หม้อลงยันต์!หงส์เจาะไม่เข้าเจ๊า0-0

กองแช่งที่ตั้งวงรอตั้งแต่เย็นสมหวังกันถ้วหน้าหลังจ่าฝูงลิเวอร์พูลยางแตกทำได้แค่บุกมาเสมอสโต๊ค ซิตี้แบบเกือบแพ้ 0-0 ทำให้ตอนนี้นำเชลซี 4 แต้มแต่เตะมากกว่าหนึ่งนัดรวมทั้งหนีแมนฯยูไนเต็ด 8 แต้มแต่เตะมากกว่าถึง 3 เกมเข้าให้แล้ว

สโต๊ค 0-0 ลิเวอร์พูล

สนาม :
บริททานเนีย

ประตู : -

ราฟาเอล เบนิเตซกุนซืออารมณ์ร้ายปรับทัพตามคู่ต่อสู้โดยใช้เซนเตอร์สูงโย่งไว้รับมือลูกทุ่มไกลของรอรี่ ดีแลปไม่ว่าจะเป็นซามี่ ฮูเปียหรือมาร์ติน สเคอร์เทลส่วนแดนหน้าใช้เดิร์ก เคาท์ยืนคนเดียวและมีสตีเฟ่น เจอร์ราร์ดลงห้อยตามระบบนอกบ้าน

ด้านโทนี่ พูลิสแกะกล่องใช้งานแมทธิว เอเธอริงตันปีกจอมเลื้อยที่ซื้อมาจากเวสต์แฮมลงเล่นทันทีแถมก่อนเกมผู้คนฮือฮาเมื่อดิเอโก้ มาราโดน่ากุนซือทีมชาติอาร์เจนติน่าและอดีตนักเตะตลอดกาลของโลกเข้ามาชมฟอร์มฮาเวียร์ มาสเคราโน่อีกด้วยเลยมีโอกาสสวมกอดกับราฟาไปทีนึง

ช่วงต้นลิเวอร์พูลเป็นฝ่ายนวดขึงเกมต่อบอลตามเชิงและการจ่ายตามช่องถือว่าทำได้ดีในระดับนึงแม้ยังขาดๆเกินๆอยู่บ้างก็ตาม

นาทีที่ 8 ริเอร่าเปิดบอลจากปีกซ้ายให้เคาท์โหนโขกแบบเอียงๆตัวตรงระยะ 6 หลาแต่ถูกบางเลยผ่านเสาสองออกไปแบบกองแช่งหัวใจเกือบตกไปอยู่ตาตุ่ม

อีก 4 นาทีต่อมาสโต๊คเกือบขึ้นนำจากลูกขุลมุนเปิดโด่งเข้ากรอบโทษบอลก๊อกแก๊กอยู่สองจังหวะก่อนดีแลปจะกดเต็มเท้าระยะเผาขนบอลชนคานกระเด้งมาถูกคิตสันหน้าประตูบอลออกหลังไป แต่จาภาพช้าจังหวะแรกแข้งทีมเยือนล้ำหน้าถึง 3 คนเลยทีเดียว

จังหวะบอลช่วงนาทีที่ 10-20 เหมือนจะเซื่องๆลงโดยที่ทีมเยือนเล่นรัดกุมอย่างชัดเจนเพราะค่อยๆเล่นช้าต่อบอลเข้าทำส่วนสโต๊คพยายามจะใช้ลูกบอมบ์เข้าใส่แต่เหมือนยังไม่สำริจผล

วันนี้ลูคัสจ่ายบอลเสียไป 2-3 ทีมแล้วโดยเฉพาะนาที 21 จ่ายบอลแล้วโยนเฝือกพร้อมเตียงคนไข้มาให้ด้วยเลยถูกสโต๊คตัดได้ก่อนสวนกลับขึ้นมา 3 ต่อ 3 ยังดีที่ลูกเปิดของดีแลปไปเข้ามือเรน่าที่ตัดเอาไว้พอดี

แต่อีกนาทีเดียวลูกเคลียร์ของเจ้าถิ่นหน้าประตูไม่ขาดทำให้เบนายูนแตะให้เคาท์สอดยิงมุมแคบตรงระยะ 6 หลาแต่ติดเซฟโซเรนเซ่นได้เตะมุม

ช่างปั้นหม้อมาป่วนหงส์แดงในช่วงครึ่งชั่วโมงจากลูกชุลมุนในกรอบโทษและชอว์ครอสส์ได้โอกาสโหม่งตุงตาข่ายสุดสวยแต่โชคดีอยู่ในตำแหน่งล้ำหน้าซะก่อน ไม่งั้นมีพังแน่นอน

ลูกทุ่มของดีแลปสร้างความหนักใจให้แนวรับได้มากขึ้นเรื่อยๆโดยตอนนี้ได้ทุ่มไกลถึง 4-5 ครั้งแล้วแต่เรน่าก็แอบเหวอออกมาไม่เจอบอลจนเกือบเสียประตูเช่นกัน

ทีมเยือนโงหัวไม่ขึ้นมาเกือบๆจะ 15 นาทีแล้วเรียกว่าตอนนี้ตั้งรับอย่างเดียวโดยที่เจอร์ราร์ดหายไปจากเกมเรียบร้อยแล้ว หมดครึ่งแรกลิเวอร์พูลเริ่มต้นดีกว่าแต่ช่วงหลังวิ่งกันลิ้นห้อย สกอร์หยุดอยู่ที่ 0-0

ครึ่งหลังเล่นมา 5 นาทีลิเวอร์พูลเกือบพังเมื่อเรน่าสวมวิญญาณเดวิด เจมส์เตะเปิดเกมแป๊กไปเข้าทางเดฟ คิตสันที่กระชากแตะหนีนายทวารทีมชาติสเปนแต่จังหวะยิงมุมแคบเลยเข้าข้างตาข่าย เกือบไปแล้วสำหรับจ่าฝูง

เกมในครึ่งหลังหงส์แดงไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้นเพราะการสร้างสรรค์เกมรุกหายไปดื้อๆเนื่องจากแดนกลางมีตัวรับถึงสองคนเลยทำอะไรไม่ได้มากนัก

มาถึงหนึ่งชั่วโมงราฟาเปลี่ยนเอาตอร์เรสลงมาแทนริเอร่าหมายจะเอาประตูขึ้นนำให้ได้เลยเป็นเหตุทำให้เดิร์ก เคาท์ต้องโยกมาเล่นปีกขวาและเบนายูนไปอยู่ซ้ายแทน

นาที 67 ทีมเยือนพลาดโอกาสง่ายๆหน้าตาเฉยจากลูกจุดพลุหน้าเขตโทษโด่งมาเสาสองเป็นลูคัสถอยหลังโขกตรงระยะ 4 หลาแต่เลือกไปตั้งให้ฮูเปียที่เสาสองซึ่งมุมแคบเลยสุดท้ายกองหลังจอมเก๋าเลยยิงส่งเดชบอลข้ามคานออกไป

นาที 74 ดีแลปทุ่มไกลตรงปีกซ้ายเป็นคิตสันวิ่งเข้าหาก่อนโขกโฉบตัดหน้ากองหลังแต่บอลไปหล่นบนเพดานตาข่ายแบบหวาดเสียว ตอนนี้เกมสุดระทึกใครได้ประตูก่อนชนะแน่นอน

ก่อนหมดเวลา 12 นาทีลูคัสไปสอยคิตสันจากด้านหลังตรงระยะ 22 หลาเลยเสียฟรีคิกและใบเหลืองก่อนที่เกล็น วีแลนรับหน้าที่ปั่นบอลโค้งข้ามกำแพงเฉียดสามเหลี่ยมออกหลังแบบน่าเข้าสุดๆ

นาที 84 บาเบิ้ลถูกทำฟาว์ลตรงกรอบโทษฝั่งซ้ายเป้นเจอร์ราร์ดที่หลอกจะเปิดบอลเข้ามาแต่เลือกยิงบอลโค้งข้ามมือโซเรนเซ่นแต่ไปหล่นบนคานดังสนั่นแล้วมาออกข้างตรงมุมธงอย่างน่าเสียดาย

ช่วงทดเจ็บนาทีแรกลิเวอร์พูลน่าจะได้ประตูชันจากลูกสาดยาวจากแดนหลังขอออเรลิโอเป็นตอร์เรสโขกชงตรงหน้าเขตโทษให้เจอร์ราร์ดวิ่งสไลด์ยิงบอลชนเสาไกลออกไปอย่างุสดเศร้า

ช่วงเวลาที่เหลือลิเวอร์พูลไร้ความคมที่จะเจาะหม้อควงแขน 0-0 และทำให้ทั้งคู่เจอกันสองนัดเจ๊าโนสกอร์ด้วยสกอร์นี้เหมือนกันและทำให้คู่หยุดโลกวันอาทิตย์จะเพิ่มรสชาติเข้าไปอีกโดยที่เชลซีชนะได้ก็จะตามเหลือแต้มเดียวส่วนยูไนเต็ดชนะก็จะขยับไล่มาเหลือ 5 แถมมีเกมในมืออีก 2 นัดเลยทีเดียว

รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม

สโต๊ค :
โธมัส โซเรนเซ่น 6.5,แอนดี้ วิลกินสัน 6.5,อับดุลาเย่ ฟาย 7 *,ไรอัน ชอว์ครอสส์ 6.5,แดนนี่ ฮิกกินบอมแธม 6.5,รอรี่ ดีแลป 7,แอมดี้ ฟาย 7,เกล็น วีแลน 6.5,แมทธิว เอเธอริงตัน 7(ลอว์เรนซ์ น.78,6),เดฟ คิตสัน 6.5,ริชาร์ด เครสเวลล์ 6.5(พิวจ์ น.89)

สำรองไม่ได้ลงสนาม : สตีฟ ซิมอนเซ่น, แอนดี้ กริฟฟิน, เซยี่ โอโลฟินยาน่า, ไมเคิล ทังก์, ซองโก้


ลิเวอร์พูล : โฆเซ่ เรน่า 5.5,เจมี่ คาร์ราเกอร์ 6.5,ซามี่ ฮูเปีย 6.5,มาร์ติน สเคอร์เทล 6.5,ฟาบิโอ ออเรลิโอ 6,ฮาเวียร์ มาสเคราโน่ 6,ลูคัส เลว่า 3,ยอสซี่ เบนายูน 5.5(บาเบิ้ล น.76,6),อัลเบิร์ต ริเอร่า 6(ตอร์เรส น.60,6),สตีเฟ่น เจอร์ราร์ด 6.5,เดิร์ก เคาท์ 6

สำรองไม่ได้ลงสนาม : ดีเอโก้ คาวาเลียรี่ , อันเดรีย ดอสเซน่า, ดาเมียง เปลซีส์, นาบิล เอล ซาร์, ร็อบบี้ คีน














































เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์