อาถรรพ์ช่อง 3!ขิงจุดโทษท้ายเกมหงส์ดราม่าแซงไก่ 3-2

อาถรรพ์ช่อง 3!ขิงจุดโทษท้ายเกมหงส์ดราม่าแซงไก่ 3-2 

"หงส์แดง"ลิเวอร์พูลพลิกสถานการณ์จากที่ส่อแพ้คาบ้านกลับมาแซงท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์สจากจุดโทษก่อนหมดเวลา 8 นาทีของสตีเฟ่น เจอร์ราร์ดขยับขึ้นมาอยู่อันดับ 6 ตามหลังอันดับ 4 เหลือแค่ 7 แต้มแล้ว 

พรีเมียร์ลีก อังกฤษ 

วันอาทิตย์ที่ 10 มีนาคม 2556
 

 ลิเวอร์พูล 3-2 ท็อตแน่ม ฮอทสเปอร์  

สนาม : แอนฟิลด์ 

ประตู : 
1-0 หลุยส์ ซัวเรซ น. 21, 1-1 แยน แฟร์ทองเก้น น. 45, 1-2 แยน แฟร์ทองเก้น น. 52, 2-2 สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง น. 66, 3-2 สตีเฟ่น เจอร์ราร์ด น. 82 (จุดโทษ) 

ลิเวอร์พูลชนะมา 3 เกมรวดรวมทุกรายการเรียกว่าฟอร์มกำลังดีและมีหวังลึกๆกับการไล่อันดับ 4 ทีเดียวหากวันนี้สามารถคว้า 3 แต้มได้สำเร็จ 

ตำแหน่งประตูไม่มีชื่อขอเรน่าที่หายไปอย่างไร้ร่องรอยต้องส่งแบรด โจนส์ลงสนามมาเฝ้าเสาแทนส่วนกองหลังคาร์ราเกอร์เล่นนัดที่ 500 ในพรีเมียร์ลีก 

แผงกลางยังเป็นชุดเก่งมีเจอร์ราร์ดกับลูคัสคอยคุมเกมปล่อยให้ดาวนิ่งและคูตินโญ่ลายเลื้อยริมเส้นและมีซัวเรซกับสเตอร์ริดจ์ที่หายเจ็บกลับมาลงสนาม 

ด้านสเปอร์สเพิ่งกรำศึกกลางสัปดาห์มากับอินเตอร์ มิลานแต่ก็ได้กำลังใจโขเพราะเป็นฝ่ายถล่มถึง 3-0 

ญอริสลงเฝ้าเสาอีกครั้งหลังหลีกทางให้ฟรีเดลทำหน้าที่ในเกมก่อนส่วนกองหลังมีดอว์สันกัปตันทีมนำทัพ 

กองกลางมีเด็มเบเล่คอยคุมจังหวะกับพาร์เกอร์และมีซิเกิร์ดสันคอยเปิดเกมรุก 

แนวรุกมี"พญาวานร"เบลที่กำลังฮอตสุดๆปักหลักขู่แผงหลังเจ้าถิ่นและเดโฟเบียดอเดบายอร์ลงมายืนหน้าเป้าในวันนี้ 

ครึ่งแรก 

หริดหลุดซัดข้ามคาน 
"หงส์แดง"มีโอกาสง้างไกก่อนในนาทีที่ 5 เมื่อเจอร์ราร์ดแย่งบอลได้ตรงกลางสนามบอลเลยมาถึงสเตอร์ริดจ์เลี้ยงจี้เข้าหาแฟร์ทองเก้นในกรอบเขตโทษด้านขวาก่อนยิงทันทีแต่บอลไม่ตรงกรอบ 

ฟรีคิกเบลเกือบได้เรื่อง 
นาทีที่ 12 ทีมเยือนมีโอกาสลุ้นฟรีคิกระยะ 30 หลาเบลรับหน้าที่สังหารด้วยซ้ายบอลลอยข้ามกำแพงแล้วส่ายไปสายมาทำให้โจนส์ไม่กล้ารับต้องทุบออกหลังไป 

คูตินโญ่ลองส่องไกลได้แค่เสียว 
ผ่านมาครบ 20 นาทีสเปอร์สทำเกมดูดีกว่าแต่ก็ไม่มีจังหวะยิงและเจ้าถิ่นมาได้โอกาสส่งอีกทีจากคูตินโญ่ที่ลากบอลจากริมเส้นด้านซ้ายหนีวอล์คเกอร์แล้วพยายามยิงไปตรงสามเหลี่ยมเสาไกลทว่าบอลไม่เข้ากรอบ 

สวยงาม...หงส์แทงสองต่อ"หม่อมเหยิน"สำเร็จโทษ 
จังหวะนี้ต้องชมเจ้าบ้านจริงๆที่ต่อบอลอย่างสวยเริ่มจากคูตินโญ่แทงบอลทะลุช่องไปให้เอ็นริเก้เลี้ยงบอลรอจังหวะซัวเรซวิ่งฉีกมาตรงที่ว่างในกรอบเขตโทษด้านซ้ายซึ่ง"หม่อมเหยิน"ก้าวเข้ามาจิ้มบอลลอดตัวของญอริสเข้าไปจังหวะเดียวนับเป็นประตูที่ 50 ของเขากับลิเวอร์พูลจากการลงสนาม 90 เกมและเป็นประตูที่ 22 ในพรีเมียร์ลีกซีซั่นนี้ด้วย 

ไม่จ่าย!เหยินฝืนยิงเองหริดรอเงิบเลย 
"หงส์แดง"มีโอกาสอีกแล้วเมื่อเจอร์ราร์ดแทงบอลทะลุช่องให้ซัวเรซหลุดไปในกรอบเขตโทษด้านขวาซึ่งเจ้าตัวเลือกยิงเองไปติดเซฟของญอริสโดยที่หากเขาจ่ายย้อนมาตรงกลางจะมี"หริด"ที่ยืนร้องเพลงรอคอยสอยอยู่แล้ว 

เบลเลี้อยเดี่ยวกลับยิงไม่ดี 
นาทีที่ 35 เบลพยายามฝืนเลี้ยงเข้าหากองหลังของลิเวอร์พูล 3 ตัวจนเข้าไปในกรอบเขตโทษด้านขวาแต่จังหวะยิงหลักไม่ดีทำให้บอลหลุดกรอบออกไปไกล 

เกือบไป!กิลฟี่หลุดเดี่ยวดันยิงออก 
กองหลังเจ้าบ้านพลาดทั้งแผงเมื่อเบลไขว้หลังอย่างงามให้ซิเกิร์ดสันหลุดไปเดี่ยวๆกับโจนส์แต่เขากลับเลือกยิงไม่ดีบอลพุ่งเลียดออกไปทางเสาด้านซ้ายมือนิดเดียว 

ถัดมาไม่นาน"หงส์แดง"โต้กลับบ้างเมื่อเอ็นริเก้โยนยาวจากหลังให้สเตอร์ริดจ์พักบอลให้ซัวเรซเลี้ยงเข้าหากองหลังแต่บอลกระเด้งมาถึงหริดอีกทีบริเวณริมเส้นด้านขวาซึ่งเขาตัดสินใจยิงแต่บอลไปเข้ามือญอริส 

หน้าลิงเปิดพี่ทองโขกเต็มหัวไก่ตามเจ๊า 
กองเชียร์"ไก่เดือยทอง"ใจหายวาบเมื่อเบลล้มกลิ้งล้มหงายไปพักหนึ่งหลังจากโดน"หัวขิง"ขึ้นโขกอัดกันกลางอากาศแบบเต็มๆแต่"พญาวานร"ไม่เป็นอะไรกลับมาลงเล่นได้แถมจังหวะที่เขาลงมาในสนามนี่เองก็ได้เปิดจากริมเส้นด้านขวาเข้ามาให้แฟร์ทองเก้นขึ้นโขกเหนือจอห์นสันเข้าประตูไปในนาทีสุดท้ายของครึงแรกพอดี


ครึ่งหลัง 

เดโฟซัดแรงติดโจนส์ 
ครึ่งหลังเป็นฝ่ายสเปอร์สได้ลองยิงก่อนในนาทีที่ 51 เมื่อเดโฟได้บอลกระชากเข้าไปในกรอบเขตโทษด้านขวาแล้วพยายามยิงยัดมาที่เสาแรกบอลพุ่งแรงจนโจนส์ที่ปิดมุมเอาไว้รับไม่อยู่บอลกระฉอกออกมาแล้วแอ็กเกอร์มาเคลียร์ทิ้งออกไป 

พี่ทองอีกแล้ว!ยิงยัดเสาแรกไก่โบยบิน 
จากจังหวะฟรีคิกกลางสนามด้านซ้ายเบลเปิดบอลยาวมากองหลังลิเวอร์พูลเคลียร์ไม่ขาดบอลไปตกใส่แฟร์ทองเก้นเข้าซ้ายพอดีเขาเลยยิงจังหวะเดียวบอลลอยยัดเสาแรกเข้าไป"ไก่เดือยทอง"ขึ้นนำแล้ว 

ไก่บุกหนักกิลฟี่ยิงแฉลบชนเสา 
เบลแผลงฤทธิ์อีกแล้วเมื่อลากบอลหนีเจอร์ราร์ดมาทางริมเส้นด้านขวาก่อนได้เปิดมาตรงเสาไกลให้กิลฟี่ที่ยืนโล่งๆจับบอลหนึ่งจังหวะแล้วยิงไปติดจอห์นสันก่อนที่บอลจะแฉลบไปโดนเสาออกหลังไป 

ถัดมาไม่นานสเปอร์สมาอีกชุดใหญ่คราวนี้เป็นเด็มเบเล่ลากหลุดนักเตะเจ้าถิ่นมา 2 คนก่อนอัดเต็มแรงหน้าปากเขตโทษโจนส์ต้องทุบทิ้งออกมาตอนนี้ทรงบอลของ"หงส์แดง"ไม่มีแล้ว 

ญอริสแจกของขวัญ...ดาวนิ่งน้อมรับหงส์ไล่ตี 2-2 
"หงส์แดง"มาได้ประตูตีเสมอได้ต้องขอบคุณญอริสเลยเมื่อออกมาตัดบอลที่วอล์คเกอร์ส่งคืนหลังพลาดปล่อยให้ดาวนิ่งลากบอลเข้าไปล่อเป้าแฟร์ทองเก้นที่ยืนคุมเส้นก่อนที่จะยิงอัดลอดดาก"พี่ทอง"เข้าไปซุกก้นตาข่ายในนาทีที่ 66 

แลกกันมันส์!หริดโขกเข้าข้างตาข่าย 
นาทีที่ 73 "หงส์แดง"เล่นบอลโต้กลับได้ดีดาวนิ่งลากจี้มาทางริมเส้นด้านขวาก่อนเปิดโด่งไปที่เสาไกลมีสเตอร์ริดจ์พยายามวิ่งเข้ามาโถมโหม่งจังหวะที่บอลจะออกหลังอยู่แล้วทำให้ไม่มีมุมบอลเลยเข้าเพียงแค่ข้างตาข่าย 

หริดล้มในกรอบหงส์วืดโทษ 
แฟนบอล"ไก่เดือยทอง"ใจหายวาบเมื่อหริดพลิกบอลเข้าไปในกรอบเขตโทษด้านขวาก่อนโดนแฟร์ทองเก้นตามมาสกัดด้านหลังจนล้มลงซึ่งจากภาพช้าขาของดาวเตะทีมชาติอังกฤษก็โดนเกี่ยวจริงๆแต่ล้มช้าไปหน่อยทำให้ไม่มีเสียงนกหวีดจากกรรมการ 

หัวขิงซัดโทษพาหงส์แซงนำ 
"หงส์แดง"มาได้จุดโทษจนได้จากจังหวะที่เดโฟสกัดผิดมาเข้ากรอบเขตโทษของตัวเองซัวเรซยืนอยู่ตรงนั้นจะเล่นบอลแต่โดนเอก็อตโต้เข้ามาปะทะจนล้มลงไปโอลิเวอร์เป่าเป็นจุดโทษทันที 

เจอร์ราร์ดรับหน้าที่สังหารเองโดยเลือกยิงไปด้านขวาของตัวเองบอลเช็คโคนเสาเข้าไปโดยที่ญอริสพุ่งผิดทางทำให้"หงส์แดง"ทะยานนำ 3-2 แล้ว 

ไก่ปีกหักหงส์ทะยานที่ 6 ลุ้นที่ 4 แบบมีหวัง 
ช่วง 10 นาทีสุดท้ายทีมเยือนพยายามบุกอย่างหนักแต่ก็ไม่สามารถเจาะประตูได้ทำให้พวกเขาแพ้ในลีกนัดแรกในรอบ 8 เกมพร้อมส่งให้"หงส์แดง"ชนะ 4 เกมรวดรวมทุกรายการขยับแซงเวสต์บรอมกับเอฟเวอร์ตันไปอยู่อันดับ 6 ตามหลังอาร์เซน่อลเพียง 2 แต้ม 


รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม : 

ลิเวอร์พูล : แบรด โจนส์, เกล็น จอห์นสัน, โฆเซ่ เอ็นริเก้, ดาเนี่ยล แอ็กเกอร์, เจมี่ คาร์ราเกอร์, สตีเฟ่น เจอร์ราร์ด , ลูคัส เลว่า, ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ (โจ อัลเลน น. 59), สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง , หลุยส์ ซัวเรซ , ดาเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ (จอร์แดน เฮนเดอร์สัน น. 88) 
ตัวสำรองที่ไม่ได้ลงสนาม : ปีเตอร์ กูลัคซี่, มาร์ติน สเคอร์เทล, อังเดร วิสดอม, ราฮีม สเตอร์ลิ่ง, จอนโจ้ เชลวี่ย์, อุสซามะ อัสไซดี้ 

ท็อตแน่ม ฮอทสเปอร์ : ฮูโก้ ญอริส, แยน แฟร์ทองเก้น   , ไมเคิ่ล ดอว์สัน, ไคล์ วอล์คเกอร์, เบนัวต์ อัสซู-เอก็อตโต้ (โธมัส คาร์โรลล์ น. 89), สกอตต์ พาร์เกอร์, มุสซ่า เด็มเบเล่, เจค ลิเวอร์มอร์ (ลูอิส โฮลท์บี้ น. 84), แกเร็ธ เบล, เจอร์เมน เดโฟ, กิลฟี่ ซิเกิร์ดสัน 
ตัวสำรองที่ไม่ได้ลงสนาม : แบรด ฟรีเดล, วิลเลี่ยม กัลลาส, ไคล์ นอห์ตัน, สตีเฟ่น คอลเกอร์, ทอม ฮัดเดิลสตัน 


 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 

เครดิต :

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์