โจเซ่ มูรินโญ่ ...ในวันที่ไม่เป็นที่รัก

การลาจากทีม เชลซี อย่างปัจจุบันทันด่วนของ โจเซ่ มูรินโญ่ ผู้จัดการทีมชาวโปรตุกีส อาจเป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมายของแฟนบอลและเกจิลูกหนังจำนวนนับไม่ถ้วนก็จริงอยู่

แต่สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับชีวิตของกุนซือมาดขรึม ณ เวลาปัจจุบันกลับเป็นเรื่องที่อยู่ในความคาดเดาของกูรูจำนวนหนึ่งโดยมีเงื่อนไขเดียวก็คือ 'เวลา' ว่าสิ่งที่กำลังดำเนินไปนี้มันจะเกิดขึ้นช้าเร็วอย่างไรเท่านั้น สรุปความกันสักนิดว่า หลังจากปล่อยให้ข่าวคราวการลุกจากเก้าอี้นายใหญ่เชลซีของมูรินโญ่เงียบไปได้ไม่เกิน 2 สัปดาห์ แทบลอยด์เมืองผู้ดีก็เริ่มต้น 'ปล่อยของ' ด้วยข่าวเบื้องลึกเบื้องหลังชีวิตครอบครัวของกุนซือชาวโปรตุกีสชนิดวิเคราะห์เจาะลึก โดยมุ่งประเด็นเรื่องการลักลอบมีกิ๊กของมูรินโญ่ลับหลังภรรยาสุดที่รักหลายต่อหลายครั้ง

อันที่จริงตอนที่ยังอยู่ในตำแหน่งบิ๊กบอสของสโมสรยักษ์ใหญ่ของเชลซีก็ใช่ว่าจะไม่มีข่าวเชิงลบเกี่ยวกับมูรินโญ่ออกมา

เพียงแต่ข่าวในตอนนั้นล้วนมีที่มาจากลีลากวนๆ ทั้งในและนอกสนาม รวมทั้งคอมเมนต์เผ็ดร้อนทั้งก่อนและหลังเกมของกุนซือผู้เรียกตัวเองว่า 'คนพิเศษ' คนนี้เสมอ แต่ด้วยฝีไม้ลายมือการคุมทีมที่แน่นอนสมคำโวขนาดพาทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ชิพ 2 สมัยซ้อน รวมถึงเข้ารอบลึกในบอลถ้วยในประเทศนอกประเทศอีกหลายรายการทำให้สถานภาพของมูรินโญ่ในวงการลูกหนังเมืองผู้ดีเทียบชั้นผู้จัดการทีมรุ่นเก๋าอย่าง เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ได้สบายๆ

วันนี้พอไม่ได้อยู่ใต้สปอตไลต์เหมือนเมื่อก่อน ไม่มีโอกาสได้ตอบโต้แก้ตัวด้วยถ้อยคำซับซ้อนหรือเจ็บๆ คันๆ เหมือนเคย

ข่าวกุ๊กๆ กิ๊กๆ นอกลู่นอกทางที่ทยอยหลุดออกมาวันละนิดวันละหน่อยเลยทำให้ภาพพจน์ของมูรินโญ่เริ่มเลอะเทอะเข้าไปทุกที เรื่องเริ่มต้นเมื่อ เดอะ ซัน แทบลอยด์ชื่อดังแฉว่า ครั้งหนึ่งมูรินโญ่เคยอยู่กินกับสาวสวยผมบลอนด์ชื่อ เอลซ่า โซซ่า นานถึง 2 ปีเต็ม โดยเรียกสาวเจ้าว่า 'เจ้าหญิง' และประคบประหงมปรนเปรอเธอด้วยของขวัญราคาแพงเท่าที่เขาจะหามาได้


แถมยังรู้ลึกขนาดที่ว่าทั้งคู่กุ๊กกิ๊กกันบนเตียงนอนโดยเปิดเพลงดังของ สติง ให้จังหวะไปด้วยอีกต่างหาก!

...ทั้งหมดนั้นเกิดขึ้นทั้งๆ ที่เขาก็แต่งงานกับ มาทิลเด้ หวานใจวัยเด็กมาได้ 2 ปีแล้วด้วย!! ข่าวว่ามูรินโญ่ปิ๊งปั๊งเอลซ่าสมัยคุมทีม ไลเรีย สโมสรเล็กๆ ในโปรตุเกสเมื่อปี 2001 พอย้ายไปอยู่กับทีมใหญ่อย่าง ปอร์โต้ ก็หนีบเอากิ๊กคนสวยไปอยู่ด้วยที่ห้องพักซึ่งต้นสังกัดจัดให้ (เดอะ ซัน บอกด้วยว่า) แถมยังไม่กลัวฟ้าผ่า (เพราะผิดคำสาบาน) ด้วยการแนะนำให้เจ้าหน้าที่และนักเตะปอร์โต้รู้จักเอลซ่าในฐานะ 'ภรรยา' ซะอย่างงั้นเลยด้วย!!

ข้างมาทิลเด้หรือ ทามี่ เจ้าของชื่อในทะเบียนสมรสตัวจริงเสียงจริงก็ใช้ชีวิตอย่างไม่รู้อีโหน่อีเหน่กับลูกสาวและลูกชายของทั้งคู่ที่บ้านเกิดในเมืองเซตาบูล

แต่ใช่ว่าชีวิตของเอลซ่าจะดีไปกว่ากัน เพราะเธอต้องอยู่ในฐานะ 'บ้านเล็ก' แบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว เพราะยังเมาคำหวานและสัญญามากมายที่มูรินโญ่พร่ำรำพันให้ทุกวันทุกคืน กระทั่งปลายปี 2002 ก็เกิดเรื่อง เมื่อทามี่บอกสามีว่าจะย้ายไปปอร์โต้เพราะลูกๆ ทนอยู่ห่างพ่อนานๆ ไม่ไหว งานนี้พ่อ แฟมิลี่แมน ก็เสียวสันหลังวาบ ต้องสารภาพความจริงกับเอลซ่า ขอร้องให้เธอย้ายออกจากที่พัก แต่ไม่วายรักพี่เสียดายน้อง ขอให้เธอคงความสัมพันธ์ลับๆ กับเขาต่อไป

งานนี้ทั้งคู่เลยตกเป็นขี้ปากของคนทั้งเมือง

และแม้ว่าจะคบกันต่อไปจนถึงปลายปี 2003 เอลซ่าก็ทนไม่ได้ที่จะเป็นมือที่สามและตัดสินใจเลิกรากับมูรินโญ่ในที่สุด ข่าวนี้ทำท่าว่าจะมีน้ำหนักพอควร เพราะมีพยานรู้เห็นแบบมีชื่อเสียงเรียงนาม มีตัวตนมายืนยันให้เพียบไปหมด (ซึ่งแน่นอนว่าตัวเอลซ่าเองก็พร้อมแฉอยู่แล้วด้วย) วันรุ่งขึ้น แทบลอยด์เจ้าเดิมเลยต่อประเด็นด้วยการตามสืบข่าวว่า ทามี่ซึ่งไม่รู้เรื่องรู้ราวเลยตลอดเวลา 6 ปีที่ผ่านมาจะมีปฏิกิริยาอย่างไรกับการ 'แฉ' ครั้งนี้ โดยอ้าง 'เพื่อนสนิท' ของครอบครัวว่า 'โจเซ่มีอะไรต้องอธิบายเยอะมากๆ เพราะภาพลักษณ์ของแฟมิลี่แมนเต็มข้อโดนลบหายไปหมดแล้ว'

นึกว่าเรื่องจะจบแค่นั้น ที่ไหนได้ ต้นสัปดาห์ใหม่ เดอะ ซันก็ปล่อยคอมโบ้ต่อเนื่องด้วยพาดหัวชวนเปิดอ่านว่า

'โจเซ่ยังนอกใจอีก 2 หน' แต่คราวนี้เนื้อหาไม่ละเอียดและลงลึกเท่ากับคราวของเอลซ่า รู้แต่เพียงว่าเป็นเรื่องที่จำยอมต้องถอดออกจากหนังสือแฉแต่เช้า เอ๊ย! แฉหมดเปลือก ซึ่งเขียนโดย แคโรลิน่า ซัลกาโด้ อดีตเกิร์ลเฟรนด์ของประธานสโมสรปอร์โต้ และออกวางแผงไปเมื่อเร็วๆ นี้ (เรื่องเอลซ่าก็เปิดประเด็นมาจากหนังสือเล่มนี้แหละ)


ข่าวหลังยังไม่มีรายละเอียดเพิ่มเติม เลยต้องยกประโยชน์ให้จำเลยไป

แต่น้ำหนักของข่าวแรกก็น่าจะทำเอาคนมั่นๆ อย่างมูรินโญ่เสียเซลฟ์ไปได้พอควรทีเดียว เพราะคนที่ต้องการคำอธิบายมากที่สุดก็คือภรรยาสุดที่รักนั่นเอง นี่ยังไม่นับความรู้สึกของชาวเมืองผู้ดีบางส่วนที่เคยศรัทธาในความเป็นแฟมิลี่แมนเต็มตัวของอดีตกุนซือเชลซีคนนี้คงขาดตอนไปพอสมควร จึงเกิดเป็นคำถามในใจแฟนบอลบางคนว่า ต้องใช้เวลาอีกนานเท่าไรกว่าที่สื่อจะทำลายภาพดีๆ ของมูรินโญ่ในความรู้สึกของแฟนบอลอังกฤษไปหมดสิ้น เพราะคงไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่เรื่องคาวๆ อายุความ 5-6 ปีดังกล่าวเพิ่งจะมาเปิดเผยเอาตอนที่เจ้าตัวเขาพ้นหน้าที่ไปแล้วอย่างนี้

สุดท้ายเรื่องนี้จะมีภาคต่อไปถึงไหน หรือจะมีโอกาสที่คนในข่าวมากลบกระแสได้หรือไม่ หรือสุดท้ายแล้วข่าวนี้ก็จะเงียบหายไปตามเวลา ตามประสาหนังสือพิมพ์แทบลอยด์


คงมีแต่ 'เวลา' อีกเหมือนกันกระมังที่จะตอบคำถามเหล่านี้ได้


เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์