"เทพหงส์" ต้อนนิวฯสบายเกือก 3-0 จี้ "ผี" สามแต้ม

จังหวะ "เคาท์" โหม่งลูก 2-0








  ลิเวอร์พูล จัดการส่ง สตีเวน เจอร์ราร์ด กัปตันทีมลงสนามหลังสภาพร่างการฟิตสมบูรณ์ แต่ต้องพลาดการใช้งาน เฟอร์นานโด ตอร์เรส กองหน้าตัวเก่งที่มีอาการบาดเจ็บก่อนหน้าเกม ขณะที่ นิวคาสเซิล ตัดสินใจดร็อป ไมเคิล โอเวน จากตำแหน่งตัวจริงพร้อมส่ง ปีเตอร์ โลเวนครานด์ส ลงมาเป็นสามประสานแดนหน้าร่วมกัน มาร์ก วิดูกา และ โอบาเฟมี มาร์ตินส์














เบนายูน เฮกับ เคาท์ หลังส่องประตูแรก
       เกมครึ่งแรก นิวคาสเซิล พยายามต่อบอลเพื่อทำเกมบุกกดดันแต่ยังไม่ดีพอถูกกองหลังเจ้าบ้านรับมือได้หมด หลังจากนั้น ลิเวอร์พูล เริ่มทำเกมของตัวเองได้จนมีโอกาสลุ้นเป็นครั้งแรกในนาที 13 เมื่อ โคลอชชินี ทำฟาวล์ เจอร์ราร์ด ล้มลงตรงหน้าเขตโทษ กรรมการเป่าให้เป็นฟรีคิกและมิดฟิลด์ทีมชาติอังกฤษลุกขึ้นมาสังหารเอง บอลพุ่งแรงเกือบเสียบโคนเสา แต่ ฮาร์เปอร์ พุ่งตัวเซฟไว้ได้
       
       อีก 2 นาทีถัดมา อาร์เบลัว กระชากบอลขึ้นมาจากจังหวะโต้กลับเร็ว จากนั้นถ่ายต่อให้ เจอร์ราร์ด เลี้ยงต่อขึ้นมาถึงหน้าเขตโทษ ก่อนสับไกยิงเต็มข้อ บอลพุ่งเข้ากรอบประตู แต่ถูกนายด่านทีมเยือนพุ่งปัดออกหลังไปอีกครั้ง ต่อมา เคาท์ ทำเกมขึ้นมาจนถึงสุดเส้นหลังก่อนเปิดเข้ากลาง บอลแรงเกินไปแต่ ออเรลิโอ เก็บได้ก่อนเปิดกลับมาให้หัวหอกชาวดัตช์ขึ้นโหม่ง แต่ไม่เด็ดขาดพอบอลผ่านหน้าประตูไป
       
       เกมมาถึงนาที 22 ลิเวอร์พูล ทำประตูออกนำได้สำเร็จจากความผิดพลาดของ วิดูกา โหม่งบอลไม่ดีย้อนกลับมาเข้าเขตโทษตัวเอง จนบอลหลุดไปถึง เจอร์ราร์ด ได้เปิดกลับเข้ากลาง กองหลังทีมเยือนป้องกันไม่เด็ดขาดถูก เคาท์ ฉกบอลไป กองหน้าแดนกังหันตวัดแรงกลับเข้ากลางอีกครั้งมาถึง เบนายูน ยืนอยู่หน้าปากประตูชาร์จเข้าไปง่ายให้ทีมออกนำ 1-0
       
       อีก 2 นาทีต่อมาปีกชาวยิวเกือบทำประตูที่ 2 ของตัวเองเมื่อรับบอลได้จาก ออเรลิโอ ในกรอบเขตโทษ ก่อนล็อกหลอกกองหลังจนได้ตรงหน้าประตู แต่ถูก ฮาร์เปอร์ เซฟไว้ได้อีกและกรรมการเป่าเป็นลูกล้ำไปก่อนแล้ว อย่างไรก็ตาม หงส์แดง หนีห่างเป็น 2-0 จนได้จากจังหวะเตะมุมเมื่อ เจอร์ราร์ด เปิดมาให้ เคาท์ วิ่งหนีตัวประกบมาโหม่งตรงหน้าประตูเข้าไปง่ายๆ
       
       ด้าน นิวคาสเซิล ไม่สามารถต่อเกมสร้างความกดดันให้แก่คู่ได้เลยและเกือบถูกเจ้าบ้านทำประตูหนีห่างออกไปอีกครั้งในนาที 38 จากจังหวะที่ อลอนโซ เก็บบอลได้ตรงหน้าเขตโทษ ไม่มีผู้เล่นทีมเยือนเข้ามากดดันจึงลองอัดเต็มแรง บอลพุ่งหมดสิทธิ์ที่ ฮาร์เปอร์ จะป้องกันได้ทัน แต่บอลพุ่งไปชนคานอย่างน่าเสียดาย














อลอนโซ ดวลลูกโหม่งกับ วิดูกา
       เกมยังดำเนินไปแบบวันเวย์ จนกระทั่งก่อนหมดเวลา 2 นาที หงส์แดง มีโอกาสอีกครั้งจากจังหวะที่ แอกเกอร์ เติมเกมขึ้นมาถึงหน้าเขตโทษได้ลองอัดด้วยซ้ายเต็มแรง บอลพุ่งแรงเข้ากรอบประตูแต่ ฮาร์เปอร์ ยังป้องกันได้ดีอีก หลังจากนั้นไม่มีฝ่ายใดทำประตูกันอีกทำให้จบ 45 นาทีแรก เจ้าบ้านนำ 2-0
       
       เกมครึ่งหลังกลับมาลงสนาม ลิเวอร์พูล ยังคงทำเกมเหนือกว่าทีมเยือนเหมือนเดิมและมีโอกาสลุ้นทันทีหลังผ่านมา 4 นาที จากจังหวะเคลียร์บอลไม่ขาดของ บาสซง บอลมาตกใส่เท้า เจอร์ราร์ด ซัดเรียดเต็มแรง แต่บอลผ่านหน้าประตูออกหลังไปเพียงนิดเดียว
       
       นิวคาสเซิล ไม่สามารถสร้างความกดดันให้แก่เจ้าบ้านได้เลย แต่ หงส์แดง ก็เริ่มเพลาเกมบุกลงทำให้ช่วงเวลานี้ไม่มีจังหวะตื่นเต้นน่าหวาดเสียว ต้องรอจนกระทั่งนาที 72 เมื่อ อลอนโซ รับบอลได้ตรงหน้าเขตโทษ ก่อนตัดสินใจสับไกเต็มข้อ แต่โชคไม่เข้าข้างบอลพุ่งไปชนคานอีกก่อนจะถูกกองหลังเคลียร์ทิ้งออกมา
       
       เกมเข้าสู่ช่วง 15 นาทีสุดท้าย ไรอัน บาเบล ลากลุยขึ้นมาทางริมเขตโทษด้านซ้าย ก่อนไหลบอลย้อนกลับเข้ากลางให้ เจอร์ราร์ด ซัดเหน่งๆ หน้าเขตโทษ แต่บอลหลุดเสาออกนิดเดียว แต่แล้วเมื่อถึงนาที 87 ลิเวอร์พูล มาได้ประตูย้ำชัยชนะสำเร็จเมื่อทีมได้ลูกฟรีคิก ออเรลิโอ เปิดเข้ากลางและเป็น ลูคัส เลวา ที่เพิ่งถูกเปลี่ยนตัวลงมาสอดมาโหม่งเข้าประตูไปให้ทีมนำ 3-0
       
       ช่วงท้ายเกม เจอร์ราร์ด เกือบทำประตูที่ 2 ของตัวเองได้หลังจากได้ซัดจากนอกกรอบ แต่บอลไปถูกคานอีกเหมือนเดิม สุดท้ายจบ 90 นาที หงส์แดง เอาชนะไปอย่างง่ายดาย 3-0 เก็บคะแนนเพิ่มเป็น 77 แต้มตามหลัง แมนฯ ยูไนเต็ด จ่าฝูงที่เหลือเกมในมืออี 1 นัดอยู่ 3 แต้ม
       
       รายชื่อผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
       ลิเวอร์พูล : เปเป เรนา, ดาเนียล แอกเกอร์, เจมี คาร์ราเกอร์, ฟาบิโอ ออเรลิโอ, อัลบาโร อาร์เบลัว, ชาบี อลอนโซ, ฮาเวียร์ มาสเชราโน, เดิร์ก เคาท์, สตีเวน เจอร์ราร์ด, อัลเบิร์ต ริเอรา, ยอสซี เบนายูน
       นิวคาสเซิล : สตีฟ ฮาร์เปอร์, เซบาสเตียน บาสซง, ฟาบริซิโอ โคลอชชินี, ดาเมียน ดัฟฟ์, ฮาบิบ เบย์, นิกกี บัตต์, อลัน สมิธ, ปีเตอร์ โลเวนครานด์ส, โจอี บาร์ตัน, มาร์ก วิดูกา, โอบาเฟมี มาร์ตินส์

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์