ล้มแล้วลุก



 

และแล้วความเป็นจริงสำหรับแฟนลิเวอร์พูล ก็ชัดเจนขึ้นเมื่อกลางสัปดาห์ที่ฮังการี


ทั้งที่เพิ่งบุกไปเอาชนะเดเบรเชน ได้ในแชมเปี้ยนส์ ลีก แต่ภาพจากจอมอนิเตอร์ที่ เฟเรนช์ ปุสกัส สเตเดี้ยม หลังจบเกม กลับทำให้นักเตะหงส์แดงพากันยืนกุมหัวด้วยความผิดหวัง


สกอร์ 1-0 ของฟิออเรนตินาเหนือลียง ยืนยันการตกรอบจากบอลถ้วยใหญ่ของยุโรปอย่างเป็นทางการแก่ลิเวอร์พูล โดยไม่ต้องดูผลนัดสุดท้ายในแอนฟิลด์กับทีมม่วงมหากาฬด้วยซ้ำ


นั่นหมายความถึงการต้องไปเผชิญชะตากรรมบนเวที ยูโรป้า ลีก ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า แทนรอบควอเตอร์ไฟนั่ลของแชมเปี้ยนส์ ลีก


นับเป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปีนับแต่ ราฟาเอล เบนิเตซ เข้ามาทำทีมแล้วลิเวอร์พูล มีอันต้องกระเด็นตกรอบแบ่งกลุ่ม


แน่นอนว่ามันหมายถึงการสูญเสียรายได้ไปหลายล้านปอนด์ ตามกระแสของแชมเปี้ยนส์ ลีก ที่มีเม็ดเงินตอบแทนมหาศาล เช่นเดียวกับโอกาสชูถ้วยใหญ่สุดของสโมสรยุโรปเป็นครั้งที่ 6


เล่นเอาแฟนหงส์จำนวนไม่น้อยบอกว่าเป็นการเสียศักดิ์ศรีที่ต้องลงไปเล่นบอลถ้วยเบอร์สองอย่างยูโรป้า ลีก หรือ ยูเอฟ่า คัพ เวอร์ชั่นใหม่


อันที่จริง สหพันธ์ฟุตบอลยุโรปนั่นต่างหาก ที่ทำให้ถ้วยนี้มันลดดีกรีความยิ่งใหญ่ลงไปเรื่อยๆ


สำหรับบอลสโมสรยุโรปเมื่อครั้งอดีตนั้น ถูกแบ่งออกเป็น 3 ลำดับ นั่นคือ ยูโรเปี้ยน คัพ, ยูเอฟ่า คัพ และคัพ วินเนอร์ส คัพ


ใบแรกนั้นสำหรับแชมป์ของแต่ละประเทศมาห้ำหั่นกัน ตามด้วยทีมอันดับรองลงมา ได้ไปเตะถ้วยเล็ก ขณะที่ใบสุดท้าย ชัดเจนตามชื่ออยู่แล้วว่าเป็นของแชมป์บอลถ้วย เท่านั้น


แต่เมื่อมีไอเดียทางการตลาดของแชมเปี้ยนส์ ลีก ที่เปลี่ยนโฉมหน้าบอลถ้วยใหญ่สุดของยุโรปไปสู่ระบบลีก ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง


จากแชมป์ทีมเดียว กลายเป็นหลายทีมได้เข้าไปเตะแชมเปี้ยนส์ ลีก ส่งผลต่อเนื่องให้ทีมในถ้วยยูเอฟ่า คัพ มีอันดับต่ำลงเรื่อยๆ


ด้วยผลตอบแทนมหาศาลชนิดฟ้ากับเหว เป้าหมายของทุกทีมจึงไปอยู่ที่แชมเปี้ยนส์ ลีก ก่อนเป็นอันดับแรก ชนิดที่หลายทีมไม่ค่อยแยแสถ้วยยูเอฟ่า รวมทั้ง คัพ วินเนอร์ส คัพ เท่าไหร่นัก


เอาแค่รายได้จากการเป็นผู้ชนะในเกมแชมเปี้ยนส์ ลีก นัดเดียว ก็เกือบเท่าหรือเยอะกว่าแชมป์ยูเอฟ่า คัพ แล้ว


มันส่งผลให้เกิดข้อเปรียบเทียบกันแบบช่วยไม่ได้จริงๆ


ความสำเร็จของแชมเปี้ยนส์ ลีก เลยทำให้อีกสองถ้วยค่อยๆ ถูกกลืนไปทีละน้อย กว่าสหพันธ์ฟุตบอลยุโรปจะขยับตัวหันมาเอาใจใส่ ก็ต้องบอกว่าสายเกินไปเสียแล้ว


ยูเอฟ่า ตัดสินใจยุบถ้วยคัพ วินเนอร์ส แล้วค่อยเพิ่มถ้วย อินเตอร์ โตโต้ มาเป็นสีสัน แล้วก็ต้องเลิกไปอีกเมื่อไม่กี่ปีก่อนนี้เอง


เกรดของถ้วยยูเอฟ่า คัพ เลยอยู่ในสภาพตกต่ำถึงขีดสุด ชนิดที่เหล่าบิ๊กทีมทั้งหลายมองเป็นแค่ถ้วยแก้บน ทั้งที่ในยุคแรกเริ่มถือเป็นถ้วยที่ทุกทีมหมายปองไม่น้อยไปกว่ายูโรเปี้ยน คัพ เลย


จากมติล่าสุด ถ้วยนี้จึงเปลี่ยนการ รีแบรนด์ ใหม่ให้เป็น ยูโรป้า ลีก หลังการชิมลางแบ่งสายเตะแบบแชมเปี้ยนส์ ลีก กันมาพอสมควร


ยูโรป้า ลีก ยุคใหม่แต่ใช้ถ้วยใบเก่า ประกอบไปด้วยรอบคัดเลือก 3 รอบ ตามด้วยเกมเพลย์ออฟ และรอบแบ่งกลุ่ม 48 ทีม ก่อนหวดรอบนอคเอาต์อีก 5 ด่านจนถึงรอบชิงฯ


รอบแบ่งกลุ่มนั่นเองที่แบ่งออกเป็น 12 กลุ่มๆ ละ 4 ทีม เตะแบบเหย้า-เยือน โดยสองอันดับแรกของทุกกลุ่มผ่านเข้ารอบ ไปรวมกับ 8 ทีมที่อกหักลงมาจากแชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม รวมเป็น 32 ทีม


นั่นคือด่านต่อไปที่ลิเวอร์พูล รวมทั้งอีก 7 ทีมที่ตกมาจากถ้วยใหญ่ต้องทำศึกต่อตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ปีหน้าเป็นต้นไป


กว่าจะถึงตรงนั้น หน้าที่แรกของราฟาและลูกทีม คือการกลับมาตั้งหลักให้ได้โดยเร็วในพรีเมียร์ลีก ซึ่งเริ่มเข้าสู่ช่วงโค้งที่หฤโหดสุดๆ


เมื่อไรที่ปฏิทินเปลี่ยนเป็นเดือนธันวาคม ทุกคนย่อมรู้กันอยู่แล้วว่า บอลอังกฤษคือเครื่องวัดความอึดเบอร์หนึ่งของโลก ด้วยคิวเตะแบบถี่ยิบ ตรงข้ามกับเพื่อนบ้านที่มีเบรกหนีหนาวกันเกือบหมด


ยิ่งกว่านั้น ด่านต่อไปที่หงส์แดงต้องเจอ ยังเป็นเอฟเวอร์ตัน คู่ปรับสำคัญร่วมเมือง แถมยังต้องไปเยือนกูดิสัน พาร์ค อีกต่างหาก


ว่ากันว่า เมอร์ซี่ย์ไซด์ ดาร์บี้ คือเกมที่ไม่เกี่ยวกับฟอร์มล่าสุดใดๆ ทั้งสิ้น


แต่เมื่อนำเอาผลงานของทั้งสองทีมมาเทียบเคียง เล่นเอาหลายคนต้องขมวดคิ้ว


ลิเวอร์พูล ชนะแค่ 2 จาก 11 นัด ขณะที่เอฟเวอร์ตัน ชนะ 1 จาก 9 นัดหลัง ไม่รวมเกมกลางสัปดาห์ที่ฮัลล์ ซิตี้ เรียกว่าทอฟฟี่สีน้ำเงินกำลังอยู่ในสภาพล้มๆ ลุกๆ พอกัน


ใครจะลุกขึ้นได้ก่อนกัน นั่นคือปริศนาที่รอคำตอบอยู่ในสุดสัปดาห์นี้


                                                                     ชู้ตเอ๊าต์

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์