สิงห์บูลแพ้ต่อ หง์แดงเจ๊ากุหลาบ





แมนฯ ซิตี้ 2 - เชลซี 1

 

คู่สำคัญที่ซิตี้ ออฟ แมนเชสเตอร์ แมนฯ ซิตี้ ที่ผ่านเข้ารอบตัดเชือกคาร์ลิ่งคัพได้สำเร็จมีโรบินโญ่กลับมาเป็นตัวจริงแทนเคร็ก เบลลามี่ที่เดี้ยง ส่วนสตีเฟ่น ไอร์แลนด์เจ็บเข่าจึงเป็นโอกาสได้ลงสนามของไนเจล เดอ ย็องก์
 
สำหรับเชลซีซึ่งตกรอบรายการเดียวกันนี้หันกลับมาใช้งานขุนพลชุดใหญ่แบบเต็มถัง มีเพียงซาโลมง กาลูที่บาดเจ็บจากเกมกลางสัปดาห์
 
แมนฯ ซิตี้เปิดฉากลุยก่อนทันที และในนาทีที่ 5 ก็มาได้ฟรีคิกริมเขตโทษด้านซ้ายเมื่อบรานิสลาฟ อิวาโนวิชเสียบใส่โรบินโญ่ คาร์ลอส เตเวซจึงป้ายบอลเข้ากลางให้เดอ ย็องก์วิ่งเข้าแประยะ 18 หลาเฉี่ยวเสาไกลออกไป
 
อย่างไรก็ดี นาทีที่ 8 เชลซีก็ได้ลูกเตะมุมด้านซ้ายแล้วบอลที่ลอยข้ามฝากไปอีกฝั่งถูกสาดกลับเข้าเขตโทษไปใหม่โดยมีดิดิเยร์ ดร็อกบาโขกตั้งให้อิวาโนวิชแปเผาขนชนตัวเชย์ กิฟเว่นออกมา นิโกล่าส์ อเนลก้าจึงเข้าซ้ำสิบหลาถูกนายทวารเจ้าบ้านบล็อคได้อีก แต่บอลกระทบเอ็มมานูเอล อเดบายอร์ที่ยืนอยู่หน้าประตูหลุดเข้าตุงตาข่ายจึงเป็นการยิงประตูตัวเองของกองหน้าผิวสีช่วยให้ทีมเยือนนำเร็ว 1-0
 
แม้จะเสียความบริสุทธิ์ แต่เกมของของเจ้าบ้านยังไม่เสียศูนย์ และนาทีที่ 20 โคโล่ ตูเร่กัปตันทีมก็โชว์ฟอร์มควบบอลจากกลางสนามขึ้นมาจนได้กระทุ้งจากริมเขตโทษด้านขวา แต่บอลพุ่งเข้าอกปีเตอร์เช็กพอดีแม้จะแฉลบจอห์น เทอร์รี่
 
นาทีต่อมา แฟนเรือใบได้ครางฮืออีกเมื่อริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่เสียหลักลื่นจึงเปิดทางให้แกเร็ธ แบร์รี่หลุดไปถึงเส้นหลังฝั่งซ้ายก่อนจะป้ายคืนมาให้อเดบายอร์เข้าสังหารระยะแปดหลา ทว่าบอลหลุดเสาแรกออกไปอย่างน่าเสียดาย
 
ทีมตราเรือใบบุกใส่สิงห์บลูส์อย่างน่าดูชม และนาทีที่ 26 ก็ได้เสียวอีกจากการขึ้นโขกของไมกาห์ ริชาร์ดส์ที่ลุยขึ้นมาทางขวาแล้วแบร์รี่ได้กระทุ้งหน้าเขตโทษ แต่แฉลบมิชาเอล เอสเซียงหลุดกรอบไป
 
เชลซียังถูกบุกจนโงหัวไม่ขึ้น กระทั่งนาทีที่ 35 เจ้าบ้านก็น่าจะทวงสกอร์คืนได้จากลูกโยนทางกราบขวาของฌอน ไรท์ ฟิลลิปส์ที่เช็กออกมาคว้าไม่ทัน ถูกริชาร์ดส์ชิงเข้าถึงบอลก่อนแล้วบอลหลุดไปอีกฝั่งให้อเดบายอร์เข้าอัดเผาขนแก้ตัวได้เปลี่ยนสกอร์เป็น 1-1 แม้ทีมเยือนจะพยายามประท้วงว่าบอลกระทบแขนริชาร์ดส์ก่อนที่หอกโตโกจะซัลโวแต่ก็ไม่เป็นผล
 
พอโดนสอยตาข่าย เชลซีก็กลับมาเล่นเกมรุกได้ดีขึ้น และถึงนาทีที่ 44 ก็ได้ลูกฟรีคิกระยะ 25 หลาทางกราบซ้ายหลังตูเร่ทำฟาวล์แฟร้งค์ แลมพาร์ด แต่ดร็อกบาวิ่งเข้าแปเต็มแรงถากสามเหลี่ยมเสาไกลไปแค่คืบเท่านั้น
 
เข้าสู่ช่วงทดเวลาเจ็บ จอห์น เทอร์รี่เข้าขวางเตเวซที่ลากบอลโต้ขึ้นมาจนคะมำจึงโดนจดชื่อเป็นรายแรก ครบ 45 นาทีทั้งสองทีมจึงเสมอกันไปอย่างสนุก 1-1
 
       
ครึ่งหลังเรือใบมีเสียวก่อนในนาทีที่ 54 จากลีลาความพลิ้วของไรท์ ฟิลลิปส์ที่ลากบอลหนีแอชลีย์ โคลเข้าไปถึงเส้นหลังฝั่งขวาได้จึงป้ายบอลให้อเดบายอร์เช็คบิลผ่านเช็กได้แล้ว แต่อิวาโนวิชเคลียร์ทิ้งจากเส้นประตูได้ทัน
       
กระนั้นก็ดี นาทีที่ 56 ผู้ตัดสินก็เป่าฟาวล์พร้อมทั้งมอบใบเหลืองให้คาร์วัลโญ่โดยระบุว่ายกเท้าสูงใส่เตเวซแม้กองหลังโปรตุกีสจะชิงสกัดบอลได้ก่อน และจากลูกฟรีคิกระยะ 23 หลาทางด้านซ้าย ดาวยิงอาร์เจนไตน์ก็วิ่งเข้าซัดผ่านกำแพงเข้าตุงตาข่ายพาแมนฯ ซิตี้นำหน้า 2-1
       
ผ่านมาถึงนาทีที่ 63 แบร์รี่ก็มีใบเหลืองติดตัวในจังหวะเข้าปะทะใส่เดโก้ และนาทีต่อมาทีมจากลอนดอนก็เปลี่ยนคาร์วัลโญ่กับมิชาเอล บัลลัคออกโดยมีชูเลียโน่ เบลเล็ตติกับจอห์น โอบี มิเกลลงมาแทน
       
เกมรุกของสิงห์บลูส์เริ่มอันตรายมากขึ้นแล้ว จวบจนนาทีที่ 69 ริชาร์ดส์ก็เจ็บเข่าในจังหวะเข้าบล็อคลูกยิงของแอชลีย์ โคลแล้วฝืนเล่นต่อไม่ไหวต้องเดินออกไปให้เนดุม โอนัวฮาลงมารับภาระแทน
       
เข้าสู่นาทีที่ 74 เบลเล็ตติพุ่งเข้าเสียบใส่เวย์น บริดจ์น่าเกลียดจึงได้ใบเหลือง และส่งผลให้แบ็คซ้ายแมนฯ ซิตี้เจ็บจนต้องถูกหามลงเปลออกไปโดยมีแว็งซ็องต์ กอมปานีถูกเปลี่ยนลงมาแทนพร้อมทั้งย้ายแบร์รี่ไปเล่นเป็นแบ็คซ้าย
        
นาทีที่ 78 อิวาโนวิชไปกางแขนขวางในจังหวะที่กำลังจะถูกอเดบายอร์ควบบอลหนีจึงโดนจดชื่อ
       
กระทั่งนาทีที่ 83 เชลซีก็มาได้ลูกโทษหลังจากโอนัวฮาตามไปเตะใส่ดร็อกบาคว่ำ แต่แลมพาร์ดสังหารไปทางซ้ายของตัวเองถูกกิฟเว่นพุ่งปัดได้
       
เกมยังดำเนินไปอย่างดุเดือด และอีกสามนาทีให้หลังแอชลีย์ โคลก็เข้าเสียบเตเวซจึงได้ใบเหลืองเช่นเดียวกับเดโก้ที่ถูกแจกใบเหลืองย้อนหลังก่อนที่เกมจะหยุด
       
ถัดมาในนาทีที่ 87 ทีมเยือนก็ทิ้งโอกาสไปจากจังหวะที่เอสเซียงรับบอลจากอเนลก้าที่อยู่ทางกราบซ้ายแล้วป้ายเข้าเขตโทษด้านขวาให้ดร็อกบาหลุดเข้าแปเน้นๆเฉี่ยวเสาแรกออกไปอย่างไม่น่าเชื่อ
       
นาทีต่อมาทีมจ่าฝูงก็ต้องถอดเทอร์รี่ที่เริ่มเดินกระเผลกออกให้ฟลอร็องต์ มาลูด้าลงไปแทน แต่เป็นเรือใบที่ได้ลุ้นในนาทีที่ 90 จากลูกโต้กลับที่อเดบายอร์จ่ายให้เตเวซสปีดจากกลางสนามเข้าไปซัดในเขตโทษด้านซ้ายถูกเช็กปัดได้ที่เสาแรก
       
เข้าสู่ช่วงทดเวลาเจ็บ เจ้าบ้านเปลี่ยนโรบินโญ่ออกโดยมีปาโบล ซาบาเลต้าได้ลงมาแทน กระทั่งหมดเวลาเรือใบจึงหยุดสถิติเจ๊าในลีกเจ็ดนัดรวดได้โดยพิชิตเชลซี 2-1 ยังผลให้สิงโตน้ำเงินครามนำแมนฯ ยูไนเต็ดเหลือแค่สองแต้มเท่านั้น

       


รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
แมนฯ ซิตี้ : เชย์ กิฟเว่น, ไมกาห์ ริชาร์ดส์ (เนดุม โอนูโอฮาน.69), โคโล่ ตูเร่, โจลีออน เลสค็อตต์, เวย์น บริดจ์ (แว็งซ็องต์ ก็อมปานี น.76), ฌอน ไรท์-ฟิลลิปส์, ไนเจล เดอ ย็อง, แกเร็ธ แบร์รี่, โรบินโญ่ (ปาโบล ซาบาเลต้า น.90), คาร์ลอส เตเวซ, เอ็มมานูเอล อเดบายอร์
สำรองไม่ได้ใช้ : สจ็วร์ต เทย์เลอร์, ไมเคิ่ล จอห์นสัน, มาร์ติน เปตรอฟ, โรเก้ ซานตา ครูซ
ใบเหลือง : แกเร็ธ แบร์รี่


เชลซี : ปีเตอร์ เช็ก, บรานิสลาฟ อิวาโนวิช, ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่ (ชูเลียโน่ เบลเลตติ น.63), จอห์น เทอร์รี่ (ฟลอร็องต์ มาลูด้า น.88), แอชลี่ย์ โคล, มิกาเอล เอสเซียง, มิชาเอล บัลลัค (จอห์น โอบี มิเกล น.64), เดโก้, แฟร้งค์ แลมพาร์ด, นิโกล่าส์ อเนลก้า, ดีดิเย่ร์ ดร็อกบา
สำรองไม่ได้ใช้ : ฮิลาริโอ, เปาโล แฟร์ไรร่า, ยูริ เซียร์คอฟ, โจ โคล
ใบเหลือง : ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่, จอห์น เทอร์รี่, บรานิสลาฟ อิวาโนวิช, ชูเลียโน่ เบลเลตติ, แอชลี่ย์ โคล, เดโก้
 
ผู้ตัดสิน : ฮาวเวิร์ด เว็บบ์








แบล็คเบิร์น 0 -  0 ลิเวอร์พูล

สนาม : อีวู้ด พาร์ค
 

กุหลาบไฟ ได้ แซม อัลลาร์ไดซ์ กลับมานั่งดูเกมบนอัฒจันทร์ โดยเขาจัดเบนนี่ แม็คคาร์ธี่ ยืนคู่หน้ากับ ฟรังโก้ ดิ ซานโต ขณะที่หงส์แดง ยังไม่มี เฟร์นานโด ตอร์เรส แม้แต่ชื่อสำรอง โดยตัวจริงมี สตีเว่น เจอร์ราร์ด ที่ลงเล่นนัดที่ 500 ให้ลิเวอร์พูล นำทัพ แล้วให้ เดิร์ค เค้าท์ ยืนหน้าเป้า
 
เกมช่วง 10 นาทีแรกสู้กันตรงกลางสนามเป็นส่วนใหญ่ นาทีที่ 12 เจอร์ราร์ด ตวัดยิงหน้าเขตโทษแฉลบกองหลังกุหลาบผ่านหน้าประตูไป
 
เป็นเจ้าบ้านที่เริ่มตั้งเกมได้ นาทีที่ 25 จากจังหวะเตะมุมกองหลังลิเวอร์พูล เคลียร์บอลไม่ขาดมาเข้าทาง คริสโตเฟอร์ แซมบ้า พักอกก่อนยิงจากหน้าเขตโทษ บอลยังตรงตัวเรน่า
 
กว่าที่ลิเวอร์พูล จะลุ้นแบบเน้นๆ ก็รอถึงนาทีที่ 38 เมื่อ ลูคัส ได้บอลตรงกลาง แล้วไหลให้ เจอร์ราร์ด รออยู่ทางซ้ายแตะเข้าเขตโทษแล้วยิงติดบล็อกออกหลังไป
 
ช่วงที่เหลือไม่มีอะไรให้ลุ้นกันเลย จบครึ่งแรกเสมอกันแบบโนสกอร์ และรูปเกมน่าเบื่อสุดๆ
 
เปิดครึ่งหลังมานาที 54 ทีมเยือนได้โอกาสจากการยิงไกลของ เจอร์ราร์ด แต่บอลพุ่งเข้ามือ พอล โรบินสัน
 
ลิเวอร์พูล มีโอกาสอีกนาที 56 ลูคัส ลากบอลไปติดเส้นหลังก่อนจะหักเข้ากลาง บอลเลยมาถึง เค้าท์ ยิง แต่ก็ติดบล็อกกองหลัง
 
ทีมเยือนลุยต่อ นาที 58 จากลูกเตะมุม เจอร์ราร์ด โยนมาให้ ยอสซี่ เบนายูน ขวิด แต่บอลหลุดกรอบ
 
แบล็คเบิร์น มีเสียวบ้างนาที 62 ฟรังโก้ ดิ ซานโต กระชากเดี่ยวเข้าไปในเขตโทษ ก่อนจะกดด้วยซ้าย แต่เข้ามือ โฆเซ่ เรน่า
 
ลิเวอร์พูล พลาดโอกาสทองนาที 71 เกล็น จอห์นสัน กระชากบอลไปสุดเส้นหลัง ก่อนจะหักเข้ากลาง ดาวิด เอ็นก๊อก ตัวสำรองวิ่งเข้าชาร์จจ่อๆ บอลชนคานดังป๊าบ จังหวะต่อเนื่อง เค้าท์ ตามมาซ้ำก็ติดบล็อกอีก
 
จากนั้น ลิเวอร์พูล บี้ต่อเนื่องแต่ก็ยิงไม่ได้ จบเกมเสมอกัน 0-0


 

รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม 
แบล็คเบิร์น : พอล โรบินสัน, ปาสกาล ชิมบงด้า, คริสโตเฟอร์ แซมบ้า, ไรอัน เนลเซ่น, กาแอล ชิเว่ต์, เบร็ตต์ เอเมอร์ตัน, สตีเว่น เอ็นซอนซี่, วินเชนโซ่ เกรลล่า, เอล-ฮัดจิ ดิยุฟ, เบนนี่ แม็คคาร์ธี่, ฟรังโก้ ดิ ซานโต 
สำรอง : เจสัน บราวน์, เจสัน โรเบิร์ตส์, มอร์เตน กัมส์ท พีเดอร์เซ่น, คีธ แอนดรูว์ส, นิโกล่า คาลินิช, เดวิด ฮอยเล็ตต์, มิเชล ซัลกาโด้
 
ลิเวอร์พูล : โฆเซ่ เรน่า, เกล็น จอห์นสัน, เจมี่ คาร์ราเกอร์, แดเนียล แอ็กเกอร์, เอมิเลียโน่ อินชัว, ฮาเวียร์ มาสเคราโน่, ลูคัส เลวา, ยอสซี่ เบนายูน, สตีเว่น เจอร์ราร์ด, อัลเบิร์ต ริเอร่า, เดิร์ค เค้าท์ 
สำรอง : ดีเอโก้ คาวาเลียรี่, อัลแบร์โต้ อาควิลานี่, โซติริส คีร์เกียกอส, ดาวิด เอ็นก๊อก, นาบิล เอล ซาร์, มาร์ติน สเคอร์เทล, อันเดรีย ดอสเซน่า
 
ผู้ตัดสิน : มาร์ติน แอ็ตกินสัน




สรุปผลฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ

  • พอร์ทสมัธ ชนะ เบิร์นลี่ย์ 2-0

  • อาร์เซน่อล ชนะ สโต๊ค 2-0

  • แอสตัน วิลล่า ชนะ ฮัลล์ 3-0

  • แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส เสมอ ลิเวอร์พูล 0-0

  • เวสต์แฮม แพ้ แมนฯ ยูไนเต็ด 0-4

  • วีแกน แพ้ เบอร์มิงแฮม 2-3

  • วูล์ฟแฮมป์ตัน ชนะ โบลตัน 2-1



  • ข่าวจาก

    เครดิต :
     

    ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
    กระทู้เด็ดน่าแชร์