทุกวันนี้ถามว่าเดอะ ค็อป รู้มั้ยว่านับจากนี้ไปแท็กติกของเบนิเตซจะเป็นอย่างไร เชื่อว่าทุกคนก็มองออกก่อนพวกเขาจะภาวนาว่า อย่า อย่า แต่ก็ไม่สำเร็จ 
 
ราฟาจะมีอะไรมากนำเมื่อไหร่ อุดเมื่อนั้นแล้วค่อยโต้ เอาประตูที่สอง
 

ราฟาจะมีอะไรมากนาที 70 ค่อยเปลี่ยนตัวสำรองลง
 

ราฟาจะมีอะไรมากทีมพลาดหน่อยก็นั่งจดๆๆ ยิกๆๆ แล้วก็บ่นกับสตาฟฟ์โค้ช
 

ราฟาจะมีอะไรมากพอโดนเจาะประตูก็ตบหัวเข่าแล้วก็ส่ายหัว
 

ราฟาจะมีอะไรมากซื้อ อัลแบร์โต้ อาควิลานี่ มา 20 ล้านปอนด์ให้ลงเล่นเกมแชมเปี้ยนส์ ลีก ที่ตกรอบไปแล้ว  
 

ราฟาจะมีอะไรมาก ลูคัส เลวา ได้ลงเล่นทุกเกม 
 

ราฟาจะมีอะไรมากทำเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยากอยู่เสมอโดยเฉพาะการจัดตัวเคยเอา ฟาบิโอ ออเรลิโอ เล่นกลางรับซะเลย เล่นปีกซ้ายด้วยทั้งๆ ที่มีปีกให้ใช้อื้อซ่า
 

ราฟาจะมีอะไรมากๆๆๆๆๆๆๆๆ  
 

ซึ่งเกมเมื่อวันก่อนจริงๆ แล้วครึ่งแรกกับการเล่นเพรสซิ่งใส่อาร์เซน่อลพร้อมกับบอลหนักและการจ่ายบอลที่ได้เสียของ สตีเว่น เจอร์ราร์ด ทีมสามารถบีบให้กันเนอร์สของเวนเกอร์ เล่นไม่ออกถือว่าทำได้ดีมาก ดีถึงขั้นที่ถึงกับกุนซือใหญ่แห่งค่ายปืนโตระเบิดอารมณ์ในห้องแต่งตัวบอกกับ เชส ฟาเบรกาส ว่าถ้าเล่นได้แค่นี้ก็ไม่สมควรใส่ยูนิฟอร์มของอาร์เซน่อลเลย
  

แต่ครึ่งหลังล่ะ เบนิเตซ เลือกฆ่าตัวเองตายเพราะดูถูกแท็กติกครึ่งแรกของตัวเองโดยเลือก เพลย์เซฟ เน้นการถอยลงมาตั้งรับคุมโซน เลือกที่จะให้อาร์เซน่อลมีพื้นที่เล่นมากขึ้นและมันก็ไม่ต่างจากการยื่นดาบให้คู่แข่งแทงตัวเอง 
 

ตลอดเวลา เบนิเตซ คงมั่นใจกับเกมรับเต็มประดาว่าเหนียวแน่นทั้งๆ ที่เห็นชัดเจนว่า ลิเวอร์พูล ซีซั่นนี้จะรับก็ไม่เห็นดีเด่ตรงไหน มีรูรั่วเต็มไปหมด ซึ่งแทนที่เขาจะเลือกกดดันอาร์เซน่อลเพื่อเอาประตูที่สองกลับเลือกยันเพื่อขอประตูเดียว
 

นั่นเป็นบทสะท้อนชัดเจนว่าภาวะผู้นำของราฟาเป็นอย่างไร
 

ซึ่งถ้าบุคลิกของกุนซือสะท้อนความเป็นทีมออกมามันก็คงใช่ที่ว่า ลิเวอร์พูล ยุคราฟา ก็เป็นเหมือนนิสัยของ ราฟา ล่ะครับ คือไม่ชอบที่จะเสี่ยง ชอบอะไรที่ชัวร์ๆ แต่มันไม่เคยชัวร์ 
 
มิน่าแฟนผีแดง หรือแฟนทีมอื่นถึงภาวนานักขอแพ้ ลิเวอร์พูล ก็ได้แต่ให้ ราฟาอยู่ในตำแหน่งต่อเพราะจะได้นั่งเผาบ้านตัวเองไปเรื่อยๆ
 

ดังนั้น ถึงตรงนี้มันน่าจะถึงเวลาหรือยังที่ เบนิเตซ จะเลือกทำอะไรสักอย่างในการปรับแนวคิดการทำทีมใหม่ทำอย่างไรให้เล่นเพื่อเอนเทอร์เทนแฟนๆ เพราะระดับลิเวอร์พูลแล้วถ้าเล่นเกมรุกพวกเขาทำได้เผลอๆ ทำได้ดีกว่าการแทงกั๊กว่าจะเล่นแบบไหนด้วยซ้ำ 
 
ทางเลือกส่วนตัวสำหรับผมเองนั้นมองว่าในยามที่แค่เบนเป้าเปลี่ยนมาติดท็อปโฟร์แล้วจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเร่งทำแต้มอย่างด่วนจี๋และการจัดทีมต้องปรับซะแล้ว โดยการดันเอา เกล็น จอห์นสัน ไปเล่นปีกขวาซะเลย แล้วส่ง เดิร์ค เค้าท์ เป็นหน้าคู่ หรือหน้าตัวต่ำ สนับสนุน เฟร์นานโด ตอร์เรส ขณะที่ สตีเว่น เจอร์ราร์ด ถอยมาเป็นมิดฟิลด์ตัวกลางร่วมกับ ฮาเวียร์ มาสเคราโน่ แต่ให้อิสระการเล่นของสตีวี่ เหมือนเดิม ขณะที่ แบ็กขวาถ่าง เจมี่ คาร์ราเกอร์ ไปยืนแล้วใส่ มาร์ติน สเคอร์เทล เล่นเซนเตอร์ร่วมกับ แอ็กเกอร์ ส่วน ลูคัส เลวา น่ะหรือต้องยอมรับแล้วว่าต่อให้ตอนซ้อมจะดีแค่ไหนแต่แข่งจริงไม่พัฒนาอย่างนี้ก็ควรจับใส่สนับก้นนั่งยาวได้แล้ว 
 

จำเป็นอย่างยิ่งแล้วครับที่ ราฟาต้องเลือกว่าลิเวอร์พูลจะเล่นแบบไหนในช่วงที่ไม่มีอะไรจะเสีย เน้นรับ แต่กลับผิดพลาดสู้เน้นรุกเดินหน้าฆ่ามันได้ใจแฟนๆ ไม่ดีกว่าหรือ
 

บางทีตลอดมาแท็กติกของราฟานี่แหละที่กลบความเป็นลิเวอร์พูล ดูถูกความเป็นลิเวอร์พูล ทีมที่เคยได้ฉายาว่า เครื่องจักรสีแดง อยู่
 

เกมกับวีแกนนัดต่อไปจงปลดปล่อยให้ลิเวอร์พูลโบยบินเล่นได้อย่างอิสระ อย่าหน่วงเหนี่ยวหงส์ตัวนี้เอาไว้เพียงเพราะคิดว่าเล่นเพื่อให้ชนะ จนลืมคิดไปว่าลิเวอร์พูลที่แท้จริงไม่ใช่เล่นเพื่อชนะอย่างเดียวแต่ต้องเล่นให้ได้ใจเดอะ ค็อป ด้วย
 

ถ้าทำได้มนต์ขลังแห่งแอนฟิลด์จึงจะกลับมาพวกเราถึงกล้าจะฝันถึงแชมป์กันไม่อย่างนั้นตัวเองก็น่าจะรู้ดี
 

ประวัติลิเวอร์พูลไม่เคยไล่ผู้จัดการทีมออก 
 

กระนั้นถ้ามันยากจนเกินเยียวยา หวังว่าสุดท้ายคงไม่หน้าหนาต้องมาลากันแบบ สาปส่ง เลย 
 

เต็ก บางจาก

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์