เจาะชีวิตวัยเยาว์ของ ด.ช. สตีวี่ จี.


วัยเยาว์ของ ด.ช. สตีเวน เจอร์ราร์ด.



ก่อนจะมาเป็นกัปตันคนเก่งแห่งถิ่นแอนฟิลด์ ชีวิตวัยเด็กของ สตีเวน เจอร์ราร์ด เป็นอย่างไร? เราลองมาฟังจากคำบอกเล่าของครู, และโค้ชในวัยเด็กของเอลกัปปิตันกันดู.

ลองดูภาพถ่ายข้างล่าง แว่บแรกอาจจะดูเหมือนภาพของกลุ่มนักเตะเยาวชนทั่วไปที่ยังต้องหาทางพัฒนาตัวเอง และยังไม่ได้ฉายแววโดดเด่นอะไรออกมา.

แต่ลองมองใกล้ๆ คุณจะเห็นรูปกัปตันทีมคนเก่งของเรา ในช่วงก่อนที่เขาจะคว้าแชมป์กับทีมได้อย่างมากมาย, สวมปลอกแขนกัปตันทีม และติดทีมชาติอังกฤษ.

หลายคนอาจรู้จักเจอร์ราร์ดครั้งแรกในวันที่ 14 พฤศจิกายน 1998, เมื่อเขาถูกเปลี่ยนตัวลงมาในเกมกับแบล็คเบิร์น และเป็นเกมแรกในชุดสีแดงเพลิงของเขา. เกมนั้นเขาเอาชนะใจแฟนๆในแอนฟิลด์ได้ด้วยการเสียบสกัดที่หนักหน่วงต่อหน้าอัฒจันทร์ฝั่งเดอะ ค็อป และทีมก็คว้าชัยไปได้ในเกมนั้น 2-0, แต่เราจะพาคุณย้อนเวลาไปให้ไกลกว่านั้น ถอยกลับไปในช่วงที่สตีวี่จีของเรายังกลัวครูของเขามากกว่าราฟา เบนิเตซ.




สิ่งที่ผมจำได้มากที่สุดเกี่ยวกับเขาคือความสามารถในฐานะผู้นำในสนาม กิลเลียน มอร์แกน, ครูและโค้ชฟุตบอลคนแรกของเจอร์ราร์ดที่ รร.Huyton and Roby Primary กล่าว.

เขาเริ่มเล่นให้ทีมโรงเรียนเมื่อตอนเก้าขวบ และก็คอยช่วยเหลือคนอื่นๆอยู่เสมอ. พ่อของเขาพูดเสมอว่าเขาเกิดมาพร้อมกับมีลูกฟุตบอลอยู่ที่เท้า และผมยังคิดว่ามันจริงเลยนะ

นอกสนามเขาเป็นเด็กที่เงียบและเรียบร้อยมาก. ผมได้พบเขาสองสามครั้งและยังได้ปรากฏตัวในดีวีดี Steven Gerrard: My Story ด้วย

มันดีจริงๆที่เขากลับมาที่โรงเรียนนี้ในฐานะส่วนหนึ่งในดีวีดีที่ว่า - เขาถามถึงสมาชิกในครอบครัวผม ผมแปลกใจมากๆที่เขาจำทุกคนในอดีตหลายปีที่ผ่านมาได้หมด




พออายุ 11 ขวบ เจอร์ราร์ด ย้ายไปอยู่โรงเรียน Cardinal Heenan High School, ที่ซึ่งเขาเริ่มต้นเบียดตัวเองเข้าสู่ทีมนักเรียนลิเวอร์พูล.

และ สตีฟ โมโนแกห์น คือโค้ชของเขาในสมัยนั้น และได้รู้จักกับความเป็นนักสู้และไม่ยอมแพ้ของกัปตันของเราเป็นคนแรกๆ.

ใครๆก็รู้ว่าเจอร์ราร์ดเป็นเด็กที่มีพรสวรรค์, แต่เขาไม่เคยโอ้อ้วดมันเลย. เขารู้ว่าตัวเองมีความสามารถ, แต่ไม่เที่ยวเอามาโชว์ออฟใครๆ

เด็กๆหลายคนที่มีพรสวรรค์มักจะไม่ค่อยตั้งใจเรียนหนังสือ, แต่เจอร์ราร์ดไม่เป็นแบบนั้น เขาเรียนจบด้วยเกรดA-C ในห้า GCSE (General Certificate of Secondary Education)

เขาเหนือกว่าผู้เล่นคนอื่นๆในทีมนักเรียน ผมจำได้เกมนึงที่เราตามทีม บลูโค้ท อยู่3-0 ในรอบชิงถ้วยเมอร์ซี่ย์ไซด์ ยู13. สุดท้ายเกมนั้นเรากลับมาชนะ 4-3 ด้วยสองประตูที่เจอร์ราร์ดยิงได้

ผมย้อนกลับไปคิดถึงเกมนั้นตอนที่เราตามมิลานด้วยสกอร์เดียวกันในรอบชิงชปล.ปี2005. เขาเป็นคนทำให้ทีมกลับมาจากความตายอีกครั้งในเกมนี้ และยังทำได้อีกสองสามครั้งหลังจากนั้น




ทิม จอห์นสัน โค้ชคนต่อมาของ เจอร์ราร์ด ซึ่งปัจจุบันเป็นนักเขียนของ Echo sports กล่าวว่า ผมรู้จักเจอร์ราร์ดครั้งแรกในปี1992ตอนที่ อีริค แช้ดวิคของ Cardinal Heenan High บอกผมว่าเขามีเด็กวัย 12 ฝีเท้าระดับฟ้าประทานอยู่คนนึงในทีม

ผมเป็นกุนซือทีม Liverpool Schools Under-14 (รูปข้างบน) เมื่อเจอร์ราร์ดอายุถึง ผมจำชื่อเขาได้และพยายามหาทางดึงตัวเขาเข้ามาร่วมทีม

แต่ความสามารถของเขามันฉุดไม่อยู่จริงๆ ทางโรงเรียนเลยต้องเสนอชื่อเขาให้ทีมของเมืองเร็วกว่าที่คิดไว้ถึง 12 เดือนเลยทีเดียว

ตอนนั้นสิ่งที่น่าประทับใจที่สุดในตัวเขาคือความฉับไวในการตัดสินใจ เขาสามารถประเมินสถานการณ์และฉวยความได้เปรียบได้เร็วกว่านักฟุตบอลระดับโรงเรียนคนอื่นๆที่ผมเคยเห็น

นอกจากนั้นเขายังเข้าสกัดได้อย่างเยี่ยมยอด แม้คู่แข่งจะตัวใหญ่กว่า แต่เขาก็กล้าที่จะแหย่เท้าเข้าไปสกัด และทุกวันนี้เขาก็ยังรักษาเอกลักษณ์นั้นเอาไว้อยู่

ต่อมา สตีวี่จี ก็ได้ขึ้นมาเล่นกับทีมยู15 ซึ่งก็ยังอยู่ภายใต้การดูแลของโค้ชจอห์นสันคนเดิม, แต่ปีนี้นับเป็นปีที่น่าผิดหวังของเจอร์ราร์ดอย่างแท้จริง.


แรกๆทุกอย่างไปได้ดีสำหรับเขา และผมยังจำได้ว่าเขายิงประตูให้เราเอาชนะทีม West Lancs ในรอบแรกๆของถ้วยอิงลิชโทรฟี่ จอห์นสันเล่าต่อ.

แต่อาการบาดเจ็บที่เรื้อรังทำให้เขาต้องพลาดติดทีมนักเรียนอังกฤษ, ซึ่งเป็นระดับเดียวที่เขาไม่เคยติดทีมชาติ

และแม้จะมีหลายทีมในพรีเมียร์ลีกให้ความสนใจในตัวมิดฟิลด์ไดนาโมคนนี้ แต่เขาก็ตัดสินใจจรดปากกากับลิเวอร์พูลทันที หลังจากที่ทีมนักเรียนของเขาตกรอบควอเตอร์ไฟนั่ลในบอลถ้วย.

ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาผมยังได้พบกับเขาเป็นบางโอกาส และเขาก็ยังมีเวลาพูดคุยกับผมอยู่เสมอ

มันแทบเป็นไปไม่ได้เลยหากจะให้ย้อนกลับไปคิดว่าเขามาไกลแค่ไหนแล้วบนถนนลูกหนัง - ผมดีใจกับเขาด้วยจริงๆ จอห์นสันทิ้งท้าย.


 




ราฟา เบนิเตซ กุนซือจอมแท็คติค ออกมาเขียนถึงกัปตันทีมคนเก่งของเขา - สตีเว่น เจอร์ราร์ด - เนื่องในสัปดาห์ Steven Gerrard week ของ Liverpoolfc.tv.



ในโลกฟุตบอลสมัยใหม่, มันน่าอัศจรรย์ที่ได้เห็นนักฟุตบอลคนนึงค้าแข้งอยู่กับทีมๆเดียวนานถึง 10 ปี.

เพราะผู้จัดการทีมแบกรับความกดดันอย่างหนัก และจำนวนเงินมหาศาลที่ถูกจับจ่ายออกไป, คุณคงเห็นว่าหลายๆทีมต่างก็เปลี่ยนแปลงผู้เล่นอยู่ตลอดเวลา - แต่การที่เจอร์ราร์ดอยู่กับลิเวอร์พูลมาได้นานขนาดนี้ มันบ่งบอกถึงคุณภาพของเขาในฐานะนักเตะ และความคิดของเขาในฐานะคนๆนึง.

ก่อนผมย้ายมาคุมลิเวอร์พูล ผม - รวมทั้งกุนซือคนอื่นๆ - รู้จักเจอร์ราร์ดเป็นอย่างดี. แต่จนกระทั่งคุณได้เห็นเขาลงฝึกซ้อมทุกวันนั่นแหละ คุณถึงจะรู้ว่าเขามีดีแค่ไหนกันแน่. ผมพบเลยว่าเขามีเท็คนิคที่ดีมากๆ, แข็งแกร่งสุดๆ และทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างในทุกๆสถานการณ์. ความมุ่งมั่นในทุกๆครั้งที่เขาย่างก้าวลงสู่สนามมันมหัศจรรย์มาก.

เมื่อนึกถึงผลงานในสนามของเขา ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมามันมีความทรงจำดีๆให้นึกถึงมากมาย. แต่สำหรับผม, ในฐานะกัปตันทีมที่ผมคุม, อิทธิพลที่เขามีต่อลูกทีมนอกสนามก็สำคัญเช่นกัน.

เราไม่เคยลืมประตูที่เขายิงโอลิมเปียกอส, เวสต์แฮม และเอซี มิลาน - แต่วิธีการที่เขานำทีมลงสนามในเกมเหล่านั้นคือสิ่งที่น่าประทับใจที่สุด.




กัปตันทีมต้องเล่นให้ดีในสนาม, ในขณะที่นอกสนาม เขาก็ต้องเป็นตัวอย่างที่ดีและคอยกระตุ้นลูกทีมอยู่ตลอดเวลา ซึ่งเขามีครบทุกอย่างที่ว่ามา และนั่นคือสิ่งที่ทำให้เขาเป็นสุดยอดกัปตันของทีมเรา.

ผมว่าเจอร์ราร์ดยังดีขึ้นกว่านี้ได้อีก และผมก็มั่นใจว่าเขายังทำอะไรให้เราได้อีกมากในอนาคต. ในช่วงปีหลังๆเขาพัฒนาแท็คติคขึ้นมากเพราะได้ลงเล่นในหลายๆตำแหน่ง และสำหรับผม, ตอนนี้เขาคือมิดฟิลด์ตัวรุกที่เก่งที่สุดในโลก.

คาราเกอร์เคยบอกว่าเขาจะไม่ยอมแลกตัวเจอร์ราร์ดกับนักเตะคนไหน และผมก็เห็นด้วยกับเขา. ในแง่ของคุณภาพคุณสามารถหาคนอื่นมาทดแทนอีกคนได้, แต่ถ้ารวมทั้งจิตใจที่แข็งแกร่งและความมุ่งมั่นที่มีต่อทีมด้วยแล้วละก็ ผมคงจะไม่ยอมแลกเขากับใครๆอย่างแน่นอน.

ผมรู้ว่าเขาตั้งใจแค่ไหน - เหมือนกับพวกเราที่เหลือ - ที่ตั้งใจจะเอื้อมมือไปสัมผัสถ้วยพรีเมียร์ลีกให้ได้ และผมก็หวังว่าความฝันจะกลายเป็นความจริงขึ้นมาในเร็ววันนี้.


ราฟา เบนิเตซ.



ขอขอบคุณเนื้อหาดีๆจาก  www.liverpoolthailand.com


ปล.นี้เป็นกระทู้ที่ดีสำหรับชาวหงส์เเดง โปรดใช้สมองในการโพสเเสดงความคิดเห็นที่ไม่เสียดสีทีมต่างๆเเละอย่ามาด่ากันในกระทู้นี้

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์