เสียดาย...ลิเวอร์พูลกับเส้นทางคาร์ลิงคัพ โดยมาริโน่

สนทนาภาษาเด็กหงส์ : โดย..มาริโน่ :  นิทานก่อนนอน...
 

เสียดายครับ เสียดาย...ลิเวอร์พูล มีอันหลุดเส้นทางในถ้วยคาร์ลิง คัพ ไปซะแล้ว


ถือเป็นเกมที่สู้กันสนุกระหว่างเด็กปืน กับทีมสำรองของหงส์แดง จะว่าไปก็เหมือนอย่างอาร์แซน เวนเกอร์ พูดไว้ไม่ผิดนั่นเลยว่านัดนี้เหมือนชมเกมแชมเปี้ยนส์ ลีก มากกว่าจะเป็นแค่บอลถ้วยลำดับรองของอังกฤษ


เพราะคุณภาพของฟุตบอลประการหนึ่ง


เพราะความเร็วจี๋ในการเล่นของทั้งสองทีมก็อีกประการ


ดูแล้วรู้สึกได้เลยว่าเวลาแต่ละนาทีเดินไปเร็วมาก ไม่ชวนง่วงเหมือนคู่ถ่ายทอดสดในคืนก่อนหน้า ผมหลับตั้งแต่ไม่ทันพ้นครึ่งชั่วโมงแรก


กวาดตาดูรายชื่อที่กุนซือสองฝั่งจัดลงสนามเป็นตัวจริง มองไม่ออกว่าใครซีเรียสกว่ากัน อาร์แซน เวนเกอร์ หรือราฟา เบนิเตซ


ฟากเจ๊ เอ๊ย ฟากเวนเกอร์ เน้นใช้ความสดของเด็กลงบี้ในแดนกลาง แต่แผงหลัง โดยเฉพาะคู่เซ็นเตอร์ฮาล์ฟยังเลือกประสบการณ์มาก่อน เช่นเดียวกับแนวรุกที่มีทั่งเอดูอาร์โด้, นิคลาส เบนท์เนอร์ และที่เพิ่งหายเจ็บกลับมาหมาดๆ อย่างซามีร์ นาสรี่


ฉะนั้น จะบอกว่าอาร์เซน่อล ใช้แรงงานเด็กล้วนๆ ก็คงไม่ถูกต้องเสียทีเดียว


หันมาดูลิเวอร์พูล หลังจากการมองโลกให้ บวก ก่อนศึกแดงเดือดที่ผมเขียนไปเมื่อสัปดาห์ก่อน ได้ผลชะงัดชนิดเกินความคาดหมาย


เบนิเตซ ก็จัดแจงแปลงโฉมทีมไปถึง 9 คน หลงเหลือแค่เดิร์ก เค้าท์ ผู้สวมปลอกแขนกัปตัน กับเอมิลิอาโน่ อินซัว แบ็กซ้ายอาร์เจนไตน์


การ เกลี่ย ขุมกำลังก็ออกจะคล้ายกับเวนเกอร์  คือเลือกคู่เซนเตอร์ฮาล์ฟที่มีลูกเก๋านำหน้าความสด และใส่กองกลางดาวรุ่งพละกำลังเหลือเฟือ อย่างเจย์ สเปียริ่ง กับเดเมียน เพลสซิส ลงไปลุยแย่งบอล ส่วนแดนหน้าก็ให้โอกาสกลุ่มตัวสำรอง ทั้งดาวิด เอ็นก็อก กับ อังเดร โวโรนิน ลงเคาะสนิมเรียกความมั่นใจ


คือดูไปแล้วก็ไม่ใช่ว่าเวนเกอร์ และเบนิเตซ จะไม่ยี่หระหากบังเอิญว่าทีมแพ้ ต้องตกกระป๋องรายการนี้ขึ้นมา


ยังมีความอยากได้ มีความเสียดาย ติดปลายติ่งหลงเหลืออยู่บ้าง


โดยเฉพาะราฟา ซึ่งป่านนี้คงยังเข็ดเขี้ยวไม่หาย จากการเคยโดนอาร์เซน่อล บุกมาถล่มยับเยิน 6-3 ในถ้วยนี้เมื่อสักสองปีก่อน


จัดทีมจึงต้องเน้น วางแผนก็ต้องเน้น และเป็นสูตรเดิมที่เล่นงานแมนฯ ยูไนเต็ด จนได้ผล คือไล่บี้ประชิดเร็ว วิ่งเข้าหาบอลทุกคน


เพราะอาร์เซน่อล ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ แก่แดดแก่ลมพอกัน


พูดง่ายๆ ว่าเก่งเกินตัวนั่นแหละ


เกมนี้เมื่อลิเวอร์พูล มาเน้น จึงออกในรูปสูสี มีจังหวะผลัดกันเข้าทำ และถ้าไม่พูดเกินจริงไปนัก ทีมเยือนน่าได้ประตูขึ้นนำก่อน (ฟิลลิปป์ เดเก้น ยิงสมกับเป็นกองหลังจริงๆ) 


2-3 ครั้งที่เห็นบอลวัน-พาส สวยๆ หลายทอดของนักเตะหงส์แล้วสามารถจบด้วยการลุ้นทำประตู เป็นภาพที่น่าปลาบปลื้มว่าเออนะ ไม่ใช่แต่อาร์เซน่อล เท่านั้นที่ทำได้ ลิเวอร์พูล ก็ทำได้ดีไม่แพ้กัน


ผมชอบการควบตะบึงขึ้นเติมเกมทางฝั่งขวาของเดเก้น ดูแล้วยังเสียดายว่าไม่น่ากระดูกเปราะเป็นยุง เพราะถ้าแบ็กชาวสวิสคนนี้ฟิตขนาดลงเล่นฤดูกาลละ 50 นัดได้ล่ะก้อ ราฟา คงไม่ต้องถลุงเงินเกือบยี่สิบล้านปอนด์ไปกับเกล็น จอห์นสัน หรอก 


เดเก้น ผ่านเกมหนักในนัดนี้ โดนเสียบคาบลูกคาบดอก โดยเฉพาะจากคีแรน กิ๊บบ์ มาได้โดยไม่โดนหามลงเปล ก็น่าจะเป็นนิมิตรหมายอันดี


ส่วนคู่กลางในแผงมิดฟิลด์ เพลสซิส กับสเปียริ่ง มองว่าสอบผ่านในระดับหนึ่งสำหรับการทำลายเกมคู่แข่ง แต่ยังต้องขัดเกลาเรื่องการออกบอลให้ดีกว่านี้


อินซัว ยังทำหน้าที่ได้ดีเหมือนเคย และประตูแรกในสีเสื้อลิเวอร์พูล คงตราตรึงติดแน่นทนนานเป็นกาวตราช้างในความทรงจำของนักเตะ


เอ็นก็อก, สเคอร์เทล และคีร์เกียกอส เป็นอีกสามคนที่ผลงานนัดนี้อยู่ในแดนบวก แม้จะฉิวเฉียดไปบ้างก็ตาม


แต่ที่เห็นติดลบ ไฟแดงสว่างโร่ คงไม่พ้นนายทวาร ดีเอโก้ คาวาเลียรี่, ไรอัน บาเบิล และโวโรนิน


สองประตูที่เสียของคาวาเลียรี่ เป็นการโดนดักล่อเป้าเข้าเสาแรก โอเคว่าลูกยิงเช็ดเสาของฟราน เมริด้า เป็นสกอร์นำ 1-0 มาจากความผิดพลาดของโวโรนิน ที่แปะบอลคืนหลังสั้น และต้องรับไปเต็มๆ โทษใครไม่ได้


แต่คาวาเลียรี่ ก็เผยข้อเสียออกมาให้เห็น คือการยืนคุมเสาแรกไม่ดี อยู่ห่างเกินไป


ราวกับฉลามได้กลิ่นคาวเลือด ไม่รู้ว่าใครสังเกตบ้างว่าเบนท์เนอร์ หาโอกาสลักไก่สับไกหวังเสียบเสาแรกไม่ต่ำกว่า 3 หนหลังจากนั้น


จนกระทั่งประตู 2-1 และเป็นสกอร์เมื่อจบเกม เบนท์เนอร์ ก็ตะบันเข้าเหลี่ยมเดิม คือเสาแรกของคาวาเลียรี่


ถึงแม้ว่าจะเป็นลูกยิงที่ค่อนข้างอยู่ในพิกัดเผาขน แถมบอลมาเร็วและแรง แต่คาวาเลียรี่ ถ้ายืนถูกที่ถูกตำแหน่ง เพราะสเคอร์เทล ก็พุ่งมาบีบอีกทางเท่ากับการช่วยปิดโอกาสที่จะซัดเสาไกลจนเหลือรูเดียว คือเสาแรก


นายทวารชาวแซมบ้าก็ควรมีโอกาสเซฟลูกนี้ ไม่ว่าด้วยมือ, แขน, ใบหน้า หรือลำตัว


แต่เอาเถิดครับ แม้ว่าจะแพ้ เด็กหงส์ก็ยังได้ส่งเสียงเฮดังๆ กับการลงสนามเสียทีของ เจ้าชายน้อย อัลแบร์โต้ อาควิลานี่


หลายคนอาจบอกด้วยซ้ำว่าเหตุผลที่เฝ้ารอดูเกมนี้ แม้ว่าจะดีกดื่นขนาดไหน ก็เพราะอยากยลฝีเท้าของว่าที่ตัวตายตัวตายสำหรับชาบี อลอนโซ่ คนเดียวนี่แหละ


เห็นสายตาบวกกับน้ำหนักเท้าที่ชั่งเมื่อเช้าในการวางบอลให้เดเก้น หลุดทะลุขึ้นทางขวาลูกนั้นมั้ย ?

และเห็นลีลาลอยตัวจักรยานอากาศซัดเหมือนนักตะกร้อที่อาจได้ลุ้นถึงประตูตีเสมอ แต่บอลไปติดแขนของฟิลิปป์ เซนเดอรอส แถมผู้ตัดสิน อลัน ไวลี่ย์ ดันใจแข็งไม่ยอมเป่าให้จุดโทษ กันหรือเปล่า ?


เด็กหงส์คงถูมือด้วยความกระหายและกระสันที่อยากให้นักเตะเบอร์ 4 คนนี้ ออกสตาร์ตเต็มตัวในพรีเมียร์ ลีก เร็วๆ เสียแล้ว...


                                                   ...มาริโน่...

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์