หงส์บุกขยี้เดอะบลูส์7-0 ลิ่วตัดเชือกใสศึกเอฟเอ

ซิสโซโก้ กลับมาลงสนามอีกครั้งพร้อมกับแว่นป้องกันตา หลังจากพักยาว

หงส์แดง ลิเวอร์พูล สุดเหี้ยม ยกพลบุกขยี้ เดอะบลูส์ เบอร์มิงแฮม เละเทะคาบ้าน 7-0 ซามี่ ฮูเปีย เบิกร่องนำก่อนตั้งแต่นาทีแรก ปีเตอร์ เคร้าช์ กดเบิ้ล น.5 และ น.38 เฟร์นานโด มอริเอนเตส น.60 ยอห์น อาร์เน่ รีเซ่ น.67 โอลิวิเย่ร์ เตบิลี่ สกัดเข้าประตูตัวเอง น.77 และ ฌิบริล ซิสเซ่ น.89 ลิ่วผ่านเข้ารอบไปอย่างสวยสดอลังการ ในศึกฟุตบอลเอฟเอ คัพ รอบ 6 เมื่อคืนวันอังคาร ที่ 21 มี.ค. ที่ผ่านมา


ฟุตบอลเอฟเอ คัพ รอบ 6 เบอร์มิงแฮม (พรีเมียร์ชิพ) 0 - ลิเวอร์พูล (พรีเมียร์ชิพ) 7

ที่สังเวียน เซนต์ แอนดรูว์ส เบอร์มิงแฮมยังไม่วายประสบกับปัญหานักเตะเดี้ยง ล่าสุด เอมิล เฮสกี้ อดีตศูนย์หน้าลิเวอร์พูลล้มเจ็บไปอีก ขณะที่ ดีเจ แคมป์เบลล์ ติดคัพไท ทำให้ มิคาเอล ฟอร์สเซลล์ ต้องเป็นที่พึ่งในแดนหน้า แต่ได้กองกลางตัวเก่ง เดวิด ดันน์ หายเจ็บกลับมาช่วยงาน

ด้านหงส์แดงซึ่งยังโรเตชั่นทีมเหมือนเดิมมีเซอร์ไพรส์แม้ ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ จะติดคัพไท แต่ โมฮัมเหม็ด ซิสโซโก้ ที่เจ็บตาไปเมื่อเดือนก่อนกลับมาลงเล่นเป็นตัวจริงทันที โดยที่สวมแว่นป้องกันเอาไว้ แถม ยอห์น อาร์เน่ รีเซ่ ก็สมบูรณ์กลับมารับใช้ทีมเช่นกัน

เริ่มเกมมาได้แค่วินาทีที่ 55 เดอะ บลูส์ ก็ถูกเปิดบริสุทธิ์อย่างรวดเร็ว ในจังหวะที่ดันน์ทำฟาวล์ จึงเป็นลูกฟรีคิกของลิเวอร์พูล และ สตีเว่น เจอร์ราร์ด รับหน้าที่วางบอลยาวเข้าไปในเขตโทษ โดยมีซิสโซโก้โขกต่อไปถึงหน้าประตู ก่อนที่ ซามี่ ฮูเปีย จะได้ขวิดอีกจังหวะจากระยะแค่ห้าหลา โดยไม่มีใครประกบ ส่งบอลลอดหว่างขา ไมค์ เทย์เลอร์ เข้าไป ช่วยให้ทีมเยือนบุกมานำไปก่อน 1-0

เท่านั้นไม่พอ บู๊กันมาถึงนาทีที่ 5 เจอร์ราร์ดก็ตักลูกโด่งจากกราบขวาเข้าไปให้ ปีเตอร์ เคร้าช์ พุ่งโหม่งระยะเจ็ดหลา ประกอบกับเทย์เลอร์ผวาปัดบนเส้นประตูไม่เด็ดขาดพอ บอลจึงกระทบใส่ตัวเองแล้วหลุดเข้าไปปะทะตาข่าย จึงเป็นอันว่าลิเวอร์พูลสปีดหนีไปเป็น 2-0 อย่างสะดวกโยธิน

บอลตกอยู่ในความครอบครองของ เรด แมชีน อยู่ข้างเดียว กระทั่งผ่าน 15 นาทีแรกไป เจ้าถิ่นก็เริ่มเครื่องร้อน ทำเกมสู้ได้บ้าง และหวิดตีไข่แตกได้ด้วยเมื่อ เจอร์เมน เพนแนนท์ ควบลูกไปทางกราบขวา ก่อนจะตบเข้าเขตโทษให้ฟอร์สเซลล์ง้างยิง แต่มีเจมี่ คาร์ราเกอร์ ปรี่เข้าบล็อกได้ซะก่อน

จากนั้นในนาทีที่ 22 ลิเวอร์พูลก็ต้องส่ง แฮร์รี่ คีเวลล์ ลงสนามแทน ฌิมี่ ตราโอเร่ ที่เริ่มมีปัญหาบาดเจ็บรบกวน ถึงกระนั้นเบอร์มิงแฮมก็ยังไม่มีประตูสู้อยู่ดี จวบจนนาทีที่ 38 จากลูกทุ่มทางด้านขวาของอาคันตุกะ หลุยส์ การ์เซีย ก็พาบอลบุกตะลุยไปจนถึงเขตโทษแล้วป้ายเข้าไปให้เคร้าช์วิ่งเข้าแปนิ่มๆ เสียบเสาแรกส่งผลให้หงส์แดงทะยานหนีไปเป็น 3-0

เครื่องจักรสีแดงยังไม่รู้จักกับคำว่าพอเพียง พยายามควานหาประตูเพิ่มอย่างไม่รู้เบื่อ และถึงนาทีที่ 45 สตีเฟ่น คลีเมนซ์ ดาวเตะทีมตราลูกโลกก็พุ่งเข้าชนคีเวลล์กลิ้งโค่โล่จึงมีใบเหลืองเป็นของกำนัล จบครึ่งแรกจึงเป็นลิเวอร์พูลที่นำไปอย่างสุดกู่ถึงสามประตู

ครึ่งหลัง เดอะ บลูส์ จัดกระบวนทัพในแนวรับซะใหม่ด้วยการส่ง โอลิวิเย่ร์ เตบิลี่ ลงไปแทนที่ มาร์ติน เทย์เลอร์ แต่ผ่านมาถึงนาทีที่ 55 เคร้าช์ก็ถูกประกบแซนด์วิช ทำฟาวล์โดยเตบิลี่กับคลีเมนซ์ ทำให้ลิเวอร์พูลได้ลูกฟรีคิกระยะ 27 หลา แต่เทย์เลอร์ตะปบลูกยิงของรีเซ่ได้สำเร็จ

นาทีต่อมาหงส์แดงเปลี่ยน เฟร์นานโด มอริเอนเตส ลงไปแทนเคร้าช์ และเกือบได้สกอร์เพิ่มในนาทีที่ 58 เมื่อ ชาบี อลอนโซ่ ยิงลูกลักไก่สวนกลับเข้าหากรอบประตู ดีที่ว่าเทย์เลอร์ไม่ได้ถลำออกมาเยอะ จึงถอยกลับไปกระโดดปัดพ้นคานได้ทัน

อย่างไรก็ดี บู๊กันมาครบหนึ่งชั่วโมงเต็ม เรด แมชีน ก็สำแดงเดชได้อีกจากลูกที่ สตีฟ ฟินแนน แบ็กขวาผ่านบอลขึ้นไปข้างหน้าแล้ว หลุยส์ การ์เซีย วิ่งหลอกข้ามปล่อยให้เจอร์ราร์ดรับช่วงไป ไหลแบบถวายพานเข้าเขตโทษ โดยมี เอล มอโร่ วิ่งเข้าชาร์จง่ายๆ จากระยะ 10 หลา เป็นประตูนำ 4-0 ของทีมจากเมอร์ซี่ย์ไซด์

ถัดมาอีกสองนาทีเบอร์มิงแฮมมีลุ้นเช่นกัน เมื่อฟอร์สเซลล์ได้ง้างยิงในเขตโทษถูก โฆเซ่ เรน่า จอมเหนียวปัดทิ้งได้ จากนั้นในนาทีที่ 67 เดเมี่ยน จอห์นสัน ก็โดนจดชื่อข้อหาโวยวายไม่ยอมรับคำตัดสินของสิงห์เชิ้ตดำ และสุดท้ายอีกสามนาทีจากนั้น เจอร์ราร์ดก็ดีดลูกเก็บตกจากหน้าเขตโทษออกทางซ้ายให้รีเซ่วิ่งเข้ามากระทุ้งจากระยะ 23 หลาพุ่งเป็นจรวดหนีมือของเทย์เลอร์เข้าประตูทำให้หงส์แดงนำลิ่ว 5-0

ทีมเยือนเปลี่ยนตัวสำรองอีกรอบให้ ฌิบริล ซิสเซ่ ลงไปแทนเจอร์ราร์ดในนาทีที่ 71 ขณะที่เจ้าถิ่นส่ง อเล็กซ์ บรูซ ลงไปแทนจอห์นสัน ในนาทีที่ 75

กระนั้นในนาทีที่ 77 ก็มีสกอร์เกิดขึ้นอีกจากลูกที่ลิเวอร์พูลได้ทุ่มเข้ามาทางซ้ายแล้วคีเวลล์ ตวัดต่อเข้ามาในเขตโทษ โดยมีเตบิลี่สกัดผิดเหลี่ยมเข้าประตูตัวเองเป็น6-0

และช่วงท้ายเกมนาทีที่89 หงส์แดง ลิเวอร์พูล ก็ได้ประตูตอกฝาโลงซ้ำเข้าไปอีก จากจังหวะที่ ฌิบริล ซิสเซ่ กระชากบอลทางกรอบเขตโทษด้านขวา ก่อนตะบันซัดเต็มข้อบอลพุ่งเรียดลอดตัว ไมค์ เทย์เลอร์ กลายเป็นประตูที่7 ให้ลิเวอร์พูล บุกมาเอาชนะ เบอร์มิงแฮม อย่างท่วมท้น 7-0 ผ่านเข้ารอบต่อไปอย่างสวยสดไฉไล


รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม



เบอร์มิงแฮม : ไมค์ เทย์เลอร์ - มาริโอ เมลช็อต, เคนนี่ คันนิ่งแฮม, มาร์ติน เทย์เลอร์, มาร์กอส เพนเตอร์ -เจอร์เมน เพนแนนท์, เดเมี่ยน จอห์นสัน, สตีเฟ่น คลีเมนซ์, เจมี่ แคล็ปแฮม-มิคาเอล ฟอร์สเซลล์, เดวิด ดันน์
สำรอง : นิโก้ เวเซ่น (ผู้รักษาประตู) - สแตน ลาซาริดิส, นีล คิลเคนนี่, อเล็กซ์ บรูซ, โอลิวิเย่ร์ เตบิลี่

ลิเวอร์พูล :โฆเซ่ เรน่า - สตีฟ ฟินแนน, เจมี่ คาร์ราเกอร์, ซามี่ ฮูเปีย, ฌิมี่ ตราโอเร่ - ชาบี อลอนโซ่, สตีเว่น เจอร์ราร์ด, โมฮัมเหม็ด ซิสโซโก้, ยอห์น อาร์เน่ รีเซ่ -ปีเตอร์ เคร้าช์, หลุยส์ การ์เซีย
สำรอง : เจอร์ซี่ ดูเด็ค (ผู้รักษาประตู) - แยน ครอมแคมป์, แฮร์รี่ คีเวลล์, ฌิบริล ซิสเซ่, เฟร์นานโด มอริเอนเตส

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์