หงส์เปิดเกมไล่บี้ อดีตแชมป์ 9 สมัยอย่างมาดริด 4-0

บอกแล้วว่าใส!SGเบิ้ลหงส์ทำหมันราชัน4-0

สุดยอดผลงานอลังการงานสร้างในรอบฤดูกาลหลังลิเวอร์พูลอาศัยโชคช่วยจากความผิดพลาดของผู้ตัดสิน+ฟอร์มระดับห้าดาวไล่ยำเรอัล มาดริดแบบไม่ไว้หน้าแชมป์ 9 สมัย 4-0 จากตอร์เรสและสตีวี่จีสองเม็ดรวมสองนัดชนะ 5-0 ตบเท้าเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายอย่างยิ่งใหญ่

แชมเปี้ยนส์ลีกรอบ 16 ทีมสุดท้าย

ลิเวอร์พูล 4-0 เรอัล มาดริด

(รวมผลสองนัดลิเวอร์พูลชนะ 5-0)



ประตู : 1-0 ตอร์เรส น.16,2-0 เจอร์ราร์ด น.28 (จุดโทษ),3-0 เจอร์ราร์ด น. 47,4-0 ดอสเซน่า น.88

ราฟาเอล เบนิเตซได้เฟร์นานโด ตอร์เรสฟิตทันกลับมายืนเป็นหอกเดี่ยวโดยมีสตีเฟ่น เจอร์ราร์ดเป็นจอมทัพในขณะที่ยอสซี่ เบนายูนลงไม่ไหวทำให้เดิร์ก เคาท์กลับมาประจำการทางปีกขวาส่วนซ้ายเป็นไรอัน บาเบิ้ล

ด้านเรอัล มาดริดที่มาเปิดเกมรุกแลกด้วยมีทั้งสไนจ์เดอร์,กาโก้,ฮิกวาอิน,ร็อบเบนและราอูลโดยมีลาสซาน่า ดิยาร์ร่าอดีตแข้งเชลซี,อาร์เซนอลและปอร์ทสมัธลงสกัดแนวรุกเจ้าถิ่นอีกด้วย


ครึ่งแรก

เปิดเกมมาหงส์แดงยังคงความห้าวในเวทียุโรปที่แอนฟิลด์ทันทีด้วยการรุกใส่และตอร์เรสสร้างความเสียวเล็กน้อยให้เดอะค็อปหลังแตะอ้อมตัวแนวรับทีมเยือนตรงหน้าเขตโทษก่อนอ้อมมาเล่นแต่ดิยาร์ร่ามาซ้อนเก็บตกทันสบาย

นาทีที่ 4 เจ้าถิ่นเกือบขึ้นนำสุดๆหลังเจอร์ราร์ดได้บอลตรงปีกซ้ายก่อนแทงฝากให้ตอร์เรสที่หน้าเขตโทษก่อนเอลนินโญ่โชว์ความมหัศจรรย์ด้วยการหันหลังไขว้บอลแตะหลอกหนีคันนาวาโร่ที่เสียสุนัขยืนขาตายก่อนล่อเป้าคาซิญาสแถมมีหลอกเอี้ยวตัวจะแปมุมไกลแต่ยิงเสาแรกโขคไม่ดีที่มือหนึ่งทีมชาติสเปนรู้ทางเพื่อนร่วมทีมใช้ขาสกัดออกหลังอย่างไม่น่าเชื่อ

จากนั้นลูกเตะมุมเป็นเจอร์ราร์ดเปิดมาบอลถูกเคลียร์มาถึงมาสเคราโน่ที่ยืนหน้าง่วงอยู่นอกกรอบก่อนยิงหวดตามน้ำด้วยอีซ้ายบอลพุ่งเป็นจรวดราวกับโรแบร์โต้ คาร์ลอสเข้าสิงแต่ลูกที่กำลังจะเสียบสามเหลี่ยมเป็นคาซิญาสที่บินปัดด้วยอีซ้ายข้ามคานออกไปนิดเดียว

นาทีที่ 8 เกมยังเป็นของหงส์แดงและเจอร์ราร์ดถูกทำฟาว์ลระยะ 25 หลาก่อนลุกมายิงแปเน้นเล่นทางแต่คาซิญาสจ้องขเม็งเห็นบอลเลียดมาเลยล้มตัวรับติดมือ

เกมยังเป็นของลิเวอร์พูลเกือบๆจะข้างเดียวจนเข้าสู่นาที 12-15 มาดริดก็เริ่มเปิดหน้าสู้จนแนวรับเจ้าถิ่นเริ่มมีเศษหญ้าติดกางเกงติดเสื้อกันบ้างแล้ว

แต่แล้วลิเวอร์พูลมาขึ้นนำจนได้จากลูกสาดยาวจากหลังขึ้นมาเป็นแนวรับมาดริดดันปล่อยให้บอลตกพื้นจนคันนาวาโร่ต้องกระเสือกกระสนถอยหลังเงยหน้ามองบอลแล้วกระโดดเตะกลางอากาศจะเคลียร์แต่จั่วลมและเปเป้ซึ่งเป็นตัวสุดท้ายพยายามสไลด์เคลียร์ทิ้งในกรอบแต่สุดเหยียดและถูกตอร์เรสเหนี่ยวนิดหนึงจนบอลไม่ไปไหนก่อนที่เดิร์ก เคาท์จะมาเก็บตกแปใส่พานให้เอลนินโญ่แหย่ยิงเผาขนเข้าประตูง่ายๆ เป็นการยิงคู่อริตลอดกาลของแอต.มาดริดอีกด้วย แต่นักเตะทีมเยือนไม่พอใจเพราะตอร์เรสมีดึงเปเป้ซึ่งกรรมการทำนิ่งไม่ว่าอะไรเลย

หงส์แดงเล่นโคตรมันราวกับว่าเป็นพวกยอดมนุษย์...นาที 24 ตอร์เรสนัวเนียอยู่ตรงริมกรอบโทษฝั่งซ้ายแล้วมีลื่นล้มแต่ก็ยังลุกมาพลิกบอลหลบแซร์คิโอ รามอสที่ยืนขาตายถึงเส้นหลังก่อนเปิดด้วยอีซ้ายย้อยมาตรงระยะ 8 หลาเสาไกลเป็นเจอร์ราร์ดวิ่งมาสไลด์ยิงแบบสุดเหยียดร้อนถึงคาซิญาสต้องล้มตัวปัดก่อนมารับอีกที

แต่แล้วคนจะซวยทำอะไรก็ซวยเพราะนาที 27 ลูกวางยาวมาแถวๆริมกรอบโทษฝั่งขวาอาร์เบลัวพักอกไปชนหัวไหล่เอนเซ่แต่กรรมการให้จุดโทษหน้าตาเฉยก่อนที่เจอร์ราร์ดจะรับหน้าที่สังหารยิงเต็มข้อหลอกคาซิญาสไปควักกระปิซ้ายมือตัวเองเศร้ากันไป สกอร์รวมสองนัด 3-0 แล้ว

นักเตะมาดริดควบคุมอารมณ์ไม่อยู่เพราะตอนนี้มองว่าผู้ตัดสินเข้าข้างลิเวอร์พูลจนเจ้าถิ่นทำฟาว์ลธรรมดาๆในนาทีถัดมาก็วิ่งกรูกัน 4-5 คนเพื่อกดดันให้แจกใบเหลืองบ้างเพราะตอนนี้แข้งทีมเยือนโดนกันไปแล้ว 2 คน

นาที 30 สไนจ์เดอร์ยิงฟรีคิกไกล 30 กว่าหล้าบอลพุ่งเป็นท่อแต่เรน่าบินปัดก่อนเสียบข้างเสายอมเอาเตะมุมไว้ก่อน

อีก 8 นาทีต่อมาดิยาร์ร่าโชว์พาวเวอร์กระชากบอลจากกลางสนามด้วยความโมโหก่อนทำชิ่ง 1-2 กับเพื่อนเพื่อหนีอลอนโซ่ก่อนป้ายก่อนปีกขวาให้รามอสเติมมาเปิดเข้ากรอบเป็นราอูลสอดมาโขกแต่ไปตรงตัวเรน่าที่รับเข้าซองนิ่ม

ก่อนหมดเวลาครึ่งแรก 2 นาทีมาดริดเกือบตีไข่แตกจากจังหวะที่ร็อบเบนได้บอลตรงหน้าเขตโทษเยื้องฝั่งซ้ายแล้วดึงจังหวะรอให้เอนเซ่วิ่งเติมก่อนแทงให้อดีตแข้งแมนฯยูฯตบเข้ามากลางเป็นสไนจ์เดอร์ล้มตัวยิงแต่บอลเข้ามือเรน่าที่ยืนตำแหน่งดี

แต่อีกไม่กี่วินาทีมาสเคราโน่ซวยสุดๆหลังอลอนโซ่ไปทำฟาว์ลแข้งทีมเยือนจนกลิ้งแต่กรรมการมาให้ใบเหลืองแข้งหน้าง่วงจนถูกแบนนัดหน้าเล่นเอาเจ้าตัวตาโตโวยวายแหลกราญ แถมเล่นไปแป๊บนึงก็ยังมาโวยวายต่อจนเพื่อนมาไล่หนีไม่งั้นเดี๋ยวโดนไล่แน่แต่จากภาพช้ามาสเคราโน่มาหวดบอลทิ้งอาจเป็นเคสนี้ก็ได้ หมดครึ่งแรกลิเวอร์พูลนำ 2-0 โอกาสสดใสมาก

ครึ่งหลัง

ฆวนเด้ รามอสแก้เกมเปลี่ยนเอามาร์เซโล่เล่นแทนร็อบเบนที่ดูแล้วเจอเกมหนักๆแล้วหายไปเลยแต่เริ่มมาแค่ 2 นาทีใครกินมาม่าหรือเข้าห้องน้ำเพลินพลาดดูลูก 3-0 แน่นอนเพราะเจอร์ราร์ดมาวัดลูกสุดสวยจากจังหวะที่ออเรลิโอเปิดบอลออกปีกซ้ายให้บาเบิ้ลจี้เข้าหารามอสก่อนกระชากเปิดบอลถึงเส้นหลังบอลย้อยตกพื้นทีนึงแล้วกัปตันทีมหัวขิงวิ่งมาซัดแบบแปๆผ่านมือคาซิญาสตุงตาข่ายไม่มีเหลือ

นาที 51 ทีมเยือนพลาดโอกาสสุดสวยหลังรามอสเปิดบอลจากกรอบโทษฝั่งขวามาที่จุดนัดพบเป็นราอูลกระโดดลอยตัวแปสวนเรน่าที่ปรี่ออกมาจะเล่นตรงระยะ 6 หลาแต่บอลข้ามคานออกไป จังหวะนี้ยิงยากเพราะบอลมาโด่งระดับเอวถ้าเลียดไม่น่าจะพลาด

อีก 3 นาทีต่อมาหัวขิงเกือบทำแฮทริคหลังการต่อบอลตรงหน้ากรอบโทษจากตอร์เรสแปะให้บาเบิ้ลดีดส้นให้เคาท์ที่เขี่ยคืนหลังแบบลนลานให้เจอร์ราร์ดวิ่งมาแปเน้นๆแต่คาซิญาสบินปัดสุดสวย

มะมะมะ.....มาแล้วครับท่านผู้ชมเมื่อราฟาส่งลูคัส เลว่าบุตรบุญธรรมลงสนามแทนอลอนโซ่ที่เหมือนมีอาการบาดเจ็บในนาที 60 ท่ามกลางเสียงปรบมืออย่างกึกก้อง(ปรบมือให้อลอนโซ่)

พออลอนโซ่ไม่อยู่เกมแดนกลางเจ้าถิ่นเป็นรองขึ้นมาทันตาเห็นและเป็นมาดริดที่เริ่มพาบอลมาป่วนเปี้ยนหน้ากรอบโทษลิเวอร์พูลมากขึ้นเรื่อยๆ

ราฟาสุดยอดมากเพราะนาที 74 เปลี่ยนเอาเจ้าหนูสเปียริ่งแข้งหน้าปั๊กลงมาหาประสบการณ์แทนเจอร์ราร์ดและเป็นการพักตัวไว้ทำศึกเร้ดไฟท์กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดอีกด้วย

นาที 79 มาดริดพยายามจะตีคืนกู้หน้าให้ได้แต่ลูกเปิดจากกรอบโทษฝั่งขวาของรามอสเป็นราอูลสอดมาโขกที่เสาสองข้ามคานออกไปแบบไม่มีลุ้น

อีก 2 นาทีเกมรุกที่หายไปนานของลิเวอร์พูลก็เกือบได้ลูกสี่หลังบอลนัวเนียนเลยเส้นกรอบโทษเข้ามานิดนึงเป็นบาเบิ้ลเขี่ยให้ตอร์เรสวิ่งมาเอียงตัวแปกะให้เสียบเสาไกลแต่คาซิญาสดักทางถูกบินปัดออกหลังหวุดหวิด ช่วงนาที 88 มีช็อตฮาข้างสนามเมื่อภาพจับไปที่กลุ่มแฟนบอลเรอัล มาดริดมีแฟนคนนึงชูผ้าพันคอเอฟเวอร์ตันพร้อมตะโกนแหกปากสาปแช่งลิเวอร์พูลยกใหญ่

แต่เสียงแหกปากกลายเป็นประตูที่ 4 ของเจ้าถิ่นทันทีในนาที 88 หลังจังหวะสวนกลับบาเบิ้ลเลี้ยงหันข้างดวลเดี่ยวกับเปเป้ก่อนไหลออกขวาให้มาสเคราโน่แปกระแทกจังหวะเดียวตรงกรอบโทษฝั่งขวาให้ดอสเซน่าตัวสำรองที่แรงดีวิ่งมาเติมเกมรุกยิงยัดโล่งๆ 8 หลาบอลแฉลบถูกมือคาซิญาสนิดนึงแต่ด้วยความแรงก็ตุงตาข่ายไม่มีเหลือ หมดเวลาลิเวอร์พูลอัดแหลก 4-0 เข้ารอบด้วยสกอร์รวม 5-0 อย่างยิ่งใหญ่


รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม

ลิเวอร์พูล :
โฆเซ่ เรน่า,อัลบาโร่ อาร์เบลัว,เจมี่ คาร์ราเกอร์,มาร์ติน สเคอร์เทล,ชาบี้ อลอนโซ่(ลูคัส น.60),ฮาเวียร์ มาสเคราโน่ ,เดิร์ก เคาท์,สตีเฟ่น เจอร์ราร์ด ,ไรอัน บาเบิ้ล,เฟร์นานโด ตอร์เรส(ดอสเซน่า น.83 )

เรอัล มาดริด : อิเคร์ คาซิญาส,แซร์คิโอ รามอส,ฟาบิโอ คันนาวาโร่(ฟาน เดอร์ ฟาร์ต น.64),เปเป้ ,กาเบรียล เอนเซ่ ,อาร์เยน ร็อบเบน(มาร์เซโล่ น.46 ),ลาสซาน่า ดิยาร์ร่า,กาโก้,เวสลีย์ สไนจ์เดอร์,ราอูล,ฮิกวาอิน






























 

เครดิต:lentee.com

เครดิต :

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์