ชปล. ยังยากเลยมั้ง? : โดย..แจ๊คกี้

ซ้ำขออภัย

 

สตีเวน เจอร์ราร์ด บอกว่า “ผิดหวัง หัวเสียเอามากๆที่ลิเวอร์พูลหมดลุ้นแชมป์” ปีนี้

 


ความรู้สึกคงไม่แตกต่างจากแฟนบอลลิเวอร์พูลทุกคน เช่นเดียวกันกับความรู้สึกแบบนี้คงเกิดขึ้นภายในทีม โดยเฉพาะล่าสุดเสมอ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส ก่อนโดนเขี่ยร่วงจากที่ 5 มาที่ 7 แต้มห่าง เชลซี 12
 

วันนี้ไม่มีใครพูดเรื่อง “ลุ้นแชมป์” แต่จะให้ เจอร์ราร์ด นักเตะวัย 29 ย่าง 30  ปี ไม่พูดถึงคงไม่ได้ อายุอานามลดน้อยถอยลงไป ไฟในการเล่นคงไม่คุโชนเหมือนเมื่อ 11 ปีก่อนสมัยขึ้นชั้นจากทีมเยาวชนมายืนตำแหน่งแบกขวา ด้วยสายตาของ เชราร์ อุลลิเยร์ ที่หวังสร้างดาวโรจน์ขึ้นชั้นทีมหงส์แดง 
 

ในดีวีดีล่าสุดของ เจอร์ราร์ด เขาพูดอย่างภูมิใจว่า “แค่สวมเสื้อหงส์แดงทีมโปรดนับว่าฝันได้กลายเป็นจริงแล้ว แต่นี่เขาได้โอกาสเล่นถึง 500 นัดพร้อมปลอกแขนกัปตันทีม มันคือความภาคภูมิใจในชีวิตอย่างถึงที่สุด” ซึ่งผมเองอยากต่อให้ว่า
 

“ยิ่งถ้าได้ชูถ้วยแชมป์พรีเมียร์ลีกด้วย ชีวิตของ สตีเวน เจอร์ราร์ด คงเป็นตำนานอย่างยิ่งใหญ่”
 

เจอร์ราร์ด ปฏิเสธว่าเขายังไม่ใช่สุดยอดนักเตะ เรื่องนี้จะตัดสินเมื่อเขาเลิกเล่นบอลไปแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการคว้าแชมป์ลีกสูงสุดอันเป็นถ้วยที่นักเตะอาชีพทุกคนล้วนแล้วแต่ปรารถนา
 

ลองคิดดูนะครับว่าบรรดาเพื่อนร่วมทีมชาติอังกฤษหลายคนส่วนใหญ่คว้าแชมป์ลีกสูงสุดได้แล้ว กลุ่มนักเตะจาก แมนฯยูไนเต็ด และ เชลซี โดยเฉพาะนักเตะบางคนที่ได้แชมป์เมื่อเทียบฝีเท้ากันแล้ว สตีเวน เจอร์ราร์ด เหนือกว่าอย่างเห็นได้ชัด
 

แต่พวกเขาเหล่านี้เป็นนักเตะฝีเท้าดีอยู่ในทีมที่ดี อันนี้หมายถึงทีมที่พร้อมเป็นแชมป์ สำหรับ เจอร์ราร์ด อยู่ในทีมลิเวอร์พูลกับชุดนักเตะที่ไม่พร้อมสำหรับการเป็นแชมป์ ความผิดหวังจึงเดินเข้ามาทักทายอีกปีหนึ่ง หลังจากปีกลายทำได้ดีกว่าทุกๆปี 
 

ถึงวันนี้ลิเวอร์พูล เอฟซี คงต้องตั้งเป้าหมายใหญ่ในการไล่ล่าอันดับโควตาแชมเปี้ยนส์ ลีก ไม่ใช่หวังลุ้นถ้วยรางวัลอย่าง ยูโรปา ลีก หรือเอฟเอ คัพ เพราะสองรางวัลนี้ไม่ได้บอกถึงความก้าวหน้าในการพัฒนาทีม เขียนแบบนี้ไม่ได้หมายความว่า ถ้วยสองใบนี้ไร้คุณค่า
 

ทุกถ้วยมีคุณค่าในตัวของมันเอง เพียงแต่เมื่อลิเวอร์พูลต้องการกลับไปเล่นในแชมเปี้ยนส์ ลี่กให้ได้ในปีหน้า พวกเขาต้องลุ้นอันดับทอปโฟร์ของพรีเมียร์ลีก ไม่ใช่ลุ้นแชมป์บอลถ้วยที่เหลืออีกสองใบ
 

ดังนั้นเป้าหมายแรกคือทำให้ดีที่สุดในพรีเมียร์ลีก ไม่ใช่ ชนะ 1 นัด เสมอ 3 นัด แพ้อีก 2 นัด มี “มินิ วิกฤตการณ์” เกิดขึ้นเป็นระยะ ถ้ายังไม่อาจโกยคะแนน ชนะต่อเนื่องได้อีก ลิเวอร์พูล กำลังย้อนเส้นทางระหว่างปี 2004-2006
 

นั่นคือช่วงเวลาที่ลิเวอร์พูลมักเผชิญหน้ากับปัญหาในทีมเยอะแยะไปหมด
 

นักเตะเจ็บบ้าง...ฟอร์มหลุดกันบ้าง ประเภท 10 นัดชนะแค่ 1 เหมือนที่ผ่านมา
 

แบบนั้นมันทำให้ลุ้นเหนื่อย ยิ่งตอนนี้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ประกาศเอาจริงเอาจัง หลังล้มเชลซีได้ นั่นคงเป็นอีกหนึ่งคู่แข่งสำคัญสำหรับการแย่งพื้นที่แชมเปี้ยนส์ ลีก อันนี้ไม่รวม สเปอร์ส และ วิลล่า ที่ยังต้องรอพิสูจน์ตัวเองให้มั่นคงกับลีกนี้ซะก่อน
 

ดูแล้วงานช้างสำหรับ ลิเวอร์พูลในการลุ้นพื้นที่ แชมเปี้ยนส์ ลีก หากยังเล่นบอลสะเปะสะปะ ออกลูกมั่วในแนวรับ แถมยังครองเกม เก็บบอลเอาไว้กับทีมไม่ได้ เสียง่าย อยู่บ่อยๆ
 

บางที สตีเวน เจอร์ราร์ด อาจต้องเปลี่ยนความคิดซะใหม่ คงไม่แค่หัวเสีย ผิดหวังเรื่อง “หมดลุ้นแชมป์” เท่านั้น มันอาจแย่ถึงปีหน้าไม่ได้ไป แชมเปี้ยนส์ ลีก หากนักเตะทุกคนไม่แสดงสปิริต ต่อสู้ เพื่อให้ทีมกลับมาชนะในเร็ววัน
 

ตอนนี้ต้องทำก่อนสิ่งแรกคือ ต้องเล่นเพื่อชนะก่อน 
 

จะทำอย่างนั้นได้ในช่วงเวลาอันเลวร้าย ทีมต้องการสปิริตเพื่อต่อสู้ ถ้าเล่นด้วยหัวใจแล้วโอกาสชนะย่อมมี ไม่อย่างนั้นทีมเล็กๆที่ลุ้นตกชั้นจะอยู่รอดได้ยังไง
 

แสดงสปิริตต่อสู้เพื่อชนะ เพราะชัยชนะจะทำให้เกิดความมั่นใจ เมื่อมั่นใจแล้ว....เป้าหมายที่ต้องการมีโอกาสโดนพิชิตได้ไม่ยาก


 


 
JACKIE


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์