Fernando Torres : My Secret (Part 1-2-3)

By : ลูกแม่กิ่ง

Link :
http://scouse.tv/?p=655

src=http://scouse.tv/wp-content/uploads/2009/09/fernandotorresbookcover.png

เพนนี เลน?

สำหรับเด็กตัวเล็กๆที่เกิดชานกรุงมาดริดแล้ว มันคงเป็นชื่อที่เขาไม่คุ้นหู ไม่รู้จัก และไม่เคยคิดที่จะสนใจเลยแม้แต่น้อยด้วยซ้ำ

เช่นกันกับ Yellow Submarine เพลงที่ร้องกับพี่น้องในสมัยเด็กๆนั้น เขาไม่รู้หรอกว่ามันเป็นเพลงของวง The Beatles วงดนตรีระดับตำนานอันเป็นความภาคภูมิใจของชาวเมอร์ซี่ย์ไซด์

ที่ร้องได้ก็เป็นเพราะการร้องตามพ่อเท่านั้นเอง

แต่บทเพลงนี้มันก็ได้กลายเป็นจุดเริ่มต้นของการเรียนรู้ภาษาที่แปลกและแตกต่างจากภาษาเอสปันญ่าที่พูดกันในบ้านเกิด ราวกับรู้ว่าในวันนึงข้างหน้ามันจะได้เป็น บทเรียนแรก สำหรับเขาในการจะก้าวไปค้นหาชีวิตใหม่ที่แตกต่างในอนาคต


เจ้าหนูคนนั้นไม่รู้เลยว่าเพลงของสี่เต่าทองที่เขาร้องมาตั้งแต่เด็กนั้นจะเป็น ด้ายแดง ที่ผูกชีวิตของเขาเข้ากับเมืองแห่งหนึ่งทางตอนเหนือของอังกฤษ

และถ้าวันนั้นมีใครสักคนพูดชื่อเมืองลิเวอร์พูลขึ้นมาและบอกว่าสักวันนึงเขาจะได้กลายเป็นลูกหลานทางความรู้สึกของชาวเมืองนี้  เขาคงจะหัวร่องอหายให้กับเรื่องนี้แน่

ลิเวอร์พูล? มันคืออะไร เขาไม่เคยได้ยินมาก่อน?


หนึ่งในปัญหาใหญ่ที่สุดสำหรับผมตอนที่ย้ายเข้ามาอยู่ที่ลิเวอร์พูล ก็คือเรื่องของกำแพงภาษา ภาษาอังกฤษของผมนั้นถูกจำกัดไว้แค่ความรู้ที่ผมเรียนที่โรงเรียน ฟูเอนลาบราดา เท่านั้น ซึ่งถึงเราจะคิดว่าเราพอรู้ภาษาอังกฤษมาบ้างนิดหน่อย และเราก็น่าจะเรียนรู้ได้โดยเร็ว แต่เมื่อมาอยู่จริงๆแล้ว มันทำให้ผมรู้เลยว่าผมไม่ได้รู้อะไรในเรื่องนี้เลยแม้แต่นิดเดียว

มีคนบอกให้ผมยอมรับตรงๆแล้วหัดพูดว่า 'ขอโทษนะ ผมฟังไม่รู้เรื่องเลย ช่วยพูดอีกครั้งได้ไหม?' แต่ความจริงก็คือผมไม่ได้ทำตามคำแนะนำนั้นทั้งหมดหรอก ผมมักจะปฏิเสธง่ายๆด้วยการส่ายหัวแล้วบอกว่า 'ไม่' มากกว่า นั่นเป็นสิ่งที่ทุกครั้งที่ผมจะทำเวลาไปซูเปอร์มาร์เกตและมีคนถามว่าผมต้องการ 'เงินทอน' หรือไม่ มันไม่ใช่เรื่องที่เราเคยเจอในสเปน และผมก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร ผมต้องใช้เลาตั้ง 3 เดือนกว่าจะรู้และเข้าใจในเรื่องนั้น

มีอยู่บ่ายวันนึง หลังจากที่ทานข้าวกลางวันเสร็จเราก็ตัดสินใจที่จะออกไปชอปปิ้ง ผมเคยได้ยินคนแนะนำให้ไปที่ คอสท์โก เราก็เลยไปที่นั่นและเราก็ได้เดินดูของกัน เมื่อเราเดินผ่านประตูห้างเข้าไป การ์ดก็มาห้ามเรา เราคิดว่าเขากำลังถามหาเรื่องบัตรสมาชิกซึ่งเราไม่มี และไม่รู้จะอธิบายเป็นภาษาอังกฤษว่ายังไง เราก็เลยหันหลังกลับแล้วเดินออกมาเลยโดยไม่พูดอะไรซักคำ วันต่อมาเราถึงรู้ว่าถ้าเราไม่ใช่สมาชิกเราก็ไม่สามารถจะซื้อของที่นั่นได้

คน 2 คนที่สำคัญต่อผมมากในช่วงวันแรกๆที่มาอยู่ที่นี่ก็คือ ร็อบ กับ อลัน ครูสอนภาษาอังกฤษของผมที่เมืองลิเวอร์พูล เรื่องที่พวกเขาทำให้ผมก็คือการพยายามโทรไปตามประกาศโฆษณาต่างๆ เราจะได้โทรไปแล้วถามว่าตกลงขายลูกหมาหรือเปล่า หรือว่าขายชุดครัวที่ลงโฆษณาไว้หรือเปล่า หรือถามราคารถมือสอง

ไอเดียของเขาก็คือการที่จะทำให้ผมคุ้นเคยกับภาษาอังกฤษ ทางโทรศัพท์แต่ว่าทีแรกนั้นผมกลัวมากเลย ยิ่งผมประสาทกินเท่าไหร่ผมก็ยิ่งไม่เข้าใจมากเท่านั้น แล้วสุดท้ายผมก็ต้องโทรหา เปเป้ เรน่าอยู่ดี

วิทยุในรถยนตร์ก็เป็นเพื่อนคนสำคัญของผมในระหว่างเดินทาง ทุกเช้าเวลาขับรถไปซ้อมที่เมลวูด ผมก็จะฟังวิทยุไปด้วยและพยายามตั้งใจฟังว่าพวกเขาพูดอะไร ในช่วงแรกๆผมเข้าใจแค่บางคำ แต่เวลาผ่านไปเรื่อยๆผมก็รู้สึกว่าผมเข้าใจ เมื่อผมเดินผ่านป้ายโฆษณาผมก็พยายามจะแปลดู และเมื่อเวลาผ่านไปเรื่อยๆผมก็ดีขึ้นและดีขึ้น

มีบางคน ผมกล้าขนาดที่จะโทรสั่งอาหารด้วยตัวเอง ซึ่งพอเขาเอามาส่งมันก็เกือบๆจะได้เท่าที่ผมอยากได้แล้วนะ แล้วเวลาอยู่ที่โรงแรมที่พักในการเตรียมทีมก่อนเกม ผมก็จะนั่งดูหนังภาษาอังกฤษที่มีซับไตเติลด้วย อีกอย่างที่จะช่วยผมได้ในการเรียนภาษาอังกฤษก็คือเครื่องนินเทนโด DS ของผม ที่มีเกม 'English Training' ซึ่งแบบฝึกหัดของมันก็ช่วยให้ผมพัฒนาภาษาอังกฤษของผมได้

ผมเป็นพวกวิตกจริตอย่งมากโดยเฉพาะในเวลาที่จำเป็นแล้วที่จะต้องสนทนาภาษาอังกฤษทางโทรศัพท์ ลองจิตนาการดูสิว่ามันจะเลวร้ายกว่าที่เล่าๆมาแค่ไหนถ้าผมต้องโทรไปแจ้งเหตุไฟไหม้กับพวกดับเพลิง! วันนั้นมีเครื่องตรวจจับควันในบ้านที่ผมเช่าอยู่เกิดดังขึ้น และในเวลาต่อมาผมก็ได้รับโทรศัพท์ตามมา ผมฟังออกแค่ว่าคนที่โทรมาคุยด้วยคือเจ้าหน้าที่จากดับเพลิง แต่ผมไม่รู้เรื่องอะไรเลยซักนิด อีกไม่กี่นาทีต่อมา รถดับเพลิงก็มาถึงบ้านผมพร้อมกับพนักงานดับเพลิงที่เข้าใจผิดคิดว่าพวกเขาได้รับแจ้งให้มาปฏิบัติการ

พวกเขาต้องมาอีกถึง 3 ครั้งใน 3 วันก่อนที่พวกเขาจะพบว่าที่มันดังขึ้นจากห้องครัวนั้นมันก็เป็นแค่การเตือนไว้ก่อนเท่านั้น ดังนั้นในครั้งต่อไปเมื่อสัญญาดับไปแล้ว พวกเขาจะโทรมาถามผมก่อนว่าพวกเขาจะต้องคอยมาปิดมันอีกหรือเปล่า

ผมชอบบีทเทิลส์มาก ก่อนที่ผมจะได้รู้ตัวว่าผมจะมาอยู่ที่ลิเวอร์พูลจริงๆ ผมฟังเพลงของพวกเขามาเยอะมาก ตอนนี้ผมได้ค้นพบพวกเขาอีกครั้งเพระาว่าการฟังเพลงของพวกเขามันช่วยผมได้มากในเรื่องของการเรียนภาษาให้เร็วขึ้น เพลงโปรดของผมก็คือ 'เพนนี่เลน' และ 'เยลโล ซับมารีน

และเมื่อวันแรกที่เขามาถึงลิเวอร์พูล ตอร์เรส ก็ได้พบกับเรือดำน้ำสีเหลืองยาว 51 ฟุต สูง 15 ฟุต และทำด้วยเหล็กหนักถึง 18 ตัน ซึ่งเป็นสิ่งก่อสร้างที่สนามบินจอห์น เลนนอน ในเมืองลิเวอร์พูล และแน่นอนว่ามันถูกทำขึ้นเพื่อคารวะเพลงอมตะเพลงนี้นั่นเอง

จากความคุ้นเคยในบทเพลงของ The Beatles สู่วันที่เขาต้องมาฝากลมหายใจไว้ที่เมืองเงียบๆแห่งหนึ่งซึ่งเป็นซากปรักหักพังในความล่มสลายของอุตสาหกรรมการต่อเรือในเมืองลิเวอร์พูล

เฟร์นานโด ตอร์เรส พบว่าหัวใจของเขาหลงรักเมืองแห่งประวัติศาสตร์แห่งนี้มากขึ้นและมากขึ้นเรื่อยๆ

ทุกย่างก้าวที่เขาเดินในเมืองนี้ล้วนมีเรื่องราว บางแห่งมีประวัติศาสตร์ซ้อนทับอยู่ระหว่างอดีตกับปัจจุบัน


จากปรินเซส ดอค ไปสู่ถนนวิคตอเรีย สตรีท ก่อนจะใช้เวลาเดินไปที่ แมตธิว สตรีท และทัวร์แบบบีทเทิลส์ ที่เขายังได้ไปเยี่ยมชมเคเวิร์น คลับด้วย (คลับร็อคแอนด์โรลล์ที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก แน่นอนว่าเกี่ยวพันกับวงบีทเทิลส์)

ถ้าถามว่าผมจะพูดอะไรถ้าถูกถามถึงวงในตำนานที่เปรียบดังสัญลักษณ์ของเมืองวงนี้? มันคงไม่มีอะไรมากนักที่ผมจะเพิ่มเติมได้อีกถึงแม้ว่ามันจะทำให้ผมเกิดความรู้สึกอยู่บ้างที่ทุกคนในเมืองนี้ก็คงจะรู้ว่า ถึงจะประสบความสำเร็จและโด่งดังแค่ไหนคนในเมืองนี้ก็ไม่ค่อยพูดถึงบีทเทิลส์และความสำเร็จของพวกเขามากนัก

ผู้คนในเมืองนี้ต่างมีความเคารพและชื่นชมพวกเขา เพราะว่าทุกคนที่ลอนดอนตระหนักในข้อเท็จจริงที่ว่า บีทเทิลส์ และสโมสรลิเวอร์พูล เป็นคนที่นำชื่อของเมืองแห่งนี้ให้ปรากฏทั่วโลก

สำหรับตอร์เรส เขาไม่ใช่นักฟุตบอลที่เหมือนนักฟุตบอลทั่วไป

เอล นินโญ่ แทบไม่ปรากฏเป็นข่าวตามหนังสือพิมพ์แท็บลอยด์ที่มักจะลงข่าวนักเตะจอมท่องราตรี หรือไม่แม้กระทั่งจะอวดโฉมรถคันงามราคาที่ผู้คนได้แต่ฝันถึง

เราได้แต่เดาว่าเขาจะทำอะไรเวลาอยู่ที่บ้าน? เล่นไพ่ นั่งดูทีวีกับภรรยา โอลาญ่า โดมิงเกวซ ลิสเต หรือจะทำโน่นทำนี่ตามกระแส DIY?

ไม่มีตอบเราในเรื่องพวกนี้ได้ดีกว่าตัวเขาเอง

ตอร์เรส เล่าชีวิตส่วนตัวว่า ผมเป็นพวกที่ติดบ้านมากๆ ผมจะรู้สึกสบายใจและผ่อนคลายที่สุดเวลาอยู่ที่นั่น หนึ่งในช่วงเวลาดีๆในชีวิตของผมในแต่ละวันที่ไม่มีเกมต้องลงแข่งก็คือการเดินไปรอบๆบ้านร่วมกับ โอลาญ่า และสุนัข 2 ตัวของเรา มันเป็นพันุธ์บริติช บูลด็อก ตัวผู้ชื่อ โปโม่ ส่วนตัวเมียชื่อ ญานต้า เรายังพบสวนสาธารณะใกล้ๆบ้าน ซึ่งเราพบว่ามันสงบและผ่อนคลาย และมอบช่วงเวลาส่วนตัวให้กับเราอย่างแท้จริง

เวลาอยู่ที่บ้าน เราใช้เวลาไปกับการเล่นเกมกระดานร่วมกับเพื่อนๆและครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นเกมเศรษฐี หรืออะไรก็ตาม ซึ่งเราก็เล่นกันแบบจริงจังมาก ถ้าเบื่อๆเราก็อาจจะเล่นไพ่กันบ้าง แต่เราก็ไม่ได้เล่นกันเหมือนคนอื่นๆที่ชอบเล่นโป๊กเกอร์ หรือไพ่แบบอื่นๆ ผมชอบเล่น บริสก้า กับ ตูเต้ เกมไพ่แบบสเปน

นอกเหนือจากนั้นเราก็นั่งดูทีวี และผมก็ชอบติดตามข่าวสารว่าบนโลกของเรามันมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง ซึ่งไม่ใช่เฉพาะข่าวกีฬาเท่านั้น รายการโปรดของผมก็คือ The Dog Whisperer (มีฉายทางทรูวิชันส์นะครับ) และ Super Nanny

ผมชอบสวนสแตนลีย์ ปาร์ค สวนที่แบ่งแยกระหว่างแอนฟิลด์ กับกูดิสัน ปาร์ค ซึ่งผมเพิ่งจะรู้ก็ตอนที่ผมไปถ่ายทำโฆษณาให้กับ ไนกี้ ที่นั่น ผมยังเคยไปเชสเตอร์ และฟอร์มบี เมืองริมทะเลด้วยถ้าดินฟ้าอากาศเป็นใจ ผมยังชอบกิน Flake 99 ที่ราดซอสราสเบอร์รี่ด้วย

เราปรับตัวเข้ากับเมืองลิเวอร์พูล ได้อย่างลงตัวมาก แต่ถ้าถึงเรื่องกินทีไรเราก็ยังคงต้องกินตามมื้อแบบสเปน การกินแบบอังกฤษ มันดูจะเร็วเกินไป เราก็เลยเริ่มต้นด้วยการกินบาร์บีคิว ซึ่งก็จะมีการนัดพวกเราหลายๆคนรวมถึง มิเกล อาร์เตต้า จากเอฟเวอร์ตันด้วย มีอยู่ครั้งนึงเรานัดกันมากินที่สวนในวันอาทิตย์ ซึ่งมันเป็นวันที่แดดดีมากถึงจะดุมีเมฆนิดหน่อยแต่เราก็ไม่ได้ระวังอะไรเลย….จนกระทั่งฟ้าเปิดก็มีหิมะตกลงมา ใช่ หิมะตกลงมาเฉยเลยนี่แหละ! นับจากนั้นมา ต่อให้เป็นสัญญาณเล็กน้อยที่สุดว่าอากาศจะไม่ดี เราก็จะเลือกที่จะไปกินในโรงรถแทน

ในช่วงเดือนแรกๆของผมที่ลิเวอร์พูล ผมดูจะถูกล้อมไปด้วยค้อน สิ่ว ตะปู เพราะผมกำลังสนุกกับงานอดิเรกใหม่ก็คือการประกอบเฟอร์นิเจอร์เอง มันมีอะไรให้ทำเต็มไปหมด

ที่สเปน ผมไม่เคยแม้แต่จะต่อชั้นวางของเอง แต่ที่นี่ผมต้องหัดทำเองไม่งั้นมันก็จะไร้ค่า บางครั้งผมทำจนหงุดหงิดพราะมันไม่ได้ดังใจ

ความตั้งใจของผมที่จะทำอะไรให้เสร็จนั้นมันทำให้มีครั้งนึงในปี 2007 ผมได้นั่งต่อเฟอร์นิเจอร์ทั้งคืนเลย วันนั้นผมกลับบ้านมาด้วยความหงุดหงิดเพราะเราแพ้คาบ้านต่อมาร์กเซย์ ในเกมแชมเปี้ยนส์ ลีก ผมไม่รู้จะทำยังไงดีให้หายก็เลยมาระบายความอัดอั้นด้วยการตอกเฟอร์นิเจอร์โป๊กๆ เสร็จไป 2 ชิ้น แต่กว่าจะเสร็จในคืนนั้นก็ต้องรอจนถึงตี 4 แน่ะ

ผมไม่เคยไปเที่ยวกลางคืนในเมืองลิเวอร์พูลเลย ผมเคยไปกินหลังเกมแชมเปี้ยนส์ ลีก 2-3 ครั้ง และก็ได้เห็นว่ามันเป็นยังไงบ้าง สิ่งนึงที่ทำให้ผมประหลาดใจมากก็คือไม่มีใครสวมเสื้อโค้ทเลย ทุกคนดูจะพยายามแต่งตัวให้ดูดีน่าประทับใจ แต่ว่ามีไม่กี่คนที่จะใส่เสื้อผ้าเพื่อทำตัวให้อุ่นๆ ถึงแม้ว่าอากาศมันจะไม่ได้หนาวจับใจอะไรมากนัก เรื่องนึงที่ผมอยากจะทำก็คือการนั่งดูเกมในผับ ทุกคนบอกผมถึงเรื่องบรรยากาศที่สุดยอดของแฟนๆที่นั่งจิบเบียร์เชียร์บอลในผับ


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์