บิ๊กแมตช์ แดงเดือด ภาค เอฟเอ คัพ แค้นที่รอวันชำระ

บิ๊กแมตช์ แดงเดือด ภาค เอฟเอ คัพ แค้นที่รอวันชำระ

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 17 กุมภาพันธ์ 2549 14:55 น.

ภาพโขกประตูของ ริโอ เฟอร์ดินานด์ ซุกก้นตาข่ายในนาที 90 ยังคงฝังแน่นในหัวของสาวก เดอะ ค็อป เพราะทำให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เปิดรัง โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เฉือนชนะ ลิเวอร์พูล ไปอย่างเจ็บแสบ 1-0 ในเกม พรีเมียร์ชิพ อังกฤษ ทั้งที่ตลอดเกมเป็นทีมเยือนที่บุกได้น้ำได้เนื้อกว่าอย่างเห็นได้ชัด

กลิ่นอายของศึก วันแดงเดือด ที่ว่านี้เมื่อช่วงปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา ยังไม่จางหาย ลิเวอร์พูล ก็มีคิวต้องเปิดรัง แอนฟิลด์ รับมือ แมนฯยูไนเต็ด อีกคำรบ เพื่อทำศึก เอฟเอ คัพ รอบ 5 ในวันเสาร์ที่ 18 ก.พ. เวลา 19.30 น.โดยถือเป็นศึกล้างตาจากเกมลีกที่ หงส์แดง ใจจดจ่อทันทีที่ทราบผลการจับสลากประกบคู่

ครั้งสุดท้ายที่ทั้งคู่เจอกันในศึก เอฟเอ คัพ ต้องย้อนกลับไปเมื่อฤดูกาล 1998-1999 เป็นการแข่งขันในรอบ 4 ซึ่ง แมนฯยูไนเต็ด เปิดรังเฉือนชนะไปอย่างหวุดหวิด 2-1 ลิเวอร์พูล ขึ้นนำไปก่อนจาก ไมเคิ่ล โอเว่น แต่ว่าเจ้าถิ่นก็พลิกชนะได้จาก ดไวท์ ยอร์ค และ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา พร้อมก้าวขึ้นไปคว้าแชมป์และซิวทริปเปิลแชมป์ได้ในปีนั้นอีกด้วย

แต่ที่ ลิเวอร์พูล จะลืมไม่ได้ ก็คือ นัดชิงชนะเลิศที่ เวมบลี่ย์ ในฤดูกาล 1995-1996 เมื่อ แมนฯยูไนเต็ด เฉือนชนะไปด้วยประตูชัยในนาทีที่ 85 ของ เอริค คันโตน่า ซึ่งสถิติโดยรวมการเจอกันในถ้วยใบนี้เป็น ผีแดง ที่ดีกว่าชนะ 8 เสมอ 4 และสะกดคำว่าแพ้แค่ 2 เท่านั้น

การเจอกันของทั้งสองทีมในครั้งนี้ ไม่มีผลกับอันดับในตารางคะแนน ที่กำลังขับเคี่ยวตำแหน่งรองจ่าฝูงกันอยู่หน้าดำหน้าแดง แต่เป็นเรื่องของศักดิ์ศรีล้วนๆ รวมถึงพื้นที่ในรอบ 8 ทีมสุดท้ายของถ้วยใบเก่าแก่ที่สุดรายการนี้ แต่แน่นอนว่า ราฟาเอล เบนิเตซ กุนซือ ลิเวอร์พูล ต้องการแก้แค้น และลบล้างความผิดหวังที่เจอกันในนัดล่าสุด

ลิเวอร์พูล แชมป์ 6 สมัย ของถ้วย เอฟเอ คัพ เริ่มกลับเข้าสู่ฟอร์มแข็งแกร่งอีกครั้งเก็บ 6 คะแนนเต็มใน 2 นัดล่าสุดด้วยการเฉือนชนะ วีแกน แอธเลติก และ อาร์เซนอล ด้วยสกอร์เดียวกัน 1-0 แต่ปัญหาที่ เบนิเตซ ต้องขบคิดอย่างหนัก ก็คือ บรรดากองหน้าที่นัดกันฝืดสนิททั้ง ปีเตอร์ เคร้าช์, เฟร์นานโด มอริเอนเตส และ ฌิบริล ซิสเซ่ ที่พร้อมใจกันทำประตูไม่ได้มา 10 เกมติดต่อกันแล้ว



โรนัลโด้ (ขวา) ฟอร์มกำลังเข้าฝัก


มิหนำซ้ำ เดอะ ก็อด ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ ดาวยิงสเกาเซอร์ที่เพิ่งไปฉกตัวมาจาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็ติดคัพ-ไท ลงเล่นไม่ได้อีก อีกทั้งต้องลุ้นอาการเจ็บของ เคร้าช์ ด้วย แต่ว่า เบนิเตซ มีทางเลือกหากจะใช้บริการของ หลุยส์ การ์เซีย ที่เพิ่งสวมบทซูเปอร์ซับลงมาซัดประตูชัยเหนือ อาร์เซนอล ลงเล่นเป็นหน้าต่ำ

นอกนั้นในตำแหน่งอื่นๆ ลิเวอร์พูล ถือว่าไร้ปัญหา โฮเซ่ เรน่า นายทวารจอมหนึบจะกลับมาเฝ้าเสาอีกครั้งหลังพ้นโทษแบน 3 นัด เจมี่ คาร์ราเกอร์ และ ซามี่ ฮูเปีย ก็พร้อมหน้าพร้อมตาในแผงหลัง แต่ว่านักเตะใหม่อย่าง แยน ครอมแค้มป์ และ ดาเนี่ยล แอกเกอร์ คงต้องรอโอกาสต่อไป

ทางฝั่งผู้มาเยือน แมนฯยูไนเต็ด ที่ผูกขาดแชมป์รายการนี้สูงสุดถึง 11 สมัย กำลังอยู่ในฟอร์มจัดจ้านใช่ย่อยคว้าชัย 2 นัดติดในลีกเช่นเดียวกัน เกมรุกน่ากลัว แต่ว่าเกมรับก็เสียประตูง่ายๆ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน นายใหญ่ของทีมยังไม่ได้ 11 คนแรกที่ลงตัวและมีการสลับสับเปลี่ยนนักเตะแทบทุกนัดในระยะหลังๆ

เนมานย่า วิดิช และ ปาทริซ เอวร่า สองนักเตะใหม่ในแผงหลังกำลังอยู่ในช่วงปรับตัว แต่ตัวหลักที่ขาดไม่ได้ คือ ริโอ เฟอร์ดินานด์ นอกนั้นตัวเลือกอย่าง เวส บราวน์, มิคาเอล ซิสแวสต์ ยังอยู่กันครบรวมถึง แกรี่ เนวิลล์ แบ็กขวากัปตันทีมที่จะต้องเป็นเป้าเล่นงานของแฟนบอล ลิเวอร์พูล หลังจากเกมล่าสุดที่เจอกันดีใจมากไปหน่อยด้วการชูตราสโมสรที่อกเสื้อขึ้นไม่ถูกที่ถูกทางดันไปอยู่หน้าอัฒจันทร์ของเหล่า เดอะ ค็อป

ขยับขึ้นในแผงมิดฟิลด์ ยังไรวี่แววของ พอล สโคลส์ แต่ก็ได้ ไรอัน กิ๊กส์ ปีกจอมเก๋าที่ถูกโฉลกกับถ้วยนี้หายเจ็บกลับมาช่วยทีม ส่วนคนอื่นๆ ในแนวรุกยังอยู่กันครบทั้ง พาร์ค จี ซอง, อลัน สมิธ, ดาร์เรน เฟลตเชอร์ โดยเฉพาะ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ปีกจอมสับที่กำลังฮอตเหลือเกินซัด 4 ประตูใน 2 นัดหลังสุด

ทางด้านแนวรุก เวย์น รูนี่ย์ มีส่วนกับเกมรุกของ แมนฯยู ค่อนข้างมาก แต่ว่าคว้านหาสกอร์ไม่เจอในระยะหลังๆ ประตูสุดท้ายที่ซัดได้ คือ เกมที่บุกไปเสมอ เบอร์มิงแฮม ซิตี้ 2-2 ในเกมลีกเมื่อปลายเดือนธันวาคมที่ผ่านมา แต่ถึงกระนั้นก็ตามจะได้จับคู่กับ รุด ฟาน นิสเตลรอย ในเกมนี้ตามเดิม โดยมี หลุยส์ ซาฮา เป็นตัวสอดแทรก

แมตช์นี้ยังคงเป็น ลิเวอร์พูล ที่ดูดีกว่า แมนฯยู และยิ่งเล่นในถิ่น แอนฟิลด์ บวกกับความมุ่งมั่นทำให้พวกเขาน่าจะครองบอลเปิดเกมบดบี้เข้าใส่ทีมเยือนได้มากกว่า ซึ่งปัจจัยสำคัญอยู่ที่แนวรุกหากยังสลัดกากสนิมไม่ออก มีหวังคงต้องดูกันยาวๆ ในเกมนี้

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์