เกาะติด ยูโร 2008

ฟุตบอลยูโร 2008 ซึ่งมี ออสเตรีย และสวิตเซอร์แลนด์ เป็นเจ้าภาพร่วม
 
แฟนบอลชาวไทยหลายท่านอาจจะผิดหวังที่ทีมชาติอังกฤษพลาดตกรอบคัดเลือกไปก่อนอย่างน่าเสียดาย แต่ถ้าลองดูตัวผู้เล่นของทั้ง 16 ทีมในรอบสุดท้าย จะเห็นได้ว่ามีผู้เล่นจากพรีเมียร์ลีก ที่เรารู้จักกันดี ได้เข้าร่วมวงศ์ไพบูลย์ในครั้งนี้จำนวนมาก รวมไปถึงนักเตะที่เรารู้จักกันดีจากลาลีกาของสเปน กัลโช เซเรีย อา ของอิตาลี บุนเดสลีกาของเยอรมนี และลีกเอิงของฝรั่งเศส และเพื่อให้พวกเราได้เชียร์ทีมโปรดและนักเตะที่ชื่นชอบได้อย่างมีรสชาติ เดลินิวส์จึงขอนำเสนอข้อมูลของทีมต่าง ๆ ทั้ง 15 ทีม ตามลำดับจากกรุ๊ป A ไปจนถึงกรุ๊ป D ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
สวิตเซอร์แลนด์ : อย่างน้อยต้องถึงรอบก่อนรองชนะเลิศ 

กลุ่ม A

โปรแกรมการแข่งขัน 
7 มิ.ย. 2008 สวิตเซอร์แลนด์ - สาธารณรัฐเช็ก 23.00 น.
11 มิ.ย. 2008 สวิตเซอร์แลนด์ - ตุรกี 01.45 น.
15 มิ.ย. 2008 สวิตเซอร์แลนด์ - โปรตุเกส 01.45 น.


ในฐานะเจ้าภาพยูโร 2008 ร่วมกับออสเตรีย สวิตเซอร์แลนด์ ได้สิทธิเข้าแข่งรอบสุดท้ายโดยไม่ต้องลงเล่นรอบคัดเลือก แต่ก็ได้เล่น ในแมตช์กระชับมิตร อย่างสม่ำเสมอเพื่อความพร้อมของทีม โดยที่พวกเขาชนะรวด 3 นัดติดต่อกันหลังฟุตบอลโลก 2006 แต่หลังจากนั้นทีมก็เริ่มมีปัญหา โดยแพ้ ออสเตรีย 1-2 และแพ้ติดต่อกันอีก 2 นัด ทำให้โค้ช ยาคอบ คูห์น ปลด โยฮัน โฟเกล ออกจากกัปตันทีม ตามด้วยการบาดเจ็บของสองกำลังหลัก ริคาร์โด คาบานาส และ อเล็กซานเดอร์ ฟราย ในปี 2001 อย่างไรก็ดีหลังการปรับปรุงทีม สวิสสามารถเสมอยอดทีมอย่างอาร์เจนตินาได้ 1-1 ในเดือนมิถุนายน 2007 ตามด้วย การพิชิตเนเธอร์แลนด์ 2-1 ในอีก 2 เดือนต่อมา โดยการยิงของ ทรานควิลโล บาร์เนตตา ทั้ง 2 ประตู

หลังจากตกรอบแรกในฟุตบอลยูโร 2004 รอบสุดท้ายที่โปรตุเกส โค้ช ยาคอบ คูห์น ได้ปรับปรุงทีมขนานใหญ่ โดยมุ่งที่ยูโร 2008 ซึ่งสวิสจะเป็นเจ้าภาพร่วม พวกเขาตั้งความหวังว่าอย่างน้อยต้องเข้าถึงรอบก่อนรองชนะเลิศ แต่ดูจากการแบ่งกลุ่มแล้วงานของพวกเขาคงจะไม่ง่ายนัก อย่างไรก็ดี โค้ช ยาคอบ คูห์น ประกาศจะทำงานนี้ทิ้งทวน และจะลาออกจากตำแหน่งไปพักผ่อนหลังยูโร 2008

ในฟุตบอลโลก 2006 คูห์น พาทีมสวิตเซอร์แลนด์เข้าสู่รอบสุดท้ายที่เยอรมนีได้ โดยไม่แพ้ทีม ใดเลยในรอบคัดเลือก ได้เป็นอันดับสองรองจากฝรั่งเศส ต้องไปเล่นเพลย์ออฟกับตุรกี และเอาชนะได้อย่างพลิกความคาดหมาย ด้วยกฎประตูทีมเยือน

ในรอบสุดท้าย พวกเขาลงเล่นในกลุ่ม G เสมอกับฝรั่งเศส 0-0 ในแมตช์แรก ชนะโตโก และเกาหลีใต้ 2-0 ด้วยประตูของ อเล็กซานเดอร์ ฟราย ทั้งสองนัด ทำให้เข้ารอบเป็นที่ 1 ของกลุ่ม แต่ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย สวิสต้องอกหักเมื่อเสมอกับยูเครน 0-0 ยิงลูกโทษตัดสินพ่ายไป 0-3 โดย ริคาร์โด คาบานาส และ มาร์โค สเตรล เลอร์ ยิงไปถูกผู้รักษาประตูเซฟได้ และ บาร์เนนตา ยิงชนคาน ขณะที่ยูเครนยิงเข้า 3 คนรวด สวิสจึงตกรอบไปทั้งที่ไม่เสียประตูให้ทีมใดเลยในการเล่นเวลาปกติ 4 แมตช์

ในฟุตบอลยูโร 2004 สวิตเซอร์แลนด์ผ่านเข้าสู่รอบสุดท้ายด้วยการเล่นรอบคัดเลือกเข้าเป็นที่ 1 ของกลุ่ม A ซึ่งมีทีมแกร่งอย่าง รัสเซีย และไอร์แลนด์ ร่วมกลุ่มอยู่ด้วย

ในรอบสุดท้ายที่โปรตุเกส สวิสเริ่มด้วยการเสมอ 0-0 กับโครเอเชีย ตามด้วยการพ่ายแพ้ต่ออังกฤษ 0-3 และพ่ายฝรั่งเศส 1-3 ตกรอบแรกไป อย่างไรก็ดี ในแมตช์สุดท้ายกับฝรั่งเศส 1 ประตูที่ได้มาจากหนุ่มน้อย โยฮัน ฟอนลันเตนทำให้เขาได้ครองสถิติ ผู้เล่นอายุน้อยที่สุดที่ยิงประตูได้ในฟุตบอลยูโร

สวิสเคยเข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลยูโรมาแล้ว 2 ครั้ง คือปี 1996 และ 2004 โดยในปี 96 พวกเขาเริ่มต้นด้วยการยิงเสมอเจ้าภาพอังกฤษ 1-1 แต่ก็ตกรอบแรกเพราะแพ้ใน 2 นัดต่อมา

ผลงานในฟุตบอลยูโรของสวิส 80 แมตช์ ชนะ 29 เสมอ 22 แพ้ 29 ยิงได้ 119 เสีย 108


กลยุทธ์ของสวิตเซอร์แลนด์


ในฟุตบอลโลก 2006 สวิสซึ่งมีผู้เล่นอายุเฉลี่ยน้อยที่สุดได้แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของกองหลัง โดยไม่เสียประตูเลย แต่ขณะเดียวกันพวกเขาก็มีจุดอ่อนในการเข้าทำประตู โดยเฉพาะเมื่อศูนย์หน้ากัปตันทีม อเล็กซานเดอร์ ฟราย บาดเจ็บหัวเข่าต้องพักรักษาตัวนาน มาร์โค สเตรลเลอร์ และ บลาย เอ็นคูโฟ ที่เข้ามาแทนก็ยังทำได้ไม่ดีนัก คาดว่าตำแหน่งศูนย์หน้าตามสูตร 4-2-3-1 ของคูห์น คงจะต้องตัดสินกันจนถึงช่วงสุดท้ายมิถุนายนนี้

ในแดนหลัง คูห์น น่าจะเลือก ดีเอโก เบนาโญ เป็นผู้รักษาประตูมือหนึ่ง โดยมี ฟาบิโอ โคลตอร์ติ และ ปาสกาล ซูแบร์บูห์เลอร์ เป็นตัวสำรอง แบ๊กซ้ายน่าจะเป็น ลูโควิด มายิน แบ๊กขวา ฟิลิปป์ ดีเกน ส่วนกองหลังตัวกลาง ปาทริค มุลแลร์ คงจะไม่ได้เล่นเพราะบาดเจ็บหัวเข่า ดังนั้น ฟิลิปป์ เซนเดอรอส ของอาร์เซนอล น่าจะได้เป็นตัวยืน โดยมี โยฮันน์ ฌูรู และ มาริโอ เอ็กกิมันน์ เข้ามาเสริม

ในตำแหน่งกองกลาง อดีตกัปตันทีม โยฮัน โฟเกล ถูกดร็อปไป เกลสัน เฟอร์นานเดซ, ริคาร์โด คาบานาส และ เบนจามิน ฮักเกิล จะได้ลงทำหน้าที่ ส่วนปีกซ้ายขวา น่าจะเป็น ทรานควิลโล บาร์เน็ตตา และ โยฮัน ฟอนลันเตนโดยมี ฮาคาน ยาคิน รับบทมิดฟิลด์ตัวรุก.


ข้อมูลจำเพาะ

กัปตันทีม : อเล็กซานเดอร์ ฟราย
อันดับโลกล่าสุด : 44
ผลงานที่ดีที่สุดในยูโร : รอบแรก (1996, 2004)
สถิติการแข่งขันในรอบสุดท้าย
1960 ถึง 1992 - ไม่ผ่านรอบคัดเลือก
1996 - รอบแรก
2000 - ไม่ผ่านรอบคัดเลือก
2004 - รอบแรก
2008 - ผ่านเข้ารอบในฐานะเจ้าภาพร่วม 


     โค้ช : ยาคอบ คูห์น
     ยาคอบ คูห์น นับเป็นโค้ชทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์คนแรกที่เป็นชาวสวิส นับตั้งแต่ปี 1989 เป็นต้นมา สวิสมีโค้ชต่างชาติที่มีชื่อเสียงหลายคน เช่น อูลี สตีลิเก จากเยอรมนี, รอย ฮอดจ์สัน จากอังกฤษ, กิลเบิร์ต เกรส และเอนโซ ทรอสเซโร จากอาร์เจนตินา คูห์น ได้รับเลือกให้เลื่อนชั้นจากโค้ชทีมชาติอายุต่ำกว่า 21 ปี ให้ขึ้นมาคุมทีมชาติชุดใหญ่ต่อจาก ทรอสเซโร ในปี 2001 กลยุทธ์ สำคัญของเขาคือ การปรับปรุงทีม โดยปลดผู้เล่นเก่าที่เริ่มร่วงโรยออกไป นำผู้เล่นใหม่อายุน้อยเข้ามาเสริมทีม และพิสูจน์ผลงานได้ด้วยการนำทีมเข้าสู่รอบสุดท้ายยูโร 2004 และฟุตบอลโลก 2006 สำหรับยูโร 2008 ครั้งนี้แม้ไม่ต้องพิสูจน์ฝีมือด้วยการเล่นรอบคัดเลือก แต่ คูห์น ก็ยังปรับปรุงทีมด้วยการนำเอาผู้เล่นเด่น ๆ จากทีมเยาวชนอายุต่ำกว่า 17 ปี ชุดที่ชนะแชมป์ยุโรป 2002 เข้ามาร่วมทีม

ยาคอบ คูห์น เป็นผู้เล่นมิดฟิลด์ที่ประสบความสำเร็จพอควรเข้าร่วมทีมคว้าแชมป์ลีก สวิส 6 ครั้ง และเแชมป์สวิสคัพ 5 ครั้ง ใน 500 เกมกับเอฟซี ซูริก นาน 16 ปี ได้ลงเล่นในรอบรองชนะเลิศฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรยุโรปถ้วยใหญ่ 2 ครั้งโดยพบกับรีล มาดริด ในฤดูกาล 1962/63 และพบกับลิเวอร์พูลในฤดูกาล 1976/77 และติดทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ 63 ครั้ง
ผู้เล่นดาราทอง : สเตเฟน ชาปุยซาต์
สวิตเซอร์แลนด์ เลือก สเตเฟน ชาปุยซาต์ เป็นดาราทอง สำหรับการฉลองปี 50 ปี ของยูฟ่า ซึ่งเป็นไปตามความคาดหมายเพราะเขามีผลงานที่โดดเด่นในฐานะดาวยิง ทั้งในระดับสโมสรและทีมชาติ อย่างต่อเนื่องจนกระทั่งเลิกอาชีพค้าแข้งเมื่อปีที่แล้ว

ชาปุยซาต์ คลุกคลีกับฟุตบอลมาตั้งแต่เด็ก เพราะมีพ่อเป็นนักเตะอาชีพและโค้ช เขาติดทีมชาติครั้งแรกปี 1989 ในนัดที่สวิสเอาชนะบราซิลได้ 1-0 โดยขณะนั้นเขาเล่นในทีมสโมสรโลซานน์ 15 ปีต่อมา เขาได้ฉลองการลงเล่นทีมชาติครบ 100 ครั้ง ในการเล่นกับทีมชาติเยอรมัน และอำลาการเล่นทีมชาติที่ 103 แมตช์ ยิงได้ 21 ประตู

ชาปุยซาต์ เป็นกำลังสำคัญของทีมชาติ ในยุคของโค้ช รอย ฮอดจ์สัน ซึ่งทีมชาติสวิสประสบความสำเร็จมากที่สุด โดยเข้าถึงรอบ 16 ทีมสุดท้ายฟุตบอลโลก 1994 และเข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลยูโร 1996 ในฟุตบอลยูโร 2004 ชาปุยซาต์ ซึ่งอายุมากแล้วได้กำลังเสริมจากอเล็กซานเดอร์ ฟราย และ ฮาคาน ยาคิน เป็นสามทหารเสือในแดนหน้า พาทีมสวิสผ่านเข้าสู่รอบสุดท้ายที่โปรตุเกสได้สำเร็จ

ในระดับสโมสรเขาประสบความสำเร็จอย่างสูง ยากที่จะมีนักเตะสวิสคนใดทำได้ โดยครองแชมป์บุนเดสลีกา เยอรมนี กับทีม “เสือเหลือง” โบรุสเซีย ดอร์ตมุนด์ 2 ครั้ง และร่วมทีมคว้าถ้วยยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก พร้อมถ้วยแชมป์สโมสรโลก ยุโรป/อเมริกาใต้ ในปี 1997 ในช่วงเวลา 8 ปี กับดอร์ตมุนด์ เขายิงได้ 106 ประตู โดยเป็น 17 ประตูในฟุตบอลถ้วยยุโรป นับเป็นผู้เล่นต่างชาติที่ยิงประตูได้มากที่สุดเป็นอันดับสองในลีกเยอรมัน

เมื่อกลับมาลงเล่นในสวิสช่วงปลายของการค้าแข้ง เขายังร่วมทีมกราสฮอปเปอร์ ซูริก คว้าแชมป์ลีกสวิส 1 ครั้ง เป็นดาวยิงสูงสุดประจำฤดูกาล 2 ครั้ง ก่อนจะย้ายมาร่วมทีม ยังบอยส์ และจบชีวิตนักเตะอาชีพกับทีมโลซานน์

แม้ว่าเขาจะไม่ใช่กองหน้าที่มีความเร็วสูง แต่การหาตำแหน่งเล่นที่ยอดเยี่ยม และเท้าซ้ายที่เชื่อความแม่นยำได้ พร้อมทั้งความทุ่มเทร้อยเปอร์เซ็นต์ในทุกนัด ทำให้เขาเป็นขวัญใจของแฟนบอลเยอรมันที่เวสต์ฟาเลน สเตเดี้ยม ของดอร์ตมุนด์อย่างยาวนาน เขาเป็นผู้เล่นกองหน้าที่ไม่ค่อยมีปัญหาการบาดเจ็บ เนื่องจากมีการเล่นที่ระมัดระวังและมีการฟิตร่างกายอยู่เสมอ

ในช่วงปลายของการเล่นฟุตบอลอาชีพ เมื่อ ยาคอบ คูห์น เข้ารับตำแหน่งโค้ชทีมชาติในปี 2001 ชาปุยซาต์ พร้อมเพื่อนร่วมรุ่นอย่าง ซิริอาโก สฟอร์ซา และ สเตฟาน อองโชซ์ ถูกปลดเป็นตัวสำรอง และในปีต่อมา โค้ชทีมสโมสรกราสฮอปเปอร์ ซูริก มาร์เชล โคลเลอร์ ก็ดร็อปเป็นตัวสำรองเช่นกัน

ชาปุยซาต์ ไม่ได้โวยวายต่อว่าโค้ชแต่อย่างใด แต่ได้พิสูจน์ให้ทุกคนเห็นจากการเล่นว่าเขายังมีฝีมืออยู่ ทำให้ได้กลับมาติดทีมชาติในอีก 9 เดือนต่อมา และหลังจากออกจากทีมกราสออปเปอร์ ก็ยังไปสร้างผลงานที่ดีเด่นมาก ๆ กับยังบอยส์ อีกด้วย

ในฟุตบอลยูโร 2008 นี้ ชาปุยซาต์จะได้ร่วมงานในฐานะทูตสันถวไมตรีและจะได้ทำงานเพื่อชาติสวิตเซอร์แลนด์อีกครั้งหนึ่ง.

รายชื่อนักเตะทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ ชุดสู้ศึก "ยูโร 2008" 26 คนแรก 



ผู้รักษาประตู
: ดีเอโก เบนาโญ (เฟาเอฟแอล โวล์ฟสบวร์ก/เยอรมนี), ปาสกาล ซูแบร์บูห์เลอร์ (นูชาเตล ชามักซ์), ฟาบิโอ โคลตอร์ติ (ราซิง ซานตานเดร์/สเปน)

กองหลัง : ฟิลิปป์ เดเกน (โบรุสเซีย ดอร์ตมุนด์/เยอรมนี), โยฮันน์ ฌูรู (อาร์เซนอล/อังกฤษ), มาริโอ เอ็กกิมันน์ (คาร์ลสรูห์/เยอรมนี), สเตฟาน กริชติง (โอแซร์/ฝรั่งเศส), สเตฟาน ลิชท์สไตเนอร์ (ลีลล์/ฝรั่งเศส), ลูโควิช มายิน (เฟาเอฟเบ สตุตการ์ต/เยอรมนี), ปาทริค มุลแลร์ (โอลิมปิก ลียง/ฝรั่งเศส), ฟิลิปป์ เซนเดอรอส (อาร์เซนอล/อังกฤษ), คริสโตฟ สปีเชอร์ (ไอน์ทรัค แฟรงก์เฟิร์ต/เยอรมนี), สตีฟ ฟอน เบอร์เกน (แฮร์ธา เบอร์ลิน/เยอรมนี)

กองกลาง : ทรานควิลโล บาร์เน็ตตา (ไบเออร์ เลเวอร์คูเซน/เยอรมนี), วารอน เบห์รามี (ลาซิโอ/อิตาลี), ริคาร์โด คาบานาส (กราสฮอปเปอร์ ซูริก), เกลสัน เฟอร์นานเดซ (แมนเชสเตอร์ ซิตี/อังกฤษ), ดาเนียล ชีกักซ์ (เม็ตซ์ / ฝรั่งเศส), เบนจามิน ฮักเกิล (บาเซิล), ก็อคทาน อินแลร์ (อูดิเนเซ/อิตาลี), โยฮัน ฟอนลันเตน (ซัลซ์บวร์ก/ออสเตรีย), ฮาคาน ยาคิน (ยัง บอยส์ เบิร์น)

กองหน้า : อีเรน เดอร์ดิย็อค (บาเซิล), อเล็กซานเดอร์ ฟราย (โบรุสเซีย ดอร์ตมุนด์/เยอรมนี), บลาย เอ็นคูโฟ (เอฟซี ทเวนเต/ฮอลแลนด์), มาร์โค สเตรลเลอร์ (บาเซิล)
ออสเตรีย : อย่าคิดฝันไกล ว่าจะไปถึงรอบสอง

ในฐานะเจ้าภาพยูโร 2008 ร่วมกับสวิตเซอร์แลนด์ ออสเตรียได้รับ สิทธิเล่นรอบสุดท้ายโดยไม่ต้องเล่นรอบคัดเลือก จึงจำเป็นต้องลงเล่นในแมตช์อุ่นเครื่องให้มากพอ เพื่อเป็นการทดสอบ และปรับปรุงทีม โค้ช โจเซฟ ฮิคเกอร์สแบเกอร์ ได้พบว่าพวกเขายังมีอุปสรรคและปัญหาอีกมากมายที่ต้องแก้ไขก่อนถึงรอบสุดท้ายเดือนมิถุนายนนี้

กลุ่ม B

โปรแกรมการแข่งขัน 
8 มิ.ย. 2008 ออสเตรีย - โครเอเชีย 23.00 น. 
12 มิ.ย. 2008 ออสเตรีย - โปแลนด์ 01.45 น.
16 มิ.ย. 2008 ออสเตรีย - เยอรมนี 01.45 น.

นับแต่เข้าคุมทีม ฮิค เกอร์สแบเกอร์ พาออส เตรียพ่าย 3 นัดติดต่อกัน ก่อนจะเสมอกับคอสตาริกา 2-2 ในนัดที่ 4 และชนะได้เป็นครั้งแรกต่อทีมปลายแถวอย่างลิกเตนสไตน์ เพียง 2-1 ด้วยประตูในช่วงท้ายเกมของ โธมัส เพรเกอร์ ตามด้วยการเอาชนะเจ้าภาพร่วมทีมสวิตเซอร์แลนด์ 2-1 แมตช์ต่อมากับตรินิแดด และโตเบโก โดย เรเน เอาฟ์ เฮาเซอร์ ทำแฮตทริกให้ทีมชนะ 4-1 เมื่อเดือนตุลาคม 2006 แต่หลังจากนั้นพวกเขาต้องรออีกถึง 1 ปี และ 10 แมตช์ จึงจะเอาชนะได้อีกครั้งเหนือ ไอวอรีโคสต์ 3-2 ที่อินน์สบรูค ผลการแข่งขันที่ออกมาค่อนข้างแย่ทำให้โค้ช ฮิค เกอร์สแบเกอร์ จำเป็นต้องนำผู้เล่นใหม่ ๆ เข้ามาเสริมทีม และหวังว่าทีมชาติออสเตรียโฉมใหม่จะสามารถผ่านรอบแรกไปถึงรอบ ก่อนรองชนะเลิศได้
ผลงานในฟุตบอลโลก 2006 ออสเตรียทำได้เพียงอันดับ 3 ในการเล่นรอบคัดเลือก ทำให้ไม่ได้ไปรอบสุดท้ายฟุตบอลโลก 2 ครั้งติดต่อกัน หลังจากได้ไปครั้งสุดท้ายเมื่อปี 1998

ผลงานในฟุตบอลยูฟ่ายูโร 2004 ออสเตรียไม่ได้ผ่านเข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลยูโร 2004 เพราะทำได้อันดับ 3 ของกลุ่ม ตามหลังสาธารณรัฐเช็ก และเนเธอร์แลนด์ พวกเขาไม่เคยผ่านเข้ารอบสุดท้ายยูฟ่ายูโรมาได้เลยแม้แต่ครั้งเดียว ดังนั้นครั้งนี้จึงเป็นโอกาสแรกของพวกเขาที่จะได้เล่นรอบสุดท้ายฟุตบอลยูโร ผลงานที่ผ่านมาในรอบคัดเลือกยูโรทั้งหมด 80 แมตช์ ออสเตรียเอาชนะได้ 33 เสมอ 13 และแพ้ถึง 34 ทำได้ 146 ประตู และเสีย 125 ประตู

กลยุทธ์การเล่นของออสเตรีย

ออสเตรียได้ทดลองนำผู้เล่นหน้าใหม่ลงหาประสบการณ์ในแมตช์มิตรภาพ เพื่อเตรียมทีมเข้าสู่ฟุตบอลยูโร 2008 ดังนั้นผลงานชนะเพียงนัดเดียวจาก 12 แมตช์ ในปี 2007 จึงอาจจะบอกอะไรไม่ได้มากนัก

ในแดนหลัง ฮิคเกอร์ ใช้ระบบ 4 กองหลัง และเน้นการตั้งรับอันเหนียวแน่น โดยมี เซบาสเตียน โพรเดิล, มาร์ติน สตรานเซิล และ เอมานูเอล โปกาเตทซ์ เป็นกำลังหลัก ในระบบ 4-4-2 หรือ 4-5-1

ปัญหาของออสเตรียคือ การขาดดาวยิงที่เฉียบขาด เชื่อถือได้ ทำให้ยิงคู่แข่งได้น้อย ตัวเลือกในแดนหน้าคงจะเป็น โรแลนด์ ลินซ์ ซึ่งทำประตูได้อย่างสม่ำเสมอ กับ บรากา ในลีกโปรตุ เกส และดาวยิงวัย 30 ปีของออสเตรีย เวียนนา ซาเนล คุลยิซ

ส่วนแดนกลางนอกจากสองตัวรับ โจอาคิม สตานด์เฟสต์ และ เรเน เอาฟ์เฮาเซอร์ ที่น่าจะได้ลงตัวจริง ที่เหลือล้วนเป็นผู้เล่นใหม่ ๆ ซึ่งคงต้องชิงตำแหน่งกันจนนาทีสุดท้าย.

ข้อมูลจำเพาะ

กัปตันทีม : อันเดรียส อิวานซิตซ์
อันดับโลกล่าสุด : 91
ผลงานที่ดีที่สุดในยูโร : ควอเตอร์ไฟนัล
ผลงานในฟุตบอลยูโร รอบสุดท้าย
1960 - รอบก่อนรองชนะเลิศ
1964 - รอบ 16 ทีมสุดท้าย
1968-2004 - ไม่ผ่านรอบคัดเลือก
2008 - เข้ารอบสุดท้ายในฐานะเจ้าภาพร่วม

     โค้ช : โจเซฟ ฮิคเกอร์สแบร์เกอร์

     นับเป็นออสเตรียนที่ประสบความสำเร็จทั้งในฐานะนักเตะและโค้ช โดยได้เข้าร่วมฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายมาแล้วทั้งสองบทบาท แต่ครั้งนี้จะเป็นโอกาสแรกของเขาในฟุตบอลยูโรรอบสุดท้าย ซึ่งดูจากผลงานในแมตช์อุ่นเครื่องแล้ว งานของเขาคงจะไม่ง่ายเลย

เขาเริ่มอาชีพนักเตะเมื่อปี 1966 กับสโมสรออสเตรีย เวียนนา และสามารถคว้าแชมป์ลีกออสเตรียได้ในฤดูกาล 1968/69 กับ 1969/70 ติดต่อกันทำให้ได้โอกาสไปเล่นในบุน เดสลีกาเยอรมนี กับคิคเกอร์ส ออฟเฟนบัค ก่อนจะย้ายไป ฟอร์จูนา ดุสเซลดอร์ฟ ในเวลา ต่อมา

ฮิคเกอร์สแบร์เกอร์ ติดทีมชาติออสเตรีย 39 ครั้ง โดยแมตช์สุดท้ายเป็นการเล่นในฟุตบอลโลก 1978 เอาชนะเยอรมันตะวันตก 3-2 หลังจากนั้นเขาย้ายกลับลงมาเล่นในบ้านเกิดกับทีมอินน์สบรุค และไปจบ 2 ฤดูกาลสุดท้ายของการเป็นนักเตะอาชีพกับ ราปิด เวียนนา ซึ่งเขาร่วมทีมคว้าแชมป์ลีกออสเตรีย ได้อีกครั้งในฤดูกาล 1981/82

“ฮิคเก” ได้รับมอบหมายงานโค้ชทันทีหลังแขวนสตั๊ด โดย เข้ารับหน้าที่โค้ชทีมชาติออสเตรียอายุต่ำกว่า 21 ปี และเลื่อนขึ้นรับตำแหน่งโค้ชทีมชาติชุดใหญ่ครั้งแรกในปี 1988 เขาสามารถพาทีมออสเตรียเข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลก 1990 ได้สำเร็จ และมีผลงานที่น่าจดจำจากการพาทีมลงเล่นแมตช์มิตรภาพชนะสเปน และเนเธอร์แลนด์ได้อย่างเหนือความคาดหมาย

อย่างไรก็ดี หลังจากคุมทีมได้ 29 แมตช์ เขาก็ถูกปลดออกจากตำแหน่งหลังพาทีมออสเตรียลงเล่นแมตช์แรกของรอบคัดเลือกฟุตบอลยูโร 92 พ่ายทีมรองบ่อน ฟาโรห์ ไอส์แลนด์ 0-1

เขากลับไปคุมทีมสโมสร ฟอร์จูนา ดุส เซลดอร์ฟ ที่เคยเป็นนักเตะอยู่ ก่อนจะกลับมาคุมทีมออสเตรีย เวียนนา ต่อด้วยการออกไปเผชิญโชคในตะวันออกกลาง

เขาไปรับงานคุมทีม อัล อาลี, อาหรับ คอนแทรคเตอร์ส, อัล ชาบาย และ อัล วาส เซิล ตามด้วยการคุมทีมบาห์เรน เขาปิดท้ายงานในตะวันออกกลางกับ อัล เอทีฮัด ในกาตาร์ ก่อนจะกลับบ้านไปคุมออสเตรีย เวียนนา ในปี 2002 เขาพาทีมคว้าแชมป์ลีกออสเตรียในปี 2003/04 และผ่านรอบคัดเลือกเข้าถึงรอบแบ่งกลุ่มฟุตบอลยูฟ่าแชม เปี้ยนส์ลีก ได้อีกด้วย

เขากลับเข้ามารับงานคุมทีมชาติอีกครั้ง หลังจาก ฮันส์ แครงเคิล พาทีมลงเล่นรอบคัดเลือกฟุตบอลโลก 2006 แล้วตกรอบตั้งแต่ยังแข่งไม่ครบอีก 2 แมตช์ จึงลาออกไปเพราะถูกสื่อมวลชนโจมตี “ฮิคเก” พาทีมลงเล่น 2 แมตช์ที่เหลือ แพ้อังกฤษ 0-1 และชนะไอร์แลนด์เหนือ 2-0

ฟุตบอลยูโร 2008 นี้ แม้จะเป็นเจ้าบ้าน แต่การต้อง พบกับทีมอย่างโครเอเชีย, โปแลนด์ และเยอรมนี คงจะเป็นเรื่องยากอย่างยิ่ง ที่เขาจะพาทีมผ่านรอบแรกไปได้.

ผู้เล่นดาราทอง : เฮอร์เบิร์ต โปรฮาสกา

เฮอร์เบิร์ต โปรฮาสกา เป็นนักฟุตบอลออสเตรีย ที่ประสบความสำเร็จสูงสุดทั้งในลีกออสเตรียเอง และในการออกไปเล่นที่อิตาลี เขายังสามารถทำผลงานได้ดีในการเป็นโค้ช และสุดท้ายยังทำงานเป็นคอมเมนเตเตอร์ทางทีวีอีกด้วย

โปรฮาสกา กล่าวว่า เขารู้สึกภูมิใจมากที่ได้รับเลือกเป็นดาราทองของออสเตรีย ทั้งที่เขาคิดว่ายังมีนักเตะออสเตรียดัง ๆ อีกหลายคนที่ น่าจะได้ตำแหน่งนี้ เช่น ฮันส์ แครงเคิล, โทนี โปลสเตอร์ และ บรูโน เพซไซย์ และได้ขอบคุณโค้ชและเพื่อนร่วมทีมทุกคนที่มีส่วนช่วยให้เขาประสบความสำเร็จ และได้รับรางวัลในครั้งนี้

โปรฮาสกา เป็นผู้เล่นกองกลางที่มีพรสวรรค์ และมีรูปแบบการเล่นที่สวยงาม มีสายตาที่แหลมคม ทำให้โดดเด่นเป็นพิเศษในการป้อนลูกให้กองหน้าดาวยิงเข้าทำประตู เขาเข้าร่วมทีมออสเตรีย เวียนนา ตั้งแต่อายุ 17 ปี และมีผลงานดีเด่นตลอดเวลา 12 ปี ที่อยู่กับทีม ซึ่งในระหว่างนั้นมีอยู่ 3 ปี ที่เขาออกไปเล่นในอิตาลีกับ อินเตอร์ มิลาน และโรมา

ผลงานที่มีชื่อเสียงของ โปรฮาสกา คือ รอบคัดเลือกฟุตบอลโลก 1978 เมื่อเดือนตุลาคม 1977 กับตุรกี ซึ่งเขาเป็นผู้ยิงประตูชัยเอาชนะ 1-0 พาทีมเข้าสู่รอบสุดท้ายที่อาร์เจนตินาได้สำเร็จ นับเป็นครั้งแรกของออสเตรียในรอบ 20 ปี และในรอบสุดท้ายทีมชาติออสเตรียของเขายัง เอาชนะได้ทั้งสวีเดน, สเปน และปราบเยอรมนี 3-2 นับเป็นยุคทองของฟุตบอลออสเตรียอย่างแท้จริง

ในลีกออสเตรีย เขาร่วมทีมคว้าแชมป์ลีก 7 ครั้ง ออสเตรียนคัพ 4 ครั้ง ร่วมทีมโรมาคว้าแชมป์เซเรอา อิตาลี ปี 1982/83

หลังเลิกเล่นในปี 1989 เขาเข้ารับตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายกีฬาของสโมสรออสเตรีย เวียนนา ก่อนรับตำแหน่งโค้ชในเดือนมีนาคม 1990 ในฐานะโค้ชเขาพาทีมคว้าทริปเปิลแชมป์ออสเตรีย คือ แชมป์ลีก, แชมป์ถ้วย และซูเปอร์คัพ ได้ถึงสองครั้ง ทำให้ถูกดึงตัวมาเป็นโค้ชทีมชาติใน ปี 1993

ผลงานที่ยอดเยี่ยมของเขาคือ การพาทีมเข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลก 1998 ยี่สิบปีหลังเป็นนักเตะร่วมทีมไปฟุตบอลโลกอาร์เจนตินา

อย่างไรก็ดี ในเดือนมีนาคม 1999 เขาพาทีมลงเล่นฟุตบอลยูโร 2000 รอบคัดเลือกกับสเปนที่บาเลนเซีย พ่ายไปอย่างหมดรูป 0-9 ทำให้เขาลาออกจากตำแหน่งทันทีหลังจบเกม หลังจากนั้นเขากลับไปเป็นโค้ชให้ออสเตรีย เวียนนา อีกรอบ แต่อยู่ได้ไม่นานก็ลาออก และไปทำงานผู้วิจารณ์ฟุตบอลทางทีวี พร้อมกับช่วยฝึกสอนนักบอลระดับเยาวชนให้กับทีมในดิวิชั่นสองของออสเตรียด้วย.

รายชื่อนักเตะที่คาดว่าจะติดทีมชาติออสเตรีย

ผู้รักษาประตู : คริสเตียน กราตเศ, เจอร์เกน มาโช, อเล็กซ์ แมนนิงเกอร์, เฮลเก เปเยอร์

กองหลัง : อันเดรียส โดเบอร์, โรนัลด์ แกร์ซาลิยู, มาร์ติน ไฮเดน, อันเดรียส ไอแบร์ตสแบร์เกอร์, มาร์คุส คาตเซอร์, เจอร์เกน ปาต็อคกา, เอมานูเอล โปกาเตทซ์, เซบาสเตียน โพรเดิล, ฟรานซ์ ไชเมอร์, โจอาคิม สตานด์เฟสต์, มาร์ติน สตรานเซิล

กองกลาง : เรเน เอาฟ์เฮาเซอร์, คริสเตียน ฟุชส์, โยฮันเนส เออร์เทิล, อันเดรียส์ อิวานซิตซ์, อูมิต คอร์กมาร์ซ, คริสโตฟ เลต์เกบ, เจอร์เกน ซามูเอล, มาร์คุส ไวส์เซนแบร์เกอร์

กองหน้า : มาร์ติน ฮาร์นิค, ซาเนล คุลยิซ, โรมัน คีนาสต์, เออร์วิน โฮฟเฟอร์, มาร์ก ยานโก, โรแลนด์ ลินซ์, สเตฟาน มายเออร์โฮเฟอร์, อิวิกา วาสติช

เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์